ตอนที่ 4 พบสามี

1668 Words
อันเฟยเทียนไม่สามารถที่จะจ้องกลับได้ จึงก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ถึงแม้ว่าดวงตาจะเย็นชาเพียงใด แต่ว่าใบหน้าอันหล่อเหลาทำให้ใจละลายเลยจริง ดวงตาที่กลมที่มองมา จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเรียวยาวอย่างกับผู้หญิง ใบหน้าเกลี้ยงเกล้า นี่ลูกรักขององค์เทพแน่ ๆ ใจเต้นแรงมากในเวลานี้ ส่วนสูงน่าจะราว ๆ หนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างสูงโปร่ง แต่ที่แน่นอนมีกล้ามเนื้อหน้าท้อง ในขณะที่อันเฟยเทียนกำลังอยู่ในความคิดของตัวเองนั้น เสียงเข้มที่เหมือนไม่พอใจในท่าทางดรุณีน้อยก็ดังขึ้น “กอดข้าพอรึยัง” อันเฟยเทียนก็ตื่นจากภวังค์ มองไปรอบๆตัว “ข้าไม่ได้กอดเสียหน่อย เจ้านั่นแหละที่กอดข้า” ยังคงเฉไฉอย่างหน้าไม่อาย ทั้งที่หลักฐานก็มีว่าเป็นคนกอดเอง พอได้ยินเช่นนั้นตัวสูงก็กระชับกอดแน่นทันที ใส่ร้ายแบบใดก็จะได้เช่นนั้น “ปล่อยข้าได้แล้ว เจ้าเป็นใครมากอดข้า” “ข้านะเหรอ สามีเจ้าไง” แม้ตอนพูดเจียตงหยางก็มีน้ำเสียงที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งที่ไม่เคยเจอแสงแดด “สามี!!! คุณชายเจียตงหยาง” “ใช่ ข้าเอง จำสามีตัวเองไม่ได้?” พออันเฟยเทียนได้ยินเช่นนั้น รีบสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดคุณชายตงหยางทันที แล้วรีบวิ่งกลับเรือน ด้วยความตกใจ และทำตัวไม่ถูก แล้วเอาตัวรอดยังไงก่อน ทางด้านเจียตงหยางเห็นฮูหยินตัวเองวิ่งหนีไป ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้ว่าได้เผลอยิ้มออกมา แต่ก็ไม่พ้นสายตาขององครักษ์ประจำตัวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เจียตงหยางได้มาถึงจวนเร็วกว่ากำหนด จึงมาเดินเล่นผ่อนคลายที่สระน้ำ แต่สายตาได้เหลือบไปเห็นเห็นดรุณีน้อยนั่งเหม่ยลอยอยู่นานสองนาน จึงเดินเข้ามา แต่ดรุณีน้อยก็ไม่มีท่าทีรู้ตัว ก็ได้แต่นั่งมองอยู่นานสองนาน ก่อนที่จะเข้ามานั่งองครักษ์ได้กระซิบบอก ดรุณีน้อยนี้คือฮูหนินรองของตน ซึ่งตนได้ลืมไปแล้วว่าได้แต่งงานกับนาง พอนางเหมือนจะลุกขึ้น แล้วท่าทีเหมือนจะล้ม จึงรีบเข้าไปประคอง ทำให้ตกในภวังค์ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะกลิ่นกายของนางไม่รู้ว่ากลิ่นอะไร แต่มันชั่งหอมยวนใจ ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ชนิดใด ไม่เคยรู้มาก่อนมีกลิ่นชนิดนี้อยู่บนโลก จากที่ตอนแรกจะปล่อยนางก็กลับกลายเป็นนางที่กอดเขาก่อนแล้วยังเฉไฉ จึงกระชับนางเข้ามาในอ้อมกอดแน่นอนกว่าเดิม เพราะกลิ่นกายของนางทำให้หายเหนื่อยอย่างไม่น่าเชื่อ วันรุ่งขึ้น อันเฟยเทียนตื่นนอนมาด้วยหน้าไม่สดชื่นเอาเสียเลย เมื่อคืนนอนคิดมาทั้งคืน ไม่รู้ว่าตัวเองจะแก้แค้น หรือมาตกหลุมรักกันแน่ เกิดมาไม่เคยมีใครหล่อเหลาอย่างนี้มาก่อน พักความคิดของตัวเองออกไปสูดอากาศยามเช้าดีกว่า เดินเล่นอยู่ภายในบริเวณเรือน ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา แล้วแจ้งข่าวให้ทราบ “ฮูหยินรอง พ่อบ้านให้มาเรียนว่า ให้รีบไปที่เรือนใหญ่เพื่อรับสำรับเช้าเจ้าค่ะ” อันเฟยเทียนตกใจอยู่เหมือนกันถูกเชิญไปกินข้าวด้วย “เข้าใจใจแล้ว เดี๋ยวข้าตามไป” “เจ้าค่ะ” สาวใช้ก็เดินจากไป “เหม่ยอิง เหม่ยอิง อยู่ไหน รีบแต่งตัวให้ข้าที” ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดอันเฟยเทียนก็มาถึงเรือนใหญ่ แต่บรรยากาศรอบตัวทำไมมันดูเยือกเย็นเช่นนี้ พอเดินเข้าไปภายในเรือน มันดูใหญ่โตโอ่อ่า ข้าวของเครื่องใช้มันดูมีราคาแพงมาก ตัดภาพไปที่เรือนซุกหัวนอนของอันเฟยเทียน พอเดินถึงโต๊ะรับประทานอาหารเช้า ดูลวดลายของมันสิ สวยงามมาก ลวดลายมังกรแกะสลัก ว้าว ยิ่งไปกว่านั้น อาหารบนโต๊ะ เรียกพยาธิในท้องได้เป็นอย่างดี มัวแต่ชมความงามอยู่ จึงไม่รับรู้ว่ามีสองบุคคลได้นั่งอยู่แล้ว “ชมพอแล้วรึยัง ฮูหยินรอง” เสียงดุดังขึ้น อันเฟยเทียนก็ได้รู้ตัวว่ามีคนนั่งอยู่แล้ว “คาราวะคุณชายเจียตงหยาง และฮูหยินเอกเจ้าค่ะ” อันเฟยเทียนคนนี้ยิ้มอย่างเสแสร้งให้ผู้เป็นสามี และไม่ได้สนใจเอินลู่จิวสักนิด “ว้าย!!! ฮูหยินรอง เรียกท่านพี่ว่า คุณชายเจียตงหยางได้อย่างไรกัน แต่จะว่าไปแล้วเรียกแบบนี้ก็ไม่ผิดหรอกนะเจ้าค่ะ เพราะน้องสาวยังไม่ได้เข้าหอกับท่านพี่เลยนี่เจ้าค่ะ คิคิคิ” “เจ้านั่งลงได้แล้ว ฮูหยินรอง” เจียตงหยางพูดขึ้นด้วยท่าทางที่นิ่ง ใบหน้านิ่ง มีแต่คำพูดที่เยือกเย็น “เจ้าค่ะ” อันเฟยเทียนเมื่อได้เห็นบรรยากาศในตอนนี้ รู้แล้วว่าที่เหม่ยอิงเล่านั้นมีความจริงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เอาตัวรอดยังไงละทีนี้ อันเฟยเทียนก็นั่งกินอย่างเงียบๆ เอินลู่จิวก็คอยออดอ้อนเจียตงหยางไม่หยุด ส่วนเจียตงหยางก็ไม่ได้มีทีท่าว่ายินดีหรือว่ารำคาญ เห็นแล้วไม่เจริญอาหารเลย ทั้งที่ตอนแรกฟินมากเมื่อเห็นอาหารโต๊ะ แต่หลังจากรับสำรับเสร็จ ก็มีของหวานตบท้าย แล้วอันเฟยเทียนคนนี้ก็ทนไม่ไหว ถามเรื่องเงินเลยดีกว่า ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนลงทุน เกิดวันไหนโดนเตะออกจากจวนแห่งนี้ จะได้มีเงินติดเนื้อติดตัวบ้าง “คุณชายตงหยาง ข้าขอถามว่าปกติแล้ว ฮูหยินรองต้องมีเบี้ยหวัด เหตุใดข้ายังไม่ได้” พอได้ยินเรื่องที่ไม่คาดคิดจากอันเฟยเทียน เจียตงหยางหน้าคิ้วขมวดกว่าเดิม “เหตุอันใด เจ้าถึงมาถามข้าเช่นนี้ ไม่ไปถามพ่อบ้าน” “ก็ถามแล้ว พ่อบ้านบอกกับข้าว่า ยังไม่มีคำสั่งจากคุณชาย ข้าเลยยังไม่เคยได้รับ” แท้จริงแล้วเจียตงหยางรู้สึกอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนมีอย่างที่ไหน มีคนมาทวงเงินต่อหน้า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำ หน้ายิ่งบึ้งเข้าไปใหญ่ คนรอบตัวจู่ ๆ เหมือนรู้สึกถึงความหนาวเย็น อันเฟยเทียนเห็นบรรยากาศรอบตัวแล้ว รู้สึกว่าไปกระตุกหนวดเสือเข้าเผ่นก่อนดีกว่า “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับเรือนก่อน” พูดเสร็จรีบเดินออกมาอย่างไวเลย ในใจคิดว่าไม่น่าพูดออกมาเลย บรรยากาศเหมือนอยู่แดนประหาร หลังจากที่อันเฟยเทียนออกไป เจียตงหยางถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนโปรด แต่บรรยากาศรับรู้ถึงอันตรายเช่นกัน ก็ขอตัวกลับเช่นกัน คุณชายเจียตงหยางก็ยังนั่งอยู่ดังเดิม เพราะกำลังสงบสติอารมณ์ ไม่เคยมีใครกล้าหักหน้าอย่างนี้มาก่อน องครักษ์เมื่อเห็นเช่นนั้น จึงไปเรียกพ่อบ้านเข้ามา โดยไม่มีคำสั่ง “คุณชายมีอะไร ให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ” “คุรชายอยากจะถามเจ้าว่า เหตุใดเจ้าไม่เอาเงินเดือนให้ฮูหยินรอง” องครักษ์พูดแทน “เรียนคุณชาย ก่อนที่ท่านจะไปออกค้าขาย ท่านได้บอกว่ารอท่านกลับมาค่อยว่ากันอีกทีขอรับ” พ่อบ้านเสียงสั่น เมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศหนาวเย็น “แล้วเจ้าก็ไม่ใช้นางเลยงั้นรึ นางถึงได้มาทวงกับข้า รู้ถึงไหนอายไปถึงนั้น จวนเจียจนจนไม่มีเงินให้เมียหรืออย่างไร” ทั้งองครักษ์และพ่อบ้านได้ยินคำว่าเมียออกปากคุณชาย ก็ก้มหน้าแล้วลอบยิ้ม ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ออกจากปาก เพราะตอนที่ฮูหยินรองแต่งเข้าจวนมา ไม่เคยแม้จะมองหน้า หรือเดินผ่านกันเลย แต่กลับพูดว่าเมียได้เต็มปาก มีแต่องครักษ์เท่านั้นที่เข้าใจดีว่าเพราะอะไร “พ่อบ้าน ไปจัดการตามความเหมาะสมเถอะ” องครักษ์พูดแทน หลังจากที่อันเฟยเทียนมาถึงเรือน ก็ถอนหายใจแรง เหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างอีกครั้ง บรรยากาศแสนน่ากลัวมากเลย แต่ยังไงก็ช่าง ต่อไปข้าจะเป็นอันเฟยเทียนอย่างเต็มตัว จะสู้เพื่อเจ้านะอันเฟยเทียน เจ้าจะเอาอะไรไปสู้คุณชาย น่ากลัวเสียขนาดนั้น แต่ตอนนี้เอาตัวรอดก่อน หลังจากที่หายเหนื่อยแล้ว อันเฟยเทียนจึงเรียกเหม่ยอิงให้ออกมาช่วยกันทำสวนผัก อันเฟยเทียนไม่แม้จะเปลี่ยนชุดให้เสียเวลา ทำทั้งชุดเมื่อเช้าเลย แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร พ่อบ้านก็เข้ามาที่เรือน “ข้านำเงินที่ฮูหยินควรจะได้รับมาให้ขอรับ” อันเฟยเทียนยืนงงได้ไม่นาน ก็ตั้งสติได้รีบรับเงินอย่างไว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เงินไวขนาดนี้ ช่างกลัวเสียหน้ากระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า “ลำบากพ่อบ้านแล้ว” ยิ้มไม่หุบยิ่งกว่านางสาวไทย เห็นฟันแทบทุกซี “ขอน้อยต้องขออภัยในความล่าช้า” “ไม่เป็นไร ใครก็ผิดพลาดกัน” หลังจากที่พ่อบ้านออกจากเรือนแล้ว สองสาวก็ช่วยกันทำร่อง เป็นแถวๆ ไว้สำหรับปลูกผัก ได้เงินแล้วจะได้ออกไปซื้อเมล็ดผัก จึงไปล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างที่เหม่ยอิงช่วยแต่งตัว ก็เปิดถุงเงินปรากฏว่ามีประมาณสามสิบตำลึงทอง ไม่รู้ว่ามันน้อยหรือมาก สำหรับฐานะฮูหยินรอง แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ต่อทุนได้มากอยู่นะ สำหรับยุคนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD