บทที่ 3 สำรวจความเป็นอยู่

1738 Words
“เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นถึงฮูหยินรอง แต่เหตุใดที่อยู่อาศัยถึงได้ซอมซ่อเช่นนี้เล่า” “ข้าเพียงทำตามคำสั่งของคุณชายเท่านั้น” “คำสั่งของคุณชาย ข้อนี้ข้าพอเข้าใจได้ แต่ตำแหน่งฮูหยินรองคงจะมีเบี้ยหวัดมากอยู่กระมัง” ไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหน แค่เห็นสภาพที่ซุกหัวนอนก็น่าจะรู้แล้วว่าน่าสงสารขนาดไหน แม้แต่กับข้าวก็ไม่ได้ดีกว่าสาวใช้เท่าไหร่ เผลอๆ อาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำไป คุณชายตงหยางก็ช่างใจร้ายเสียกระไร “เบี้ยหวัดได้อยู่แล้ว แต่ว่าคุณชายยังไม่ได้มีคำสั่งเอาไว้ ว่าฮูหยินรองต้องได้เมื่อไหร่” โอวว ใจร้ายอะไรอย่างนี้ว่ะ ฮูหยินรองไม่ได้เงินสักแดง “แล้วคุณชายจะกลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะได้ไปคุย” “อีกสองวันขอรับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัว เชิญฮูหยินรองพักผ่อนตามสบาย” คนอะไรว่ะ เงินก็ไม่ให้แถมให้มาอยู่บ้านซอมซ่อนี้อีก อยากจะเห็นหน้าเสียจริง ไอ้คุณชายเฮงซวย เงินสักแดงก็ไม่เคยได้รับ อันเฟยเทียนเอ๋ยอันเฟยเทียน เธอต้องต้องมาทนทำไมกับเรือนเส็งเคร็งนี้ว่ะ พ่อแม่ไม่มีรึไง แต่ว่าคุณชายจะกลับมาอีกสองวัน แต่ว่าอันเฟยเทียนไม่ได้เป็นที่โปรดปราน ยังไงก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ต้องอยู่ร่างนี้ไปตลอด แล้วจะมาให้กินผักดองทุกมื้อคงไม่ไหวหรอกนะ สำรวจบ้านอีกรอบดีกว่า เผื่อปรับปรุงอะไรได้บ้าง ถ้าหน้าฝนมาไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่ ๆ ว่าแต่ตอนนี้มันฤดูอะไรแล้ว จะได้วางแผนถูก ‘ว่าแต่ว่าเหม่ยอิงกลับมาแล้วรึยังนะ’ “คุณหนู ออกมาทำไมเจ้าค่ะ เดี๋ยวก็ได้เป็นลมเป็นแล้งไปอีก” “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่ช่วงนี้เป็นช่วงอะไร” “จะเข้าช่วงวสันตฤดูเจ้าค่ะ” น่าจะทำการเกษตร ได้แล้วมั้ง ที่ไทยช่วงไหนก็ปลูกได้ ที่นี่ไม่ปลูกก็อดตายนะสิ ลองกันสักตั้งก็แล้วกันนะ “อือ เราสองคนต้องช่วยกันถอนหญ้าแล้วละ ข้าจะปลูกผัก ข้าไม่อยากกินผักดองทุกมื้อหรอกนะ มีจอบ มีเสียมไหม” “คุณหนู ถ้าคุณหนูปลูกผักก็มีแต่ผัก ก็ได้กินแต่ผักอยู่ดี” “มันก็จริง แต่ก็ดีกว่ากินแต่ผักดองแล้วกัน ผักที่ข้าจะปลูก ถ้ามาทำอาหารอร่อยสุดๆ” “เจ้าค่ะ เดี๋ยวเหม่ยอิงไปหาที่หลังเรือน น่าจะมี” หลังจากที่เหม่ยอิงไปหาอุปกรณ์ อันเฟยเทียนก็เดินสำรวจบริเวณบ้านรอบๆ ดูก่อนว่าจะสามารถซ่อมแซมส่วนไหนได้บ้าง กำแพงถ้าเอาเถาวัลย์ ต้นหญ้าออกนี่ก็คงล้มลงมาเลย เป็นกำแพงไม้ไผ่ที่แทบจะใช้การไม่ได้เลย ด้านหลังเป็นป่าไผ่ และมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านด้วย เพราะว่าด้านหน้าเรือนมีสระน้ำขนาดใหญ่ ไม่แปลกที่จะมีลำธารตรงนี้ ถ้ามีเงินแล้วรีโนเวทบ้าน สวยมากเลยนะ เหมือนบ้านพักต่างอากาศเลย “มาแล้วค่ะ มีจอบอยู่สองอันพอ” “ลุยงานกันเลย ถอนหญ้าออกไปให้หมด” สองสาวดรุณีสาวสองคนช่วยกันถอนหญ้าอย่างไม่หยุดหย่อน ผ่านไปหนึ่งชั่วยามก็ถอนหญ้าออกไปจนหมด เพราะอาณาเขตบ้านไม่ได้กว้างขวางมาก พอเสร็จก็กลับเข้าเรือนดื่มน้ำดื่มท่า พักเหนื่อย “กินข้าวกันเถอะ หิวแล้ว ปกติเรือนนี้ทำกับข้าวกินเองเหรอ โรงครัวไม่ส่งอาหารมาให้?” “เรือนเรามีครัวเล็กๆ อยู่เจ้าค่ะ ปกติพวกเราได้อาหารวันละมื้อในตอนเช้า” “ไอ้หม้อต้มรำข้าว” เหม่ยอิงไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้า และก้มหน้าลง เพราะน้ำตาไหลออกมาช่วยไม่ได้ อันเฟยเทียนเห็นดังนั้นก็รู้สึกว่า เหม่ยอิงคนนี้คงรักเจ้าของร่างอย่างอันเฟยเทียนมากจริงๆ “ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวข้าทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน ข้าวยังพอมีอยู่ใช่ไหม เจ้ามีอะไรก็ไปทำก่อนอีกสองเค่อค่อยตามข้าเข้าไปในครัว” หิวจนใส้จะขาดอยู่แล้ว ดูสิว่าในถุงวิเศษที่ข้านึกได้คือตู้เย็นที่บ้านที่เต็มไปด้วยอาหาร เมื่อเปิดตู้เย็นก็เจอหมู แค่นี้มื้อนี้ก็พอรอดตายแล้ว ไม่มีเครื่องปรุงเสียดาย แต่ก็ไม่เป็นไร พอออกมาก็หันหั่นหมู จุดไฟ ตั้งกระทะ แต่ไม่มีน้ำมันก็ทอดกับน้ำแทน เอาหมูที่ลง พอหมูสุกก็ตักใส่จาน รสชาติคงเป็นหมูต้ม แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้หิวกินๆ ไปก่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหมูต้ม แต่ตอนที่หิวจนไส้กิ่วมันก็คงอร่อยกว่าผักดองเป็นไหน ๆ ยังไม่ถึงสองเค่อ เหม่ยอิงก็เดินเข้ามาในครัว “หอมมากเจ้าค่ะ” “มาพอดี ตักข้าว มากินกัน หิวจนตาลายอยู่แล้ว” เหม่ยอิงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ว่าคุณหนูของตน ไปเอาหมูมาจากไหนกัน แต่ก็ไม่อยากถาม แค่ได้เห็นหมูต้ม มันก็อร่อยมาก อย่างไม่น่าเชื่อ อันเฟยเทียนเมื่อได้เห็นเหม่ยอิงกินอย่างเอร็ดอร่อยก็มีความสุข “เหม่ยอิง ข้าเคยพบหน้าคุณชายเจียตงหยางสักครั้งไหม” เหม่ยอิงที่กินอยู่ ก็ทำหน้างุนงง “ที่ข้าถามเนี่ย เพราะตั้งแต่ข้าตื่นขึ้นมา เหมือนว่าข้าจำอะไรไม่ค่อยจะได้” “เท่าที่เหม่ยอิงรู้มา ก่อนที่แต่งเข้าจวนเจีย คุณหนูไม่เคยพบหน้าคุณชายตงหยางสักครั้ง ตอนเข้าหอก็ถือว่ายังไม่ได้เข้า น่าจะยังไม่เคยเจอ” “ทำไมล่ะ ถึงจะยังไม่ได้เข้าหอ หลังจากนั้นก็น่าจะเคยเดินผ่านกันมั้ง” “พอคุณหนูแต่งเข้าจวน อีกสามวันให้หลัง คุณชายก็ไปค้าขายที่ต่างเมืองเจ้าค่ะ” “ก็พอเข้าใจนะ แต่เป็นถึงฮูหยินรอง ไหงก็มาอยู่ท้ายจวน ถึงจะไม่โปรดปรานขนาดไหนก็ไม่น่าจะให้มาอยู่ที่นี่” “ก็เพราะท่านราชครู ท่านพ่อของคุณหนูได้ขอราชโองการจากฮ่องเต้ ให้พระราชทานสมรสคุณหนูกับคุณชายเจียตงหยาง หลังจะเกษียณ แล้วหลังจากนั้นรองแม่ทัพ พ่อของฮูหยินเอกก็ไปขอร้องไทเฮาให้บุตรสาวของตัวเองได้แต่งเข้าจวนเจียเช่นกัน” “เดี๋ยวนะ ได้พระราชทานสมรสก่อนทำไมถึงเป็นแค่ฮูหยินรอง แล้วทำไมเป็นแค่คุณชายถึงต้องขอพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ให้แต่งงานด้วย ไม่แปลกไปหน่อยหรือ” “เพราะราชโองการของไทเฮาประทับตราก่อน ของฮ่องเต้ทรงลืมหรืออะไรก็ไม่รู้เจ้าค่ะ ที่ต้องให้แต่งกับคุณชายเจียตงหยางเพราะเป็นน้องชายของฮ่องเต้องค์ก่อน และเป็นอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ที่อายุน้อยกว่าหลานตัวเองสิบปี” “เรื่องตลกร้ายอะไรเนี่ย งั้นข้าก็เป็นอาสะใภ้ของฮ่องเต้ละสิ ฮ่าฮ่าฮ่า” หลังจากกินข้าวเสร็จ สองสาวก็ช่วยกันขึ้นแปลงปลูกผัก อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย กว่าจะเสร็จก็ค่ำแล้ว เหงื่อไหล เหนียวเนื้อเหนียวตัวไปหมด “ไปอาบน้ำกันเถอะ ข้าเห็นลำธารอยู่หลังบ้าน ไปอาบกัน” พอถึงลำธาร อันเฟยเทียนลงไปแช่น้ำทันที อาบไปทั้งชุดเลย เหม่ยอิงเห็นดังนั้นตกใจมาก “คุณหนู!!!!” “ทำไมอาบน้ำแบบนี้ละเจ้าค่ะ เดี๋ยวไม่สบายเอานะเจ้าค่ะ” “ไม่ต้องพูดมาก ลงมา” รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้อาบน้ำ แต่น่าจะมีสบู่เนอะจะรู้สึกสะอาดกว่านี้ แล้วสองสาวเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะไม่หยุด หลังจากนั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมทำอาหารในมื้อเย็น “เหม่ยอิงเจ้าไปก่อไฟ เดี๋ยวข้าต้มไก่ให้เจ้ากิน” “คุณหนูเอาไก่ที่ไหนมาเจ้าค่ะ” “เจ้าไม่ต้องรู้หรอก” แล้วอันเฟยเทียนเข้าไปในถุงวิเศษ แล้วเปิดตู้เย็นแล้วหยิบไก่ พร้อมกับคนอร์ก้อนออกมา โชคดีที่ชอบเอาคนอร์ไว้ในตู้เย็น แล้วจัดการสับไก่ แค่นี้ก็เรียบร้อย หลังจากเหม่ยอิงตั้งหม้อใส่น้ำ อันเฟยเทียนรอน้ำเดือด โยนคนอร์ลงไปสองก้อน แล้วก็เอาไก่ลงไป แค่นี้กลิ่นหอมก็เริ่มเย้ายวนแล้ว “หอมมาก เจ้าคอยตักฟองออก ต้มไปสักพักก็พอ เห็นว่าสุกก็ใช่ได้ ข้าหิวแล้ว” มื้อค่ำสองสาวกินอย่างปอบลง เหมือนไม่เคยกินมาก่อน ฉีกเนื้อไก่กินไม่หยุด ไม่แม้แต่จะกินข้าวเลยสักนิด ซดน้ำร้อนๆ รู้สึกอุ่นท้องอย่างบอกไม่ถูก หลังจากกินข้าวเสร็จเหม่ยอิงก็เก็บกวาดเรียบร้อย แล้วก็แยกย้ายกันไปนอน อันเฟยเทียนพอกินอิ่มก็ยังไม่อยากที่จะนอน อยากเดินย่อยเสียหน่อย จึงเดินออกจากเรือน เดินผ่านแปลกผักรู้สึกใจสงบลงมาก ไม่เหมือนวันแรกที่รกร้างมาก เดินออกจากบริเวณเรือน ก็ไม่เห็นโคมไฟที่เคยประดับประดาเมื่อคืนก่อน ไม่รู้ว่าหายไปไหน เหลือแต่โคมไฟตามจุดเท่านั้น เดินไปที่ศาลากลางสระ แล้วนั่งเหม่อลอย ดื่มด่ำกับสิ่งที่สวยงามบริเวณนี้ ที่นี่ช่างเป็นที่ผ่อนคลายได้ดีจริงๆ นั่งนานมากจนไม่รู้ว่ามีคนมาทางด้านหลัง นั่งมองอันเฟยเทียนเป็นเวลานานมากเหมือนกัน นั่งไปอีกสักพักอันเฟยเทียนก็รู้สึกง่วงนอน จึงเตรียมลุกขึ้นเพื่อจะกลับเรือน จังหวะที่ลุกขึ้น ขาเกิดเป็นตะคริว กำลังจะล้มลงกับพื้น มือมีมาคว้าเอวเอาไว้ แล้วหมุนตัวทำให้ใบหน้ากระทบกับแผ่นอกที่อบอุ่น กลิ่นกายหอมเฉพาะตัว กลิ่นเหมือนกุหลาบอ่อนๆ ลอยเข้าจมูก จึงเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาที่แสนเย็นชาจ้องอยู่ก่อนแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD