“มีกระเป๋าแค่นี้เหรอจ๊ะ ทำไมเอามาน้อยจังเลย” จินตนาเอ่ยปากถามอย่างแปลกใจ เพราะกระเป๋าที่รสิกาเอามาใบไม่ได้ใหญ่เลยผิดวิสัยผู้หญิงคนอื่นที่มักจะเอาการะเป๋ามาใบใหญ่มาก
“มีแค่นี้แหละค่ะ ถ้าขาดเหลืออะไรเดี๋ยวค่อยแวะเข้าไปเอาที่บ้านใหม่ก็ได้ค่ะ” รสิกาตอบหญิงสูงวัย และนึกดีใจที่คนที่ตัวเองมาดูแลเป็นคนที่รู้จัก
“ยังไม่ทันได้ทำงานก็จะหาเรื่องกลับบ้านแล้วเหรอคุณ อย่าบอกนะว่าคุณจะกลับบ้านวันเว้นวัน” อชิระถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง
รสิกาที่ได้ยินก็หน้าตึงและหันไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ฟาดฟัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมามากเพราะเกรงใจหญิงสูงวัยที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เอ๊ะ! ตารบอย่ามาว่าน้องแบบนี้นะ ยังไงน้องก็ต้องกลับไปดูแลร้านอยู่แล้วเรื่องนี้แม่เป็นคนบอกเอง และอีกอย่างแม่ก็ต้องเข้าไปในเมืองอยู่แล้วใจคอเราจะขังแม่ให้อยู่ในป่าอย่างเดียวหรือไง” จินตนาออกหน้ารับแทนหญิงสาวทันที
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ” อชิระพูดพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวอีกคนไปด้วยและนึกอยากจับคนหน้าเป็นมาฟาดก้นแรงๆ โทษฐานที่แอบยกยิ้มเยาะใส่เขา
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวรบพาหนูเทียนขึ้นไปที่ห้องด้วยนะห้องริมสุดติดกับห้องแม่น่ะ” ห้องที่เธอพูดถึงมีขนาดใหญ่เหมือนกับห้องเธอและลูกชาย เมื่อวานเธอลงทุนกำกับดูแลให้เด็กทำความสะอาดใหม่ทั้งหมดรวมถึงผ้าปูที่นอนใหม่แกะกล่องเลยทีเดียว
“แม่ครับทำไมไม่ให้เขาพักห้องรับรองของแขกล่ะ” อชิระโวยทันที เพราะนั้นเป็นห้องที่เขาตั้งใจทำเอาไว้เป็นห้องนอนของลูกๆ ของเขาในอนาคต
“ห้องนั้นปิดเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรสู้เอามาให้หนูเทียนพักดีกว่า อีกอย่างหนูเทียนไม่ใช่แขกแล้วห้องนั้นก็ติดกับห้องนอนแม่เวลาเกิดอะไรขึ้นหนูเทียนจะได้มาทันเวลา” จินตนาพูดและแอบขำในใจที่เห็นลูกชายหวงห้อง เธอรู้ว่าห้องนั้นอชิระเอาไว้ทำอะไร แต่ในเมื่อตอนนี้เธอยังไม่มีหลานก็เอามาให้ว่าที่แม่ของหลานใช้ก่อนก็ไม่เสียหาย
อชิระนั่งหงุดหงิดที่ทำอะไรหญิงสาวคนนี้ไม่ได้เลยเพราะมารดาออกหน้ารับแทนตลอด คอยดูเถอะเขาจับตามองอย่างใกล้ชิดเจ้าหล่อนต้องมีข้อสียหรือช่องโหว่บ้างแหละ
“งั้นก็ลุกขึ้นสิผมจะได้พาไปที่ห้อง” เขาพูดแล้วลุกขึ้นยืนทันที
“หนูเทียนเดี๋ยวตามพี่เขาขึ้นไปนะจ๊ะ แล้วค่อยลงมากินก๋วยเตี๋ยวนะ” จินตนาพูดกับหญิงสาวข้างกาย
“ขอบคุณคุณป้ามากนะคะที่กรุณาหนู” เพราะเคยชินที่แทนตัวเองว่าหนูกับบิดามารดาและคนที่อายุมากกว่าตัวเองทำให้เธอใช้มันแทนตัวกับหญิงสูงวัยคนนี้ด้วย
“จ้ะ ไม่ต้องคิดมากนะอยู่กับป้าทำตัวตามสบายเดี๋ยวกินอะไรเสร็จแล้วค่อยคุยกันในรายละเอียดต่างๆ” จินตนาจับมือขาวมาลูบเบาๆ เธออยากมีลูกสาวพอมาเจอรสิกาก็รู้สึกถูกชะตาและต้องใจไม่น้อย ไม่ได้เป็นลูกสาวแต่ได้เป็นลูกสะใภ้ก็ไม่เลวนะ
อชิระมองหญิงสาวอย่างหมั่นไส้ทีกับเขาพูดจาเหมือนจะกินหัว แต่กับมารดากลับออดอ้อนเต็มที่ขนาดนี้ รสิกาลุกขึ้นยืนและเดินตามชายหนุ่มร่างสูงที่เดินนำขึ้นไปยังห้องพักของเธอเงียบไม่ได้พูดหรือคุยอะไรแม้แต่คำเดียว และเขาก็มาหยุดที่หน้าประตูบานไม้บานใหญ่ก่อนเปิดนำเข้าไปก่อน และเธอต้องสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงห้าวของผู้ชายตัวโตพูดออกมา
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!” ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในห้องและสายตาเห็นสิ่งที่อยู่ในห้องก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” รสิกาถามด้วยความอยากรู้ว่าเข้าเป็นอะไร
“นี่คุณคงเป็นคนโปรดแม่ผมมากเลยสินะ แน่ใจเหรอว่าไม่เคยรู้จักแล้วมาหลอกอะไรแม่ผม” อชิระถามและมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าไปด้วย
“นี่คุณ! ฉันไม่ได้มาหลอกแม่คุณนะ ฉันก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคนที่ต้องมาดูแลคือแม่ของคุณ” เธอพูดตามความจริงแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่เชื่อ
“ถ้าไม่ได้หลอกแล้วแม่ผมจะทำอะไรแบบนี้ให้คุณหรือไง” แบบนี้ที่อชิระพูดคือ การจัดตกแต่งห้องใหม่ให้ดูเป็นผู้หญิงหวานๆ มากขึ้น ดอกไม้สีสันสดใสมีอยู่ทุกมุมของห้อง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ และเตียงใหม่ที่มีขนาดใหญ่ไม่น้อย เพราะของเดิมทุกอย่างไม่ได้เป็นแบบนี้เลย นี่แสดงว่าท่านเพิ่งทำเมื่อวานและเขาก็ไม่ได้สังเกตอะไรนี่คงแอบทำตอนที่เขายังไม่กลับมาสินะ
“ถ้าคุณไม่สบายใจฉันไปขอท่านนอนห้องอื่นก็ได้นะคะ” รสิกาพูดออกมา
“จะบ้าเหรอ! ถ้าทำแบบนั้นผมได้โดนแม่ด่าอีกแน่ พักห้องนี้ไปเถอะอย่าทำตัววุ่นวายยุ่งยาก” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไปทันที
“ฉันไม่ได้ทำวุ่นวายยุ่งยาก คุณต่างหากที่ทำแบบนั้น” รสิกาพูดแล้วย่นจมูกไล่หลังชายหนุ่มไป แล้วก็จัดการเอาเสื้อผ้าเก็บใส่ตู้พร้อมกับสำรวจภายในห้องและต้องยิ้มอย่างถูกใจไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำหรือระเบียงห้องนอนที่เห็นวิวภายนอกอีกด้วย มีสองอย่างที่ไม่ค่อยชอบคือสีผ้าปูที่นอนและเจ้าของร่างสูงหน้าดุเป็นหมีนั่นแหละ
“พาน้องไปที่ห้องเรียบร้อยแล้วเหรอรบ” จินตนาเอ่ยปากถามลูกชายที่เดินหน้าบึ้งลงมาจากข้างบน
“ครับ ว่าแต่แม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อนเหรอครับ” อชิระถามด้วยความอยากรู้ เพราะดูท่านจะรักใครและสนิทสนมกับหญิงสาวคนนี้เป็นพิเศษ
“ใช่ ก็วันที่แม่ไปทำบุญที่วัดไงแล้วแม่จะเป็นลม ตอนนั้นหนูเทียนมาช่วยรับไม่ให้แม่ล้มแล้วก็ยังวิ่งไปซื้อน้ำกับลูกอมมาให้แม่อีกด้วย” จินตนาเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ลูกชายฟังพร้อมกับดูปฏิกิริยาของอชิระไปด้วย
“แม่แน่ใจนะครับว่าไม่ได้วางแผนอะไรไว้” อชิระถามและอดระแวงไม่ได้ เพราะท่านไม่เคยมีอาการแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ขนาดคนที่วางแผนให้เขาไปดูตัวยังไม่ได้เป็นแบบนี้เลย
จินตนาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดแล้วพูดออกมา
“แน่สิ รบพูดมาแบบนี้ก็ดีเหมือนแม่เพิ่งนึกได้ แม่ขอสั่งห้ามไม่ให้ลูกทำตัวรุ่มร่ามกับหนูเทียนเด็ดขาด แม่รักหนูเทียนเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งถ้าวันไหนแม่รู้ว่าเรารังแกหรือทำอะไรหนูเทียนจะโดนไม่ใช่น้อย” เธอต้องพูดดักทางก่อน เพราะ รสิกาใช่ว่าจะหน้าตาขี้เหร่ตรงข้ามหญิงสาวเป็นคนที่สวยน่ารักและดูใจเย็น ไม่น่าเชื่อว่าจะครองตัวเป็นโสดมาจนป่านนี้
อชิระชะงักไปนิดเมื่อได้ยินที่มารดาพูดแบบนี้ เพราะรสิกาเป็นหน้าตาดีเรียกได้ว่าตรงสเปกเขาทุกอย่าง แต่นิสัยที่ชอบเถียงมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ และเขาก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่หน้าตาดีแบบนี้นิสัยจะเป็นอย่างไร
“ถ้าแม่ห่วงเรื่องแบบนี้ก็หายห่วงได้เลยครับ รสิกาไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผมชอบหรอกชอบเถียงปากก็ดี” เขาพูดและหลบสายตามารดาที่มองมา
“ให้มันแน่เถอะ อย่าให้แม่รู้นะว่าเราทำอะไรไม่ดีกับหนูเทียน” จินตนาพูดและนึกขำลูกชายที่ปากแข็ง อชิระคงลืมไปแล้วมั้งว่าเธอเป็นแม่ที่เลี้ยงตัวเองมากับมือทำไมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงอย่างรสิกาเป็นสเปกของลูกชาย
สองคนแม่ลูกนั่งคุยโดยที่ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่กำลังพูดถึงเดินลงมาได้ยินพอดี เธออยากจะเดินเข้าไปบอกหญิงสูงวัยว่าลูกชายของท่านก็ไม่ใช่สเปกของเธอเหมือนกัน ผู้ชายหน้าดุปากเสียแบบนี้อยู่ด้วยมีหวังเป็นบ้าตายดีแล้วที่รู้ว่าเขาไม่ชอบหน้าเธอจะได้หลบเลี่ยงไม่เสวนาด้วยชายหนุ่มจะได้ไม่หงุดหงิด และเธอก็จะได้ทำงานอย่างสบายใจทุกอย่างที่ทำก็เพื่อความสบายใจของบิดามารดาเธอทั้งนั้น
“ขอโทษนะคะที่ลงมาช้าพอดีหนูโทรกลับไปบอกที่บ้านว่าถึงบ้านคุณป้าเรียบร้อยแล้ว” เธอพูดตามความจริง เพราะก่อนลงมาบิดาโทรเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรจ้ะ ป้าว่าเราไปกินก๋วยเตี๋ยวกันดีกว่า” จินตนาลุกขึ้นแล้วเดินจับมือหญิงสาวรุ่นลูกให้เดินไปที่ห้องครัว
“อ้าวตารบมาสิไม่หิวหรือไง” เธอหันไปเรียกลูกชายที่นั่งหน้าตูมอยู่กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไม่รู้งอนหรือยังนั่งจำคำพูดโกหกของตัวเองอยู่หรือเปล่า
++++++