บทที่ 4 ( 1 )

1246 Words
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในช่วงเวลากลางคืนตอนที่เธอเพิ่งก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำพอดี เธอรีบเดินไปหยิบพอเห็นว่าใครโทรมาก็ต้องชะงักเพราะเพิ่งนึกได้ว่าที่มาทำงานที่นี่เธอลืมบอกใครบ้างคนไปเสียสนิท “ว่าไงคะคุณทนายคนดัง” เธอปรับน้ำเสียงให้ดูร่าเริงเอาไว้ก่อน “ไม่ต้องมาร่าเริงกลบเกลื่อนเลยเทียน พี่ต้องการคำอธิบายว่าทำไมเราถึงไปทำงานดูแลคนป่วย” กานต์พูดเสียงเคร่งขรึมและยิงคำถามตรงอย่างไม่ยอมให้เสียเวลา “โอ้โห ไม่คิดจะให้เทียนมีเวลาคิดคำพูดเลยหรือไงคะ” ชายหนุ่มรุ่นพี่บทจะใจดีก็แสนดี ถ้าลองได้ทำเสียงเข้มแบบนี้บอกเลยว่ารอดยาก “จะเล่าได้หรือยังเทียน” กานต์ถามออกมาอีกครั้ง “เล่าแล้วเจ้าค่ะ เลิกทำเสียงเข้มได้แล้วแค่นี้น้องนุ่งก็กลัวจะแย่แล้วเนี่ย” รสิกาพูดแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้นอกระเบียงรับลมเย็นๆ ด้านนอก “คุณป้าจินตนาเป็นผู้มีพระคุณกับพ่อแม่เทียน ท่านต้องการคนมาคอยดูแลเพราะท่านมีโรคประจำตัวหลายโรคแล้วเทียนก็เคยช่วยท่านไว้ตอนที่เจอกันตอนที่ท่านจะเป็นลมเลยเกิดถูกชะตาต่อกัน พอท่านเอ่ยปากเทียนก็เลยขอมาดูแลเอง” เธอเล่าแค่พอคร่าวๆ ไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก “แค่นี้นี่นะเทียนถึงยอมไปอยู่บ้านเขาแบบนั้น ถ้าเขารังแกขึ้นมาจะทำยังไง” กานต์ถาม เขาเข้าใจนะต้องการตอบแทนบุญคุณแต่การที่ไปอยู่บ้านคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนมันก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจ “พี่กานต์คิดมากเกินไปหรือเปล่าคะ” “ถ้าพี่คิดมากงั้นเทียนตอบพี่หน่อยว่าทำไมเขาไม่จ้างพยาบาลหรือหมอมืออาชีพมาคอยดูแลเขาล่ะ คุณจินตนาเป็นแม่ของคุณอชิระเจ้าของสยามแควนะเขามีเงินมากขนาดจ้างหมอดีๆ มาดูแลได้ ทำไมต้องเป็นเทียนด้วย” ตอนที่เขารู้ว่ารสิกามาดูแลใครเขาก็สงสัยว่าทำไมต้องเป็นหญิงสาวด้วย พอได้ยินที่กานต์พูดเธอก็นึกเอะใจ เพราะเธอเองก็เคยคิดแบบนั้นและคุณป้าจินตนาเองก็ดูแข็งแรงน้อยครั้งที่จะเวียนหัว แต่เธอก็ปัดความคิดไม่ดีออกจากหัวเพราะที่ผ่านมาท่านเลี้ยงดูและดูแลเธอเป็นอย่างดี ดีเกินกว่าทีจะเป็นลูกจ้างด้วยซ้ำ “เขาคงอยากได้คนที่ไว้ใจได้จริงๆ เพราะเขาสนิทกับพ่อแม่เทียนด้วย” “เรานี่นะมองโลกในแง่ดีจริงๆ เลย” สุดท้ายกานต์ก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้รุ่นน้องคนนี้ ถึงในศาลเขาจะเป็นทนายที่ไม่เคยยอมแพ้ใคร แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้เขามักจะแพ้ตลอดและมันเป็นการแพ้ที่เขาเต็มใจให้หญิงสาวชนะ เขาหวังว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นฝ่ายชนะ...ใจเธอบ้าง รสิกาหัวเราะเสียงดังออกมาและก็ชวนเขาคุยเรื่องอื่นถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไปจนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงๆ ถึงได้หมดเรื่องคุย ดีนะเธอแต่งตัวเสร็จตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำแล้วไม่อย่างนั้นคงได้แข็งตายแน่ๆ เพราะยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ “ดูแลตัวเองดีๆ นะมีอะไรรีบโทรหาพี่ทันทีเข้าใจไหม” ก่อนวางสายกานต์ไม่ลืมกำชับอย่างเป็นห่วง “รับทราบค่ะคุณทนาย ถ้ามีอะไรเทียนจะโทรไปเล่าฟังเหมือนทุกทีแหละค่ะ” รสิกาพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง ที่เธอพูดแบบนี้เพราะเวลาที่ไม่สบายใจหรือปัญหาอะไรเธอมักจะโทรหาชายหน่มอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว มีแค่เรื่องที่มาอยู่ที่นี่เท่านั้นแหละที่ไม่ได้บอกเขา “พี่เป็นห่วงเทียนนะ” คำพูดที่ได้ยินทำให้เธอค่อยๆ หุบยิ้มลงช้าๆ แล้วพูดออกมา “พี่กานต์ก็ต้องเป็นห่วงเทียนอยู่แล้วเพราะเทียนเป็นน้อง ถ้าพี่ชายไม่ห่วงน้องจะไปห่วงใครได้จริงไหมคะ” “เทียนง่วงแล้วฝันดีค่ะ” พูดจบเธอก็ชิงวางสายไปทันที ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่รู้ว่าเธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดยังไงกับเธอ แต่เพราะคบกันมานานทำให้กลัวว่าถ้าวันหนึ่งเขาและเธอขยับสถานะขึ้นไปเป็นอย่างอื่นแล้วถ้าต้องเลิกกันไปแล้วทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม กานต์นั่งเอนหลังไปกับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างหมดแรง ไม่ว่าเมื่อไรรสิกาก็วางเขาให้อยู่ฐานะพี่ชายเท่านั้นทั้งๆ ที่เขาพยายามดูแลเอาใจใส่ทุกอย่างแต่ไม่สามารถเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ได้เลย มือหนาเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปสีฟ้าสดใสซึ่งไม่ได้เข้ากับโต๊ะทำงานของเขาสักนิดมาดูแล้วต้องยิ้มน้อยๆ ออกมา “พี่จะรอวันที่เทียนพร้อมที่จะให้โอกาสผู้ชายอย่างพี่นะ” กานต์พูดกับหญิงสาวในรูปที่เขาถ่ายไว้ในวันรับปริญญาของรสิกาเมื่อหลายปีก่อน ++++++ “หนูเทียนวันนี้เราเปลี่ยนที่กินข้าวมื้อกลางวันกันดีไหมจ๊ะ” คุณจินตนาพูดขึ้นมาระหว่างที่กำลังนั่งอ่านหนังสือแล้วรสิกากำลังนั่งตรวจบัญชีร้านอยู่ข้างๆ “เปลี่ยนไปที่ไหนคะ” รสิกาเงยหน้าจากสมุดบัญชีแล้วถามอย่างแปลกใจ “ป้าลืมบอกว่าท้ายไร่มีน้ำตกเล็กๆ ไหลผ่านด้วนะ น้ำใสมากเลยด้วย” หญิงสูงวัยรีบโฆษณาทันทีทำให้รสิกาอดที่จะยิ้มน้อยๆ ออกมาไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะเปลี่ยนบรรยากาศบ้างคุณป้าจะได้ไม่เบื่อที่ต้องอยู่ในบ้านอย่างเดียว” เธอรู้ว่าคุณจินตนาเบื่อที่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้าน แต่เพราะอีตาหมียักษ์ไม่อยากให้ท่านไปไหนเพราะห่วงเรื่องสุขภาพว่าจะไปเป็นลมที่ไหนแล้วจะเป็นอันตราย “หนูเทียนช่างรู้ใจคนแก่ ป้าอยากไปเที่ยวเจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่ว่างพาไปสักทีนี่ถ้าไม่มีหนูป้าต้องเหงาตายแน่ๆ” คุณจินตนาพูดพร้อมกับทำหน้าเศร้า ช่วงนี้เพื่อนๆ ในกลุ่มไปเที่ยวต่างประเทศกันหมดตอนแรกเธอก็ว่าจะไปแต่อชิระห่วงกลัวไปเป็นอะไรที่นู้นเลยขอร้องไม่ให้ไป รสิกายิ้มน้อยๆ แล้วเดินไปนั่งข้างแล้วจับมืออวบไว้ก่อนจะพูดออกมา “อย่าคิดมากเลยค่ะ ที่คุณอชิระห้ามเพราะเขาห่วงคุณป้าเอาเป็นว่าเดี๋ยวหนูไปเตรียมอาหารกลางวันให้แล้วเราไปปิกนิกกันดีกว่าค่ะ” “จ้ะ แต่หนูเทียนจะเอาชุดไปเล่นน้ำด้วยก็ได้นะป้ารับรองว่าหนูต้องชอบแน่ๆ” การมีลูกสาวคอยดูแลอยู่ข้างๆ มาดีอย่างนี้นี่เอง รสิกาพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อไปบอกแม่ครัวว่าวันนี้เปลี่ยนสถานที่กินข้าวและเธอก็ลงมือช่วยทำอาหารอีกต่างหาก พอทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเธอก็ขึ้นไปเตรียมของและเสื้อผ้าของตัวเองไปเปลี่ยนรวมไปถึงยาและของใช้ของคุณจินตนาด้วย +++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD