เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น.........
ฉันนั่งแท๊กซี่มาที่คอนโดของแตงกวาเพื่อมาแต่งตัวก่อนออกไปเที่ยวโดยที่ไม่ได้บอกพี่ธาม ขี้เกียจจะคุยกับคนขี้หงุดหงิดอย่างเขา ฉันไม่ได้เอาอะไรมาเลยออกมาทั้งที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา
“ทำไมยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่อีกวะ?” แตงกวาถามพลางขมวดคิ้วมองหน้าฉันทันทีที่มันเปิดประตูห้องให้ฉัน
“ช่างเหอะน่า เอาชุดมาให้ยืมด้วย” ฉันตอบปัดไป ขี้เกียจจะอธิบายให้มันฟัง
“เออๆ แต่ชุดฉันมีแต่แซ่บๆ นะ… ไหวป่าว” แตงกวาว่าพลางยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมกับเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตัวเอง
“ *0*!!” ทันทีที่แตงกวาหยิบชุดออกมาให้ฉันดูทำเอาฉันอ้าปากค้างเลย แต่ละชุดที่มันมีไม่น่าจะเรียกว่าชุดได้เลยน่าจะเรียกว่าเศษผ้าดีกว่า ...โอ้ยยยย ฉันจะเป็นลม... แต่สุดท้ายฉันก็เลือกชุดที่ดูแล้วน่าจะโป๊น้อยสุดมาใส่
ชุดเดรสสั้นสีดำที่ช่วงอกเป็นเหมือนโบว์ขนาดใหญ่ปิดด้านหน้า ด้านหลังเว้าลึกจนเกือบถึงเอวแต่ด้วยหน้าอกหน้าใจที่มีอยู่ไม่น้อยของอายตาทำให้โบว์ใหญ่นั้นแทบจะปิดอะไรไม่มิด หน้าตาถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา จากนั้นสองสาวก็ขับรถออกไปยังร้านที่นัดกันไว้โดยมีน้ำหวานรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว
ร้าน T Bar.......
ตอนนี้ภายในร้านหนุ่มๆ ต่างพากันมองไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่มุมร้านที่มีสามสาวเพื่อนซี้กำลังเต้นโยกย้ายเบาๆ ไปตามเสียงเพลงพร้อมกับจิบเครื่องดื่มสีสวยไปพราง แต่ละคนหน้าตาน่ารักทั้งสามคนพูดคุยกันไปหัวเราะกันไปมาอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลย
“ว่าแต่อายตา... เมิงบอกพี่ธามรึยังที่ออกมากับพวกกรูเนี้ย ไม่ใช่ว่าเขาตามมาลากเมิงกลับบ้านเหมือนคราวก่อนอีกนะ กรูยังไม่อยากโดนพี่เขากินหัวนะโว้ย... กรูเจอพี่เขาแค่แป๊ปเดียวยังกลัวเขาเลยอ่ะ... เขาหล่อมากนะแต่เขาก็ดุมากด้วยอ่ะ” แตงกวาตะโกนถามฉันแข่งกับเสียงเพลง
“ป่าวไม่ได้บอกทะเลาะกันอยู่ขี้เกียจคุย” ฉันว่าพลางยกแก้วขึ้นจิบด้วยท่าทางสบายๆ
“ตายห่า!! กรูกลับก่อนทันไหม!?” น้ำหวานแทบสำลักค็อกเทลสีสวยพร้อมกับทำตาโต
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่าเขาไม่ทำอะไรพวกแกหรอก เผลอๆ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำมั้งว่าฉันไม่ได้อยู่ในห้องอ่ะ” เพราะตั้งแต่ที่กลับถึงห้องเขาก็ไม่ออกมาจากห้องนอนเลยฉันเองก็ไม่ได้ขึ้นไปชั้นบนเลยเหมือนกัน ป่านนี้ไม่รู้เขานอนแล้วหรือยัง
“มาสนุกกันเหอะน่า... อย่าคิดมาก” ยิ้มหวานให้เพื่อนๆ ที่ตอนนี้พวกเธอดูมีสีหน้าเป็นกังวล
นั่งคุยกันไปสักพักน้ำหวานก็ขอไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ที่โต๊ะก็เหลือแค่ฉันกับยัยแตงกวา พวกเรานั่งคุยกันสนุกจนกระทั่งมีใครบางเดินเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างฉัน
“พี่คิน!!!” ฉันตกใจตะโกนเรียกชื่อเขา
“ตกใจเหรอ ยังไงเรา... พรุ่งนี้ไม่มีเรียนหรือไงถึงได้มาเที่ยวกันเนี้ย” พี่ภาคินส่งยิ้มหวานมาให้ตามสไตล์ผู้ชายลุคอบอุ่น
“หวัดดีค่ะพี่ภาคิน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” แตงกวายิ้มกว้าง
“พอดีช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่างน่ะครับ แล้วมากันแค่สองคนเหรอเนี้ย”
“ป่าวค่ะ น้ำหวานก็มาด้วยมันไปเข้าห้องน้ำค่ะ” แตงกวาตอบพี่คินไป
“แล้วพี่คินหละคะมาคนเดียวเหรอคะ?” ฉันเป็นฝ่ายถามพี่คินเพราะเห็นเขาเดินมาคนเดียว
“ป่าวครับ พี่มากับเพื่อนนั่งอยู่ตรงโน่นแน่ะ พอดีพี่เห็นพวกเราก็เลยเดินมาหา”
“อ้อ ค่ะ ^_^”
จากนั้นพวกเราก็นั่งคุยกันอย่างออกรสจนลืมเวลาไปเลย หลังจากพี่ภาคินย้ายมานั่งกับพวกเราก็ทำให้ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเดินมาหาทักเลย สำหรับฉันฉันโอเคนะเป็นส่วนตัวดี ส่วนยัยแตงกวาไม่ต้องถามเลยเพราะรายนั้นยิ่งกว่าโอเคซะอีก ก็มันเล่นนั่งยิ้มหวานให้พี่คินอย่างเดียวเลย ส่วนยัยน้ำหวานหลังจากที่กลับมาจากห้องน้ำมันก็ไม่ค่อยพูดค่อยจาดูเหมือนมีอะไรอยากคุยกับฉัน
“หวาน... ไปเป็นเพื่อนเข้าห้องน้ำหน่อยสิ” ฉันว่าพลางดึงแขนน้ำหวานให้เดินไปทางห้องน้ำด้วยกันเพราะดูท่ามันน่าจะมีเรื่องอยากคุยกับฉันและฉันเองก็อยากรู้ว่าเพื่อนต้องการจะบอกอะไรกันแน่
“แกมีไรจะคุยกับฉันป่าว? เห็นทำตาหลุกหลิกๆ อยู่นานละ” พอมาถึงหน้าห้องน้ำฉันก็ยิ่งคำถามใส่มันทันที มันก็มีท่าทีตะกุกตะกักอ่ำอึ้ง
“คือ... ตอนที่ออกจากห้องน้ำอ่ะ เหมือนเห็นพวกเพื่อนพี่ธามเลยวะ แต่ไม่แน่ใจว่ามีพี่ธามหรือป่าว”
“จริงดิ!!” ฉันอุทานออกมาเสียงดัง ตายๆๆ ถ้าพี่ธามมาที่นี่จริงก็แสดงว่าเขารู้แล้วสิว่าฉันไม่อยู่ในห้องอ่ะ
“เมิงรีบกลับก่อนเลยก่อนที่เขาจะมาลากเมิงออกไปเนี้ย”
หมับ!!!.... สิ้นเสียงของน้ำหวานแค่นั้นแหละมือหนาของใครบางคนก็คว้าหมับเข้าให้ที่ต้นแขนขาวของฉัน ฉันหันขวับไปมองคนที่มาใหม่ทันที
“พี่ธาม 0*0 !!!” อุทานออกมาเสียงแผ่วพร้อมกับหันไปมองเจ้าของมือแกร่งที่รั้งแขนของฉันไว้ ตอนแรกฉันว่าจะไม่สนใจเขาแล้วเชียวถ้าเขาอยากจะดุก็ปล่อยให้เขาดุไป แต่ตอนนี้ฉันแทบจะกลืนน้ำลาไม่ลงคอรู้สึกว่ามันเหนียวติดคอขึ้นมา สีหน้าของเขาที่ปกติก็นิ่งเฉยชาอยู่แล้วตอนนี้มันกลับทวีคูณความเย็นชาเพิ่มเข้าไปอีก
“.............” ธามธาวินจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์เสียทั้งวันนิ่งๆ และตอนนี้เธอเองก็จ้องเขาด้วยสายตาที่สั่งระริกด้วยรู้ตัวดีว่าคนตัวโตตรงหน้ากำลังโมโหเธออยู่
“หลบ!!” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาราบเรียบ ก่อนที่ธามธาวินจะดึงคนตัวเล็กออกให้พ้นทางแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอเลย
“หะ....?.” หญิงสาวอุทานเสียงเบาหวิวพร้อมกับมองตามแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินผ่านหน้าเธอไป เขาทำเหมือนกับว่าไม่รู้จักเธอ
“พี่ธามเป็นไรวะ เดินผ่านไปเฉย” น้ำหวานก็ทำหน้างง
“ไม่รู้.......” อายตาเองก็งงหนักกว่าเพื่อนอีก
จากนั้นฉันกับน้ำหวานก็เดินกลับมาที่โต๊ะที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเครื่องดื่มหลากหลายขวดที่พี่ภาคินเป็นคนสั่งมา เขาบอกว่าวันนี้เขาจะเลี้ยงเองเนื่องจากอยากเลี้ยง ...อย่างงี้ก็มีด้วย... พี่คินก็คือพี่คิน น่ารักเสมอ
“เป็นไรวะอายสีหน้าไม่ค่อยดีเลย?” แตงกวากระซิบถามฉันเบาๆ
“ป่าว... ไม่มีไร” ฉันก็ตอบกลับมันไป พลางปรายตามองไปทางโต๊ะของพวกพี่ธามที่อยู่อีกฝั่งนึงของร้าน
ธามธาวินนั่งไขว่ห้างในชุดเสื้อยืดสีขาวกับแจ็คเก็ตสีดำและกางเกงยีนส์สีดำในมือมีแก้วเหล้าสีอำพันที่พร่องไปกว่าครึ่งแล้ว สายตาจับจ้องไปที่หญิงสาวในชุดเดรสสีดำผูกโบว์ที่ดูเหมือนโบว์ใหญ่นั่นจะปิดอะไรไม่ค่อยมิด บวกกับแผ่นหลังขาวเนียนที่แม้จะถูกผมยาวสลวยปกคลุมลงมาถึงกลางหลังก็ยังรู้ว่ามันขาวเนียนแค่ไหน ชายหนุ่มพยายามข่มอารมณ์โกรธที่มันกำลังคุกรุ่นอยู่ในอกไม่ให้ลากหญิงสาวกลับบ้าน เขาเลือกที่จะนั่งเฉยๆ ดูเธอพูดคุยกับเพื่อนและผู้ชายอีกคนที่เขาเองก็รู้จักดีว่าเป็นใคร