ตอนที่ 7 กลับจวนตระกูลอัน

1725 Words
ยังไม่ทันที่อันเฟยเทียนจะเข้าร้านไหน ฮันอ๋องก็ปรากฏตัวอย่างไม่ปี่ไม่มีขลุ่ย แล้วเดินเข้ามาเพื่อขอคุยเป็นการส่วนตัว จึงเดินไปที่ร้านชาแห่งหนึ่งและเข้าห้องส่วนตัว วันซวยอะไรอันเฟยเทียนระหว่างที่เดินตามมาที่ห้องส่วนตัว “คารวะ ฮันอ๋องเพคะ” “ตามสบาย ว่าแต่ฮูหยินรองออกมาทำไมมีคนติดตามแค่คนเดียว” สีหน้าเหมือนเหมือนอันเฟยเทียนทำความผิดมา “หม่อมฉันมีคนติดตามแค่คนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลก” เป็นแค่ฮูหยินรองจะมีคนติดตามมากได้ยังไงกันก่อน ฮันอ๋องเป้นอะไรมากปะเนี่ย “เพราะเจ้าเลือกที่จะเป็นแบบนี้เอง ช่วยไม่ได้” อะไรของหมอนี่ว่ะ เหมือนมาหาเรื่อง สรุปแล้วอันเฟยเทียนเธอรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม “ฮันอ๋อง ต้องการจะคุยอะไรกับหม่อมฉันก็กล่าวมาเถอะเพคะ อย่ามัวแต่พิรี้พิไร” “เจ้าวางแผนจะทำอะไรกันแน่” “ข้าไม่ได้มีแผนการอะไรเลยเพคะ” อันเฟยเทียนพูดความจริง เพราะไม่ได้วางแผนอะไรมาเลย เพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันจะเอาแผนการอะไรมา “อย่าให้ข้าต้องใจร้ายกับย่าสะใภ้” “ถ้าเช่นนั้น ย่าสะใภ้คนนี้ไม่ถือสาหลานเขยก็แล้วกันนะจ๊ะ” อันเฟยเทียนพูดจบก็เดินออกจากห้องทันที ไม่สนใจอะไรแล้ว อะไรก็ไม่รู้ อันเฟยเทียนคิดว่าควรที่จะกลับไปตระกูลอันเสียหน่อย ไปสืบเรื่องตัวเองหน่อย เพราะยังไงก็ต้องอยู่ร่างนี้ไปตลอดอยู่แล้ว จะหาทางหนีทีไล่หน่อยก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวจะโป๊ะเร็วก็คงไม่ดีมั้ง ยิ่งเป็นฮูหยินรองที่เสมือนเมียน้อยแล้ว จะหย่าเองก็ไม่ได้ ต้องถูกทิ้งก่อนใช่ปะ พอมาถึงประตูหน้าจวนของตระกูลอัน จวนก็ไม่ได้จนอะไรเลยนะ ออกจะดูหรูหราตามแบบสมัยนี้ แต่ทำไมส่งลูกสาวไปเป็นฮูหยินรองก็พอเข้าใจ แต่ทำไมไม่รู้ว่าลูกสาวถูกเลือกปฏิบัติไม่รู้ “ไปเรียนท่านพ่อว่าข้ากลับมาเยียม” “ขอรับคุณหนู” พอมาเดินเข้าภายในจวนคือร่มรื่นมาก ถือว่าเป็นเป็นเรือนหัวสมัยใหม่แห่งยุคเลยนะเนี่ย พอเดินมาถึงโถงเรือนรับรอง ของประดับประดามองแปบเดียวก็รู้ว่ามีราคาแพง ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เลือกสามีให้ลูกสาวที่สุขสบาย หนึ่งเค่อต่อมา ท่านพ่อก็เดินเข้ามา เพราะหน้าตาคล้ายกับอันเฟยเทียนถึงแปดส่วน เดินเข้ามาหาใกล้เข้าเรื่อย ๆ แล้วหยุดตรงหน้าแล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพี๊ยะ!!! เสียงตบดังไปทั่วทั้งห้อง แก้มด้านซ้ายหันไปตามแรงตบ บอกได้คำเดียวว่าหูอื้อ แก้มจากที่เจ็บ ชาไปแล้ว แต่พอตั้งสติได้ก็หันมามองหน้าพ่อของอันเฟยเทียนอย่างไม่เข้าใจ “ท่านพ่อ เหตุใดถึงตบข้า” สวมบทเป็นลูกสาวแล้วหนึ่งฉาก “ตบเพื่อเรียกสติเจ้า งานที่ข้าสั่งให้ไปทำไม่รายงานมาเกือบปี เจ้าจะให้ข้าใจเย็นอยู่อีก” “ท่านพ่อฟังข้าก่อน สั่งให้ทุกคนออกไป ปิดประตู หน้าต่างให้หมด แล้วให้เฝ้าอยู่ห่างๆ อยากให้ใครเข้ามาได้ แม้กระทั่งบนหลังคา” “ทำตามที่ลูกข้าสั่ง” หลังจากที่ห้องโถงรับรองกลายเป็นที่ปิดตาย เมื่อความเงียบเข้าครอบคลุม ราชครูเฮยพูดทำลายความเงียบ “เจ้าเหมือนไม่ใช่ลูกสาวของข้า แต่ร่างกายและหน้าตากลับใช่” เสียงที่เอ่ยมาทำลายความเงียบ และมันก็ตรงประเด็นมาก สมแล้วที่เป็นถึงราชครู เจ้าเล่ห์ แถมทันคนอีกต่างหาก “ท่านพ่อคิดว่าข้าเป็นใครละเจ้าค่ะ” ราชครูเฮยน้ำตาไหลอาบแก้ม เหมือนรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น แสดงว่าค่อนข้างเปิดรับสิ่งที่เหนือธรรมชาติ สิ่งที่มองไม่เห็น “นานเท่าใดแล้ว” ราชครูเฮยพยายามมากที่เอ่ยประโยคนี้ “น่าจะราว ๆ สามสี่วันแล้วเจ้าค่ะ” อันเฟยเทียนพูดความจริงออกไปอย่างไม่ปิดบัง “แต่ถึงอย่างไร ถือว่าเจ้าคือลูกของข้า ข้าจะไม่ยอมเสียสิ่งที่ทำลงไป” “ราชครูเฮย สิ่งที่ท่านทำอยู่มันอันตรายมากถึงตายได้เลยนะเจ้าค่ะ แล้วข้าก็ไม่รู้จะเอาตัวรอดอย่างไร ไหนจะคุณชายเจียตงหยาง ฮันอ๋อง และเอินลู่จิวที่ถึงจะเป็นหญิง แต่ข้าสัมผัสได้ว่านางอันตรายมาก พอๆกับสามีของข้า ส่วนฮันอ๋องข้ายังไม่แน่ใจ” “นับว่าเจ้าฉลาดอยู่บ้าง” “ข้าขอถามท่าน ท่านคิดการจะทำอะไรกันแน่ เงิน อำนาจ หรือแค้นส่วนตัว” “ข้าต้องการอำนาจเงิน เพื่อต่อรองอำนาจให้ฮ่องเต้มาก้มหัวขอร้องข้าถึงเรือน” “เพราะแค้นส่วนตัว แต่ท่านจะเล่นใหญ่ถึงฮ่องเต้เลยหรือเจ้าค่ะ มันต้องมีเหตุจูงใจที่แรงกล้ามากถึงขั้นอยากให้ฮ่องเต้ก้มหัวให้ถึงเรือน” เป็นใครก็ต้องตกใจปะ เล่นถึงฮ่องเต้ที่สั่งให้ใครไปตายก็ได้มาก้มหัวให้ถึงเรือน เล่นใหญ่อะไรเช่นนี้ “เพราะฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทำให้แม่เจ้าตาย” “ท่านแม่ตายได้อย่างไรเจ้าค่ะ” เรื่องนี้พอจะเล่นใหญ่ได้บ้าง “สมัยที่ข้ายังเป็นราชครู ตอนที่ฮ่องเต้ยังเป็นองค์รัชทายาทคึกคะนองอยากที่จะออกรบเพื่อพิสูจน์ฝีมือ และด้วยฮ่องเต้เจียตงเฉิง หวงลูกชายที่มีอยู่คนเดียวในตอนนั้น สั่งให้ข้าไปสอนถึงสนามรบ ยังไม่พอกุ้ยเฟยจือยังรบเร้าของร้องฮ่องเต้ ให้พาแม่ของเจ้าไปด้วย เพื่อดูแลเรื่องอาหารการกิน เพราะถือว่าตอนนั้นกุ้ยเฟยมีอำนาจมาก ฮ่องเต้เลยเกรงใจ” “ฟังดูเหมือนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ถูกตามใจมาตลอดเลยนะเจ้าค่ะ” “ก็ใช่ คนที่จะเป็นฮ่องเต้ที่ไหน ให้ราชครูไปสอนรบถึงสนามรบ รู้ถึงไหนอับอายไปถึงนั้น” ราชครูเฮยพูดถึงความอัดอั้นในใจ “แล้วท่านแม่จากไปได้อย่างไร” อันเฟยเทียนต้องรีบถามเพื่อไม่ให้ขาดตอน “รบอยู่นานสามเดือน สุดท้ายแคว้นอู๋ของเราก็ได้รับความพ่ายแพ้ ทั้ง ๆ ที่ความจะชนะด้วยซ้ำ ความดื้อดึงที่ใช้มือชี้สั่งการอย่างเดียวคิดว่าตัวเองเป็นองค์รัชทายาท แอบพาทหารเกินครึ่งไปแอบซุ่มเพื่อตัดกำลังของศัตรู แต่ไม่ชำนาญเส้นทาง พาทหารกลับมาได้รับบาดเจ็บแล้วตายเป็นจำนวนมาก โดนกำดักง่ายๆของศัตรู ประจวบกับแม่ของเจ้าไม่ค่อยสบาย พ่อจะไปเอายาให้แม่ขอเจ้า ฮ่องเต้กลับรับสั่งว่า ต้องให้ทหารก่อน ถ้าเหลือถึงจะให้ แต่พอรักษาทหารที่บาดเจ็บแล้ว ยังพอมียาเหลือกลับไม่ให้ บอกว่าจะต้องเก็บไว้ให้ตัวเองเพราะมันเหลือน้อย” “ช่างไม่มีเมตตาเสียบ้างเลย” อันเฟยเทียนกำปั้นด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย “แม่เจ้าเจ็บไข้ พอไม่ได้ยาอาการก็แย่ลง บวกกับสภาพที่อยู่ พอขอให้แม่เจ้ากลับเมืองหลวงเพื่อรักษาตัว กลับไม่ให้ไป เพราะกลัวไม่มีใครทำกับข้าวดีๆให้กิน แม่เจ้าทนไม่ไหวเลยจากไป เท่านั้นยังพอ ยังไม่ให้เอาร่างแม่เจ้ากลับอีก ให้ฝั่งเลย...” ราชครูเฮยพูดไป น้ำตาก็ไหลอาบแก้มไม่หยุด เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน อันเฟยเทียนจึงเข้าไปกอดราชครูเฮยอย่างปลอบประโลม “ท่านพ่อ พอแล้วเจ้าค่ะ พอแล้ว” เห็นแบบนี้อันเฟยเทียนก็น้ำตาไหลไปด้วย เหมือนเจ้าของร่างเดิมก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน หลังจากที่ร้องไห้กันพอแล้วก็กลับมาในเรื่องปัจจุบัน ตอนนี้อันเฟยเทียนปวดหัวมากเลย เพราะเรื่องมันชวนให้จะเป็นบ้า “ว่าแต่ว่า เหตุใดท่านพ่อถึงให้ข้าแต่งงานกับคุณชายเจียตงหยาง ข้าว่าอันเฟยเทียนไม่น่าชอบพอกัน แถมสภาพที่อยู่ซอมซ่อเหลือทน” ปัง!!!! ราชครูตบโต๊ะเสียงดัง ด้วยความโกรธจัด แล้วกำมือแน่นมาก เส้นเอ็นปูดขึ้นมาอย่างชัดเจน เหมือนเพิ่งเคยรับรู้เรื่องนี้ “ใครอยู่ด้านออก เข้ามาที เปิดประตูหน้าต่างให้หมด” เหม่ยอิงก็วิ่งเข้ามาจับเนื้อจับตัวอันเฟยเทียน “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเข้าค่ะ” “ข้าไม่เป็นไร เจ้าไปเอาน้ำร้อนใส่แก้วมา” อันเฟยเทียนสั่งเหม่ยอิง แล้วจึงหันไปจับตัวราชครูเฮยให้นั่งลง แล้วก็พัดให้ใจเย็นลง “ข้าไม่เป็นไร ท่านพ่อใจเย็นๆก่อน ข้าเอาตัวรอดได้” “คุณหนู น้ำร้อนมาแล้วเจ้าค่ะ” อันเฟยเทียนจึงล้วงเข้าไปในถุงวิเศษ หยิบขวดที่ใส่ผงขิงออกมา โดยใช้ชายเสื้อปิดไว้ แล้วเปิดขวดแล้วตักผงขิงขึ้นสามช้อนมาใส่แก้วน้ำร้อน แล้วก็คน ยื่นให้ราชครูเฮย “มันคือผงขิงงั้นรึ” “ใช่เจ้าค่ะ ท่านพ่อรีบดื่มตอนยังร้อนๆอยู่” “รสชาติดี” พอได้ยินว่ารสชาติดี หูผึงเลย เพราะตั้งแต่ซื้อมายังไม่ได้ชิมเลย “พอจะขายได้ไหมเจ้าค่ะ ท่านพ่อ” “แน่นอนว่าได้ แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้ และเจ้ามีอยู่เท่าไหร่” “ตอนนี้มีหนึ่งพันขวด ท่านพ่อมีความคิดดีๆหรือไม่เจ้าค่ะ ตอนแรกข้าคิดจะทำไว้ขายเอากำไรตอนออกศึก ข้าคิดว่ามันจำเป็นมากในช่วงฤดูหนาว” “ใช่ เจ้าคิดไม่ผิด” หลังจากที่อันเฟยเทียนกลับจากจวนตระกูลตัวเอง ก็ไม่ลืมที่จะหยิบเงินกลับไปด้วย ใส่ไว้ในถุงวิเศษเรื่องอะไรข้าจะยากจน ตระกูลของข้าไม่ใช่ไม่มีตังใช้เสียหน่อย หน็อย! ไอ้คุณชายตงหยางคิดจะทำอะไรข้า ไม่สำเร็จหรอก ข้าไม่ยอมเหมือนอันเฟยเทียนคนเดิมหรอกนะ ข้าต้องนอนอิ่ม นอนอุ่น หุ่นเป็นไงก็ช่างมันไหน ๆก็มีสามีแล้ว แถมเปรียบเสมือนเมียน้อยที่ผัวไม่รักอีกต่างหาก ตอนนี้ข้าขอดูสถานการณ์วันต่อวันนะ ข้าไม่ใช่คนฉลาดที่จะสร้างแผนการอะไรให้ยุ่งยาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD