ตอนที่ 10 ต้องเลือกความถูกต้องหรืออยู่รอด

1891 Words
อันเฟยเทียนเมื่อมาหาท่านพ่อตัวแล้วก็เข้าห้องลับในจวนทันที ไม่สามารถที่จะปิดบ้านเหมือนคราวก่อนได้ เพราะคุณชายตงหยางอยู่ที่นี่จะเป็นจุดสังเกตมากจนเกินไป อันเฟยเทียนไม่คิดเลยว่าที่จวนแห่งนี้มีห้องลับที่ซ่อนอยู่เช่นนี้ อันเฟยเทียนก็เปิดประเด็นทันที “ท่านพ่อ ท่านคดโกงจริงหรือไม่” อดีตราชครูพยักหน้า ยอมรับอย่างไม่ปิดบัง อันเฟยเทียนไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ท่านพ่อ บอกความจริงมาเถอะ ถ้ามีอะไรที่ข้าพอช่วยได้ข้าก็จะทำ” อดีตราชครูเฮยมองหน้าลูกสาวก็รู้สึกผิดในทันที “พ่อแค่จะเอาคืนฮ่องเต้ แต่ไม่ระวังตัวก็ถูกฮ่องเต้ตลบหลัง และฮ่องเต้บอกว่าจะไม่ลงโทษ ให้พ่อออกจากราชการเสียเห็นแก่ที่ข้าเป็นเสมือนเพื่อน แต่ก่อนที่จะออกจากนั้นก็คิดถึงเจ้าว่าจะไม่มีคู่ครอง ถ้าหากว่าพ่อถูกตราหน้าว่าเป็นคนคดโกง จึงขอราชโองการจากฮ่องเต้ให้แต่งงานกับคุณชายเจียตงหยางที่เป็นน้องชายของอดีตฮ่องเต้องค์ก่อน และมีศักดิ์เป็นอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน” อันเฟยเทียนพอจะเข้าใจในความคิดของอดีตราชครูที่ต้องการแก้แค้น แต่อาจจะผิดวิธีไปหน่อย แต่ความรักที่มีต่ออันเฟยเทียนก็ไม่น้อยไปกว่ากัน “แต่ทำไมต้องเป็นคุณชายตงหยางเจ้าค่ะ ให้แต่งกับฮันอ๋องไม่ดีกว่า” “เพราะคุณชายเจียตงหยางเป็นบุรุษที่ร่ำรวย เจ้าจะได้ไม่ลำบาก และไม่มีใครติฉินนินทาเจ้า เพราะยังไงคุณชายก็เหมือนเป็นคุณชายธรรดาที่ไม่ธรรมดา ถ้าหากให้แต่งกับฮันอ๋องเจ้าไม่มีวันมีความสุขในฐานะชายาเอกหรือชายารองก็ตาม” อันเฟยเทียนก็เข้าใจหัวอกคนเป็นพอ แต่คนอย่างอดีตราชครูเฮย จะยอมโดนตราหน้าว่าคดโกงโดยไม่ได้อะไรเลยหรือ “แล้วคดโกงอะไร ถึงขั้นฮ่องเต้ไม่ลงโทษ แถมยังออกราชโองการให้อีก มันมีผลปะโยชน์ทับซ้อนกระมังเจ้าค่ะ” “งั้นเจ้าเปิดหีบออก แล้วจะรู้เอง” อันเฟยเทียนก็ทำตามที่อดีตราชครูบอก เมื่อเปิดหีบออก ปรากฏว่าเป็นทองคำแท่งเต็มหีบ อันเฟยเทียนตาโต แล้วรีบรีบเอามือปิดปาก ไม่น่าเชื่อว่าทองคำแท่งจะมากมายขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้นคุณชายเจียตงหยางคงกำลังหาทองแท่งนี้อยู่ “นี่ไม่ใช่การคดโกงธรรมดาแล้วนะเจ้าค่ะท่านพ่อ” “เพราะทองแท่งนี้เป็นของอดีตฮ่องเต้เจียตงเฉิง จะไม่นับเข้าคลังหลวง ถือว่าเป็นความลับที่ปิดมา ฮ่องเต้เจียตงเหล่ยต้องการวังใหม่ แต่ขุนนางไม่เห็นด้วย จึงจะเอาทองพวกนี้ไปแอบสร้างเอง ไม่กระทบเงินในคลังหลวง แต่ข้า ๆ ไม่อยากให้ตงเหล่ยสมหวัง ข้าถึงซ้อนแผนเอาออกมาก่อนที่เขาจะรู้ตัว และที่เขายอมทำในสิ่งที่พ่อต้องการเพียงต้องการทองคำแท่งพวกนี้คืน” “แต่ท่านพ่อก็ไม่คืนฮ่องเต้ไป” “คืนไปแค่ส่วนเดียว” “แล้วฮ่องเต้ยอมได้อย่างไร ไม่มาค้นบ้านเราหรือเจ้าค่ะ” “มาแต่ไม่เจออะไร ทองคำแท่งพวกนี้แค่ส่วนเดียว อีกส่วนอันเฟยเทียนลูกสาวข้าเอาไปซ่อนที่ไหนข้าก็ไม่รู้ นางก็มาด่วนจากไปก่อนแล้ว” อันเฟยเทียน ต้องตกใจอะไรก่อน นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อันเฟยเทียนตัวจริงด่วนจากไปก็เป็นไปได้ ไม่ใช่โดนจับถ่วงน้ำหรอกนะ ไม่แปลกที่โดนหมายหัว ฮ่องเต้ถึงต้องทำเงียบๆไง เหมือนเป็นมรดกตกทอดมาอีกที แล้วท่านพ่อก็คือ จอมโจร “เจ้าก็ไตร่ตรองดูเถอะ เจ้าจะเลือกทางไหน แต่ไม่ว่าทางไหนก็ตาม ถ้าถูกจับได้ตายสถานเดียวถ้าหากว่าทองแท่งพวกนี้ตงเหล่ยได้คืนไป ไม่ปล่อยให้พ่อมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน หรือแม้แต่เจ้าก็ตาม ตายแบบไม่มีดินกลบหน้า แม้แต่ซากก็คงไม่มีเหลือ” อันเฟยเทียนช็อกอยู่ในใจ เหมือนจะเป็นลม “แต่ทองคำแท่งที่ซ่อนอยู่ภายในห้องแห่งนี้ สักวันก็ต้องถูกค้นพบนะเจ้าค่ะ” “ข้าถึงบอกเจ้า ว่าเจ้าจะตัดสินใจอย่างไร” แล้วอดีตราชครูก็เดินออกจากห้องไปก่อน อันเฟยเทียนอยากจะร้องไห้ก็ร้องไห้ไม่ออก มันต้องเลือกระหว่างความอยู่รอดกับความถูกต้อง และที่อดีตราชครูเฮย บอกความจริงแก่อันเฟยเทียน ทางหนึ่งก็คงเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าถ้าหากเลือกความถูกต้องก็ต้องตาย เพราะยังไงอันเฟยเทียนก็ตายไปแล้ว แต่ถ้าหากว่าเลือกอยู่รอดก็เหมือนว่าต่ออายุ แต่อันเฟยเทียนคนนี้มันหนักหน่วงมากเหมือนกัน อันเฟยเทียนตัดสินใจเลือกความอยู่รอดไปก่อน เพราะยังไงถ้าถูกจับได้ก็ต้องตายอยู่ดี จึงหยิบทองคำแท่งใส่ในถุงวิเศษเอาไว้ก่อน ถ้าไม่พบของกลางชีวิตก็ยังรอดอยู่ ค่อยหาวิธีทีหลัง เมื่อใส่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกจากห้องลับนี้แล้วก้กลับห้องนอนตัวเอง พอมาถึงห้องนอนตัวเองก็ปล่อยโฮ่ทันที “ฮื้อ..อ อื้อ..หื้อ..อ” ร้องออกมาอย่างไม่หายใคร แต่ลืมไปว่ามีสามีอยู่ในห้องด้วย คุณชายเจียตงหยางสดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงใครร้องไห้สะอึกสะอื้น พอมองไปตามเสียงร้องกลับเห็นอันเฟยเทียนร้องไห้ออกมาดูแทบไม่ได้ คนอะไรร้องไห้ไม่เป็นกุลสตรีเลย ปานเด็กน้อยร้องขอขนม จึงเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อปลอบ อันเฟยเทียนที่ร้องไห้อยู่ดีๆ ก็ได้กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ก็รู้ทันทีว่าเป็นใครมากอดนาง แต่นางก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะเวลานี้มันหนักหน่วงสำหรับนางมาก แล้วกอดตอบอย่างต้องการที่พึ่ง “ร้องไห้เป็นเด็กไปได้” เสียงอ่อนโยนปลอบประโลมพร้อมกับลูบหัวอย่างเอ็นดู “ข้าเสียใจนี่น่า ก็ต้องร้องไห้สิ” เสียงอู้อี้ของอันเฟยเทียน คุณชายเจียตงหยางคลายกอด แล้วค่อยเช็ดน้ำตาให้อันเฟยเทียนอย่างอ่อนโยน “เด็กดี เล่าให้ข้าฟังสิว่าเจ้าเสียใจเรื่องอะไร” พร้อมกับรอยยิ้มอาบพิษที่ยิ้มมาให้อันเฟยเทียน แต่ทำให้อันเฟยเทียนได้สติ เกือบหลงกลกับความอ่อนโยนนี่เสียแล้ว ตงหยางเจ้าเกือบทำให้ข้ายอมตายแต่โดยดีเพราะเจ้าเสียแล้ว “ข้าแค่ถึงบ้านเท่านั้น” ก่อนจะเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วเดินไปอาบน้ำให้รู้สึกดีขึ้น จัดหน้าผมให้เรียบร้อย สภาพดูไม่จืดเอาเสียเลย ท่านพ่อนะท่านพ่อ ขโมยเงินใครไม่ขโมยดันขโมยเงินของฮ่องเต้ เพียงอยากแก้แค้น เมื่อต้องออกมาทานอาหารก็ต่างคนต่างกิน บรรยากาศมืดมนกว่าเดิม พอถึงเวลานอนอันเฟยเทียนต้องนอนกับสามีนี่หว่า ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย แต่ไหน ๆก็แต่งงานกันแล้ว แล้วตอนนี้ก็ง่วงนอนมากด้วย อันเฟยเทียนก็ล้มตัวไปนอนข้างคุณชายตงหยาง จากที่ตอนแรกง่วงนอนมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับนอนไม่หลับ ตัวแข็งทื่อ “ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก แค่นอนด้วยกันจะอะไรนักหนา” อันก็นอนตะแคงทันที เจียตงหยางก็เช่นกันทำให้ตอนนี้หลังชนกัน วันรุ่งเช้า เมื่อถึงเวลาตื่นของอันเฟยเทียนก็เริ่มรู้สึกตัว แต่ทำไมรับรู้ถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก พอลืมตาเท่านั้น หน้าของเจียตงหนางอยู่ห่างจากหน้าอันเฟยเทียนเพียงนิดเดียว ถึงถอยออก และทว่าแขนขาของอันเฟยเทียนปีนป่ายตามตัวตงหยางเหมือนว่าเขาเป็นหมอนข้างของนางก็ไม่ปาน อันเฟยเทียนจึงค่อยๆขยับแขนขาของตัวเองออกจากตงหยาง แต่พอลงจากเตียงได้ “นอนกอดข้าทั้งคืน แล้วยังบอกไม่ชอบข้าอีก เจ้าช่างปากไม่ตรงกับใจจริงๆ” อันเฟยเทียนรู้สึกอับอายจึงรีบวิ่งเข้าห้องอาบน้ำทันที เอามือกุมที่หน้าอกปรากฏว่ามันเต้นแรงมาก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก อย่าบอกนะว่าเริ่มหวั่นไหวกับตงหยางแล้ว ไม่ได้ๆ ไม่งั้นหัวข้าขาดแน่ ๆ จึงรับอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกจากห้องทันที แล้วบอกกับเหม่ยอิงว่าไม่รับอาหารเช้า แล้วเดินไปข้างจวนเห็นคนงานกำลังทำแปลงผัก เพื่อปลูกผักเอาไว้กินในจวน วิญญาณแม่ค้าขายผักก็ประทับร่างๆ รีบเข้าไปช่วยทำอย่างไม่กลัวเปื้อนดิน “คุณหนู อย่าทำเลยขอรับ ไม่เช่นนั้นท่านพ่อของคุณหนูจะโบยพวกข้า” อันเฟยเทียนก็วางทุกอย่างลง ไม่อยากจะสร้างความเดือดร้อนให้ ไปปลูกที่เรือนตัวเองก็ได้ และก็ไม่มีที่ไปก็กลับมาที่ห้องอาหาร เห็นทั้งสองพ่อตากับลูกเขยกินข้าวเช้าอย่างเงียบๆ อันเฟยเทียนจึงนั่งลงและรับข้าวเช้าไปด้วย ถึงอย่างไรท้องก็ต้องสำคัญที่สุด และเป็นตงหยางก็เอ่ยทำลายบรรยากาศ “พ่อตา ข้าจะกลับจวนวันนี้แล้ว” อันเฟยเทียนหันไปมองตงหยาง ไหนว่าว่าจะมาค้างสามวันไง กลับไปวันนี้ข้าจะนอนที่ไหน เรือนยังไม่น่าจะซ่อมเสร็จเลย “เทียนเอ้อร์ พ่อว่ากลับไปคุณชายตงหยางวันนี้เลย วันหน้าก็มาเยี่ยมพ่อใหม่” อันเฟยเทียนพยักหน้ารับรู้ หลังอาหารเสร็จก็เดินทางกลับจวนเจียทันที เมื่อมาถึงจวนเจียอันเฟยเทียนมุ่งหน้าไปเรือนของตนในทันที และภาพที่เห็นอยากจะล้มทั้งยืน ไม่มีเรือนของตัวเองแล้ว โดนรื้ออกไปหมด แม้แต่แปลงผักที่ถอนหญ้าขึ้นแปลง ตอนนี้มองไม่ออกแล้วว่าเป็นแปลงผัก กำแพงเก่าๆก็ไม่มี มีแต่ที่ดินโล่งๆ เท่านั้น อันเฟยเทียนเดินเข้าไปด้วยความโมโห “ทำบ้าอะไรกับเรือนข้า ข้าใช้พวกเจ้ามาซ่อมแซ่มเรือน ไม่ได้ให้พวกเจ้ามาทำลายเรือนข้าเช่นนี้” อันเฟยเทียนโมโหที่สุดไม่ใช่เรือน แต่เป็นแปลงผักต่างหาก แต่เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ กลับเห้นคนงานกำลงขุดดินหลายจุด อย่าบอกนะว่าตงหยางจะหาทองคำแท่งที่อันเฟยเทียนคนเก่าซ่อนเอาไว้ คงสบโอกาสพอดี อันเฟยเทียนเดินกลับไปที่เรือนใหญ่ มุ่งหน้าไปหาเจียตงหยางทันที “เจ้าบังอาจมากที่พังเรือนของข้า เจ้ามัน...” อันเฟยเทียนกำมัดแน่น เพื่อระงับความโกรธ “เรือนข้า ข้าจะทำกับมันยังไงก็ได้” น้ำเสียงแสนเย็นชาแถมหน้านิ่ง “แล้วข้าจะไปอยู่ที่ไหน เจ้าคนหลอกหลวง รื้อเรือนของข้าไม่บอกไม่กล่าวข้าสักคำ” อันเฟยเทียนตะโกนออกมาเสียงดัง แต่เสียงตอกกลับมากับเรียบนิ่ง “ก็อยู่เรือนใหญ่กับข้า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD