กานต์ก้าวออกมาจากผับหรู รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ได้คุยกับน้องสาว เดินพ้นประตูออกมาไม่เท่าไหร่ก็ปะทะกับร่างสูงของเจ้าของผับที่เหมือนจะดักรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
เจโรมคาบบุหรี่คาปากอยู่ มุมปากผุดรอยยิ้มอย่างเย้ยหยันขณะที่สายตาเหยียดมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“โรม…”
“สั่งเสียน้องสาวมึงเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ” เอ่ยถามพร้อมกับใช้นิ้วคีบบุหรี่เอาไว้
“กูไม่มีอะไรต้องสั่งเสีย สุดท้ายวันหนึ่งกูก็จะมารับเกลกลับ ไม่ได้จะปล่อยให้อยู่กับมึงตลอดไปอยู่แล้ว”
“อ่า แต่กูเบื่อง่ายนะ ช่วยเร่งให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ หน่อยก็ดี เพราะถ้ามึงชักช้า รอบนี้อาจจะเป็นมึงที่เสียน้ำตา”
“เกลไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะโรม ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเกลทั้งนั้น มึงจะเหมารวมให้ได้อะไรขึ้นมาวะ”
“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่กู กูจะทำอะไรมันก็แล้วแต่ใจกู” กานต์กัดฟันแน่น แต่ยิ่งเขาแสดงออกแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้อีกคนรู้สึกสะใจมากเช่นกัน
“มึงไสหัวออกไปจากที่ของกู มึงคงไม่อยากเห็นภาพอะไรที่มันบาดตาบาดใจหรอกใช่ไหม”
“มึงคิดจะทำแบบนั้นกับเกลจริงๆ เหรอวะ”
“แล้วเวลาที่มึงทำเหี้ยๆ ลับหลังกูมึงเคยถามตัวเองแบบนี้บ้างไหม” คนย้อนถามมองตาแข็ง เขาจะไม่โกรธเท่านี้เลยหากคนที่หักหลังกันไม่ใช่เพื่อนสนิทที่เขาโคตรจะไว้ใจ
“กูจะทำอะไรกับน้องมึงก็ได้ มิเกลเป็นของกู มึงมีปัญญาหาเงินมาคืนกูได้เมื่อไหร่ค่อยมาคุยกับกู” เจโรมตวาดใส่หน้าคนที่ปากบอกว่าอยากช่วยน้อง แต่ก็เพราะมันเองนั่นแหละที่ทำให้น้องมันต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้
ร่างสูงหมุนตัวกลับทันทีที่เอ่ยจบ สะใจยังไม่เต็มที่ พลันสายตาก็ประสานเข้ากับร่างบางของคนที่ยืนแอบฟังอยู่
เขาไม่รู้ว่ามิเกลออกมาตั้งแต่ตอนไหน และเธอได้ยินอะไรไปบ้าง แต่เจโรมเลือกที่จะไม่ถาม เขาเดินเข้าไปหาเธอ กระชากแขนเรียวและพาออกมาจากตรงนั้นด้วยกัน
ดวงตากลมสวยหลุบมองมือหนาที่ตรึงยึดอยู่กับข้อมือของเธอ ไม่โอดครวญว่าเจ็บทั้งที่เขาเผลอลงน้ำหนักจนเธอรู้สึกเจ็บจริงๆ ก็ตาม
มิเกลเงยหน้ามองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาเมื่อเธอได้ยินเขาถอนหายใจออกมาแรงๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ โมโห หรือรู้สึกแบบไหน เธอเดาใจเขาไม่ถูกเลย
“เมื่อกี้ตามออกไปทำไม?” หนุ่มหล่อหันกลับมาถาม ลิ้นสากดันเข้าหากระพุ้งแก้มขณะรอคำตอบจากเธอ
“เกลแค่อยากรู้ว่าพี่กานต์จะกลับยังไงแค่นั้นเองค่ะ”
“แล้วเมื่อกี้ได้ยินอะไรบ้าง” เจโรมเลิกคิ้วขึ้นขณะที่ถาม เห็นคนที่เขาจ้องอยู่เม้มริมฝีปาก แต่ก็ยังดีที่เธอกล้าพอที่จะเอ่ยมันออกมา
“ได้ยินทุกอย่างเลยค่ะ”
“แล้ว?”
“เกลไม่รู้ว่าพี่กับพี่กานต์มีปัญหาอะไรกัน เกลขอโทษแทนพี่ชายได้ไหมคะ” คนบอกยกสองมือขึ้นพนม แสดงออกให้เห็นว่าเธออยากขอโทษเขาจริงๆ
“เกลขอโทษนะคะ”
“เธอคิดว่าควรทำแบบนี้?”
“เกลทำได้แค่นี้ค่ะ หรือถ้ามีอะไรที่เกลทำได้มากกว่านี้ พี่บอกเกลได้เลยนะคะ เกลยินดี” มิเกลสบตากับคนตรงหน้า และเธอมั่นใจว่าเธอทำได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ ต่อให้เธอจะไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนมีปัญหาอะไรกันก็ตาม
เจโรมร้องเหอะในลำคอเบาๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาควรรู้สึกแบบไหน ทั้งที่ควรเอาคืนให้สาแก่ใจ แต่พอเผลอมองหน้าซื่อๆ ตาใสๆ กลับกลายเป็นเขาที่ไปไม่เป็น จะตัดสินใจให้เด็ดขาดก็ทำให้ไม่ลง
มิเกลถูกลากออกมาจากตรงนั้น โดยที่เขาไม่ยอมเอ่ยออกมาว่าอยากให้เธอทำอะไร ครั้งนี้เขาไม่ได้พาเธอไปที่โซนวีไอพีเพื่อนั่งดื่มกันเหมือนตอนแรก แต่เขาพาเธอขึ้นไปยังชั้นสามของคลับ ซึ่งบนนั้นไม่มีคนเพ่นพ่าน เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่มีแค่คนของเขาคอยอำนวยความสะดวกให้เพียงอย่างเดียว
ทันทีที่เขาลากเธอเข้าไปในห้อง ประตูบานนั้นก็ปิดลงทันที แล้วเธอมีความรู้สึกว่าหากคนที่อยู่ภายในห้องนี้ไม่ออกคำสั่งให้เปิด จะไม่มีใครเปิดประตูบานนี้ได้อย่างแน่นอน
มิเกลมองตามหลังคนตัวโตที่เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบกระป๋องแอลกอฮอล์ออกมาเปิดแล้วกระดกทันทีราวกลับว่ากำลังกระหายน้ำ เธอจำต้องรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปหาเขา
“เกลขอโทษแทนพี่ชายด้วยนะคะพี่โรม” เป็นอีกครั้งที่เขาหันกลับมามองหน้าเธอ จนเธอต้องยกมือไหว้เขา เพราะยิ่งเธอไม่รู้และไม่เข้าใจว่าคนทั้งสองมีเรื่องบาดหมางอะไรต่อกันมันยิ่งทำให้เธอที่อยู่ตรงนี้ลำบาก เพราะถ้าเป็นไปได้แล้วมันคงดีกว่าถ้าคนตรงหน้าใจดีกับเธอบ้าง
“ทำไมเธอถึงเลือกที่จะช่วยพี่ชายเธอ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าวิธีช่วยมันจะทำให้เธอเปลืองตัว” คนถาม เปิดตู้เย็นหยิบแอลกอฮอล์ออกมาอีกกระป๋อง และเขาก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิมนั่นคือการเปิดฝากระป๋องและกระดกดื่มจนรวดเดียวจนหมดเกลี้ยง จากนั้นก็โยนกระป๋องเปล่าลงไปในถังขยะที่อยู่ถัดออกไปก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากัน
“ขอความจริง ถ้าคำขอโทษของเธอมันจริงใจมากพอ” มิเกลกลืนน้ำลายเหนียวลงคอหนักๆ มองสบตาเขาที่จ้องเธอไม่วางตา
“ส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะเกลอยากช่วยพี่กานต์เพราะพี่กานต์ดีกับเกลมากๆ”
“แค่นั้นน่ะเหรอ? พี่บอกเธอแล้วว่าถ้าคำขอโทษของเธอมันจริงใจมากพอเธอต้องพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจของเธอออกมา” คนฟังเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อย ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอเองก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบัง หากเขาต้องการรู้ เธอก็พร้อมจะบอกเขาอยู่แล้ว
“เกลจำพี่โรมได้”
“จำได้?”
“ช่วงเวลาหนึ่งเกลเคยรับงานพาร์ทไทม์เป็นแม่บ้านทำความสะอาดโรงแรมค่ะ เกลทำงานถึงสามทุ่ม ตอนนั้นกำลังจะกลับบ้านแล้วพี่มาขอความช่วยเหลือ”
“ยังไงต่อ…”
“เกลคิดว่าพี่จะเป็นลม เลยรีบช่วยประคองไปที่ห้อง ตอนนั้นเกลไม่รู้ว่าพี่โดนวางยา”
“เราก็เลยมีอะไรกัน เธอเลยยอมเพราะรับปากว่าจะช่วยไปแล้ว?”
“พะ พี่จำได้เหรอคะ” มิเกลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ต่อให้เธอจะมองตาเขานานแค่ไหนเธอก็สามารถอ่านความรู้สึกและเดาสิ่งที่เขาคิดได้เลย
“แล้วเธอล่ะ จำพี่ได้อยู่แล้ว หรือเพิ่งมาจำได้ภายหลัง ขอความจริง”
“เกลจำพี่ได้อยู่แล้วค่ะ วันนั้นพี่เมามาก แต่เกลไม่ได้เมา”
“ไม่ได้เมา แต่ทิ้งเช็คไว้ที่เดิม ไม่ยอมเอาติดตัวกลับไปด้วยนี่นะ?”
“ถ้าเกลรับเงินในวันนั้น เกลก็ไม่ต่างจากผู้หญิงขายตัว และเกลคิดว่าพี่จำเกลไม่ได้หรอก เลยเลือกที่จะไม่เอาเงินพี่ ให้มันจบแค่ที่นั่น”
“แต่สุดท้ายวันนี้เราก็กลับมาเจอกันอีกจนได้นะ… มิเกล”