มาเฟียหนุ่มละโทรศัพท์ออกจากหูพร้อมกับดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้ม ไม่มีความจำเป็นข้อไหนที่เขาจะต้องเห็นใจคนที่เคยทรยศกัน ในเมื่อมันเลวมาเขาแม่งก็ต้องเลวกลับ ถ้ามัวแต่ให้อภัยแล้วชาติไหนจะได้เอาคืน
ร่างสูงเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง เผชิญหน้ากับคนที่ลุกขึ้นมาจากที่นอนพร้อมกับผ้าห่มที่คลุมร่างกายเอาไว้แน่น
“ไปใส่เสื้อผ้าเถอะ” คำพูดของเขาส่งผลให้คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“วันนี้อากาศเย็นเหมือนที่เธอบอกนั่นแหละ ขืนอยู่แบบนี้เธอจะไม่สบายเอา”
“แปลว่าคุณ….”
“วันนี้เธอคงไม่พร้อมหรอก และพี่ก็ไม่อยากบังคับจิตใจเธอด้วย”
“พี่….” สรรพนามที่คนตรงหน้าใช้แทนตัวเองมันทำให้เธองงมากกว่าเก่า ตอนแรกเขายังเป็นคนแรงๆ พี่ชอบพูดอะไรแบบตรงไปตรงมาและไม่คิดจะรักษาน้ำใจของคนฟังอยู่เลย แล้วมาตอนนี้อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไป
“เธอเป็นน้องสาวของไอ้กานต์นี่ มันเคยเป็นเพื่อนพี่ จริงๆ ก็คนกันเองทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องพูดจาให้ห่างเหินไม่ใช่เหรอ”
“คุณบอกว่าคุณกับพี่กานต์เป็นเพื่อนกัน แล้วทำไมบางครั้งถึงพูดเหมือนโกรธกันอยู่ล่ะคะ”
“พี่คุยกับเธอและแทนตัวเองว่าพี่ เธอเองก็ควรเรียกพี่ว่าพี่นะ เรียกคุณมันห่างเหินเกินไป อย่างน้อยๆ ก็ยังไม่รู้เลยว่าพี่ชายเธอมันจะหาเงินมาคืนพี่ได้เมื่อไหร่ ช่วงที่เราต้องเจอกัน พี่ไม่อยากให้เธอรู้สึกแย่” มิเกลพยายามจ้องลึกเข้าไปในตาของคนที่พูดจาย้อนแย้ง เธอไม่รู้ว่าเธอเชื่อคำพูดของเขาได้มากน้อยแค่ไหน บางครั้งเธอก็อ่านเขาไม่ออก และเข้าไม่ถึงตัวตนของเขาจริงๆ
“ถ้าพี่ตั้งใจช่วยจริงๆ ก็ขอบคุณนะคะ”
“พี่ชื่อเจโรม เธอเรียกพี่ว่าพี่โรมก็แล้วกัน” มิเกลพยักหน้ารับเบาๆ ต่อให้เธอจะยังอ่านเขาไม่ออก แต่การที่เขาพูดจาดีๆ กับเธอ มันก็คงดีกว่าการพูดกันคนละภาษา เข้าใจกันคนละแบบนั่นแหละ
“ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วออกไปนั่งคุยกับพี่ด้านนอก คุยกันแบบนี้พี่ว่ามันอันตรายกับเธอนะ อย่าลืมว่าพี่เป็นผู้ชาย และอย่าลืมว่าพี่มีสิทธิ์ทุกอย่างเลย” แววตาของคนบอกวาววับ เรื่องนั้นเขาแสดงออกออกมาชัดเจนและเปิดเผย ตรงไปตรงมาจนคนถูกจ้องมองหัวใจเต้นแรง
“ได้ค่ะ หนูขอไปแต่งตัวก่อนนะคะ” มิเกลก้มหน้าลง และรีบเดินผ่านหน้าคนตัวสูงไปแต่งตัวให้เรียบร้อย ลับสายตาจนไม่มีโอกาสได้เห็นว่ามุมปากหนาผุดรอยยิ้มบางๆ ประกายตาคมแข็งกร้าว เจ้าเล่ห์จนไม่ควรเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว
ใช้เวลาเกือบสิบนาทีมิเกลก็เดินกลับออกมาหาคนที่นั่งคอยเธออยู่ เพราะเห็นคนตัวโตนั่งเล่นโทรศัพท์คอยเธอจึงเดินไปเปิดตู้เย็น และตัดสินใจอยู่นานว่าจะเอาอะไรออกไปให้เขาทานดีจนตัดสินใจเลือกน้ำอัดลม
“ดื่มน้ำก่อนนะคะ หนูเห็นว่ามันดึกแล้วและได้กลิ่นเหล้าจากตัวคุณ ถ้าจะเอานมมาเสิร์ฟมันก็แปลกๆ ดื่มน้ำอัดลมแก้กระหายก็แล้วกันนะคะ”
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
“ยี่สิบสองค่ะ หนูอายุห่างจากพี่กานต์สิบปี”
“อ่า” คนฟังพยักหน้ารับ เขากับพี่ชายเธอเป็นเพื่อนกัน อายุเท่ากัน นั่นก็แปลว่าเธอเด็กกว่าเขาสิบปี ดูเยอะฉิบหาย แต่นั่นมันคงไม่มีผลอะไร ดีเหมือนกัน หลอกเด็กมันง่ายดี
“ก่อนหน้านี้ทำอะไรอยู่”
“หมายถึงทำงานใช่ไหมคะ หนูเพิ่งเรียนจบ ตอนนี้กำลังหางานอยู่ค่ะ และก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานพาร์ทไทม์เล็กๆ น้อยๆ ในคาเฟ่ช่วงที่ว่างน่ะค่ะ ไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน”
“แล้วระหว่างที่เรียนคือทำงานหาเงินใช้เอง?”
“บางส่วนค่ะ ส่วนมากก็พี่กานต์ช่วยมาตลอด เพราะมีพี่ชายชีวิตหนูเลยง่ายมากขึ้นค่ะ” คนบอกเอ่ยออกมาอย่างภูมิใจเวลาที่พูดถึงพี่ชาย
เจโรมสบตากับคนที่ชมว่าพี่ชายตัวเองทั้งแสนดีนักหนา และคิดไปว่าผู้หญิงที่เคยทิ้งเขาไปเลือกพี่ชายเธอก็คงจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันสินะถึงได้กล้าทำแบบนั้น
“ไหนๆ เราก็คุยเรื่องนี้กันแล้ว หนูขออนุญาตพูดได้ไหมคะ” แววตาของมิเกลเต็มไปด้วยความหวัง
“อยากพูดอะไร”
“ระหว่างที่รอพี่กานต์หาเงินมาคืนพี่ หนูขอออกไปทำงานช่วยอีกแรงได้ไหมคะ มันก็อาจจะช่วยได้บางส่วนดีกว่าอยู่เฉยๆ โดยไม่ช่วยอะไรเลย พี่ว่าดีไหมคะ”
“เธอมีหน้าที่ของเธอไม่ใช่เหรอ หรือลืม?” มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้วถาม เขาไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก ไม่ได้จะช่วยเพื่อนสาระเลวฟรีๆ แน่ๆ อย่างน้อยๆ ก็ตัวเธอที่เขาต้องได้กลับมา
“ไม่ลืมค่ะ แต่พี่จะมาหาหนูแค่ตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอคะ นั่นก็แปลว่าตอนกลางวันหนูว่าง สามารถไปทำงานได้ค่ะ มันอาจจะไม่ได้เงินเยอะมาก แต่มันก็ช่วยได้จริงๆ นะคะ”
“ใครบอกเธอว่าเรื่องแบบนั้นทำได้เฉพาะตอนกลางคืน”
“คะ?” คำตอบที่ได้รับกลับมาส่งผลให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ ตอนแรกเธอโฟกัสที่เวลาว่างเพื่อจะเอาไปทำงานให้เกิดประโยชน์ แต่อยู่ดีๆ ทำไมถึงกลายเป็นโฟกัสที่เรื่องนั้นแทน
“พี่ถามว่าใครบอกเธอว่าเรื่องแบบนั้นทำได้แค่ตอนกลางคืน ตอนเช้า สาย กลางวัน ตอนบ่าย เวลาพวกนี้เราทำไม่ได้เลยเหรอ”
“พูดแบบนี้แปลว่าอะไรคะ อย่าบอกนะว่าพี่…”
“พี่ทำได้ทุกเวลาที่อยากทำ ไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะตอนกลางคืน”
“แปลว่าจะไม่ให้มีเวลาว่างเลยเหรอคะ” คนถามกระพริบตาถี่ๆ ในหัวกำลังจินตนาการไปตามสิ่งที่เธอถามออกไป ขืนเป็นแบบนั้นจริง เธอได้ตายคาเตียงแน่ๆ
“เรื่องแบบนั้นมันบังคับกันไม่ได้ มันขึ้นอยู่ที่ความรู้สึกและอารมณ์ จะบอกพี่ว่าเธอไม่เคยมีอารมณ์และความรู้สึกเหล่านี้เลยเหรอ”
“ไม่เคยค่ะ” มิเกลตอบรับพลางเบือนหน้าหนี เลยไม่มีโอกาสได้เห็นว่าอีกคนลอบอมยิ้มที่กำลังได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ
“จะทำอะไรก็บอกพี่ก่อน พี่ไม่อนุญาตให้ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ไม่ได้ถึงขั้นจะห้าม แต่ต้องบอกพี่ก่อน”
“ได้ค่ะ แล้วไปสมัครงานได้ไหมคะ”
“สมัครงาน? จะไปสมัครงานที่ไหน”
“ร้านอาหาร ร้านกาแฟ งานพวกนี้เราสามารถเลือกและระบุเวลาด้วยตัวเองได้ค่ะ อาจจะทำเฉพาะตอนกลางวัน เริ่มงานแปดโมง เลิกงานสี่โมงเย็นค่ะ”
“ทำงานวันละแปดถึงเก้าชั่วโมง นั้นก็แปลว่าเธอจะมีเวลาให้พี่เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น”
“ไม่ได้เหรอคะ”
“ถ้าอยากทำงานเดี๋ยวพี่หาให้”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ เป็นงานที่จะทำให้เธออยู่ในสายตาของพี่ตลอดเวลา”
“งานอะไรเหรอคะ”
“งานที่ผับน่ะ ติดปัญหาตรงไหนไหม”
“ไม่ติดค่ะ หนูทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
“ดี งั้นพรุ่งนี้ตอนเย็นพี่จะให้คนมารับเธอที่นี่ แล้วค่อยคุยกันอีกทีว่ามีอะไรที่เธอจะทำได้บ้าง”
“ได้ค่ะพี่ ขอบคุณมากๆ นะคะ” คนที่รู้สึกว่าตัวเองมีความหวังยิ้มกว้าง ไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของคนหน้าหล่อแต่นิสัยโคตรร้าย กำลังมีแผนการบางอย่างในใจ