“มึงจะนั่งดูไอ้เหี้ยนั่นจีบเมียมึงอยู่อย่างนี้เนี้ยนะ?” อิฐ เอ่ยถามเพื่อนด้วยความสงสัยเพราะว่าก่อนหน้านี้ดูเหมือนธามธาวินจะโกรธมากตอนที่มาถึงร้าน แต่พอมาตอนนี้กลับนั่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำเอาแต่จ้องมองอายตาไม่วางตาพร้อมกับสายตาที่อ่านไม่ออกว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่
“ใจเย็นนะเว้ย กูว่าน้องอายตาก็ไม่ได้อะไรกับไอ้นั่นหรอก” อาร์มพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตัวเองนิ่งเงียบ
“เกิดมากูไม่เคยเห็นมึงหึงใครเลย เหี้ย..ครั้งแรก” อิฐพูดขึ้นมาอีกครั้งโดยที่สายตายังคงมองหน้าเพื่อนรักอยู่
“เดี๋ยวมึงก็ได้แดกตีนมันหรอก” คิมหันต์ ที่นั่งมองอยู่นานพูดเตือนอิฐและตอนนี้ก็ดูเหมือนอิฐเองก็เริ่มเห็นด้วยกับคิมหันต์แล้ว เพราะสายตาของธามธาวินนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายในใจได้เป็นอย่างดี
“ไม่ได้หึง แค่เมียในนามจะหึงไปทำไมวะ ก็แค่อยากจะรู้ว่ายัยนั่นจะแรดได้มากแค่ไหนถึงได้หนีออกมาเที่ยวกับไอ้เหี้ยนั่นแบบนี้” ธามธาวินพูดหน้านิ่งพร้อมกับกระดกเหล้าที่เหลือรวดเดียวหมดแก้ว
“มึงแน่ใจนะว่าไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขา... งั้นถ้ากูจีบน้องเขามึงก็ไม่ว่าอะไรใช่ป่ะ” อิฐแกล้งพูดแหย่ธามธาวินที่ปากกับการกระทำมันสวนทางกันสุดๆ
“มึงอยากกินตีนกูจริงๆ ใช่ไหม!!!” เสียงเข้มถูกเค้นรอดไรฟันออกมาพร้อมกับสายตาอำมหิตจ้องมองหน้าเพื่อนรักเขม็ง
“เหี้ย!! กูล้อเล่น โหดสัส” อิฐพูดกลั่วหัวเราะเพราะรู้ดีว่าอาการของเพื่อนรักของเขาตอนนี้ที่เป็นอยู่มันคืออะไร นี่ถ้าหน้าผากมันเป็นป้ายไฟนะป่านนี้คงขึ้นคำว่า หึง!!! คำโตแล้ว ดูเหมือนเพื่อนรักของเขาจะคิดเกินเลยกับเมียในนามของตัวเองเข้าให้แล้ว
ทางด้านอายตา....
“แล้วนี่จะกลับกันยังไงเนี้ยให้พี่ไปส่งไหม? ดื่มแล้วขับมันอันตราย” พี่ภาคินถามขึ้นมาเพราะดูเวลาก็ค่อนข้างดึกแล้วและดูเหมือนยัยแตงกวาจะเมาแซงหน้าเพื่อนไปแล้วด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่คิน เดี๋ยวอายกลับกับน้ำหวานพอดีอายมากับแตงกวาน่ะค่ะ แต่ดูสภาพมันสิไม่น่าจะขับรถไหว” ฉันหันไปมองเพื่อนรักที่นั่งยิ้มหวานเพราะดื่มไปค่อนข้างเยอะ
“ขับไหวแน่นะ ให้พี่ไปส่งดีกว่าไหม” ภาคินยังไม่ค่อยวางใจเพราะสาวๆ ก็ดื่มกันไปค่อนข้างมากกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“ไม่เป็นไรค่ะน้ำหวานดื่มไปนิดเดียวเองค่ะ... ขับไหวค่ะ” น้ำหวานยิ้มตอบพี่คินไป
“โอเคครับ ถ้าเรายืนยันแบบนั้น ”
จากนั้นพวกเราก็พากันเดินออกจากร้านโดยฉันกับพี่ภาคินช่วยกันประคองยัยแตงกวาที่เดินตุบปัดตุบเป๋ไปที่รถของน้ำหวาน
“แน่ใจนะว่าไม่ให้พี่ไปส่งน่ะ” พอมาถึงรถพี่คินก็ถามย้ำอีกครั้ง สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล
“แน่ใจค่ะ” ฉันเองก็ส่งยิ้มให้พี่คินน้อยๆ เพื่อเป็นการยืนยัน
“งั้นถ้าถึงบ้านแล้วส่งข้อความหาพี่ด้วยนะครับ....พี่เป็นห่วง” น้ำเสียงอบอุ่นของพี่ภาคินมันแฝงอะไรบางอย่างกับคำว่า ...เป็นห่วง... ของเขา แต่ฉันเองก็ได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ไปให้เขา จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ฉันก็แอบปลื้มพี่เขาอยู่เหมือนกันแต่พอแต่งงานแล้วก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปเพราะรู้ดีว่ามันไม่ควร ถึงฉันกับพี่ธามจะแต่งงานกันแค่ในนามแต่ก็ถือว่าแต่งแล้ว แล้วอีกอย่างตอนนี้ฉันก็รู้สึกกับเขาแค่พี่น้องจริงๆ ....แค่พี่ชายที่แสนดี....
“ไม่ต้องมาเสือกห่วงเมียชาวบ้านเขา!!!” ในขณะที่ฉันกำลังพูดคุยอยู่กับพี่ภาคินจู่ๆ เสียงเข้มของใครบางคนดังแทรกบทสนทนาของฉันกับพี่ภาคินขึ้นมา
“พี่ธาม....” หลุดเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว เพราะรู้ตัวดีว่าจะต้องโดนเขาด่าเป็นแน่ แต่ว่าจะตรงนี้หรือที่บ้านแค่นั้นเอง
“หมายความว่าไง... เมียชาวบ้าน??” พี่ภาคินมองหน้าฉันสบับกับพี่ธามไปมาพลางคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ก็ผู้หญิงที่เมิงจีบอยู่นี่ไง เมีย กู!” พี่ธามก้าวเข้ามายืนตรงหน้าของพี่ภาคินแล้วกระแทกเสียงใส่อย่างช้าๆ แนะเน้นย้ำสถานะของเราสองคนใส่หน้าคนตรงหน้าอย่างเหยียบเย็น
“จริงเหรอครับน้องอาย?” พี่ภาคินหันมาถามฉันที่ยืนหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมอยู่รอมร่อ ...โอ้ยยยย นี่ยังมีใครอีกไหมที่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นสามีของฉัน เที่ยวประกาศให้คนอื่นรู้ไปทั่ว ไอ้พี่ธามบ้าเอ้ย...
“เดี๋ยวอายเล่าให้ฟังทีหลังนะคะพี่คิน”
“น้ำหวานขับรถกลับบ้านดีๆ หละ ถึงแล้วไลน์หาฉันด้วย” พอพูดกับพี่คินเสร็จฉันก็หันไปพูดกับน้ำหวาน จากนั้นก็ลากพี่ธามออกมาจากตรงนั้น เขาก็ยอมเดินตามออกมาแต่โดยดี
ฉันลากแขนเขาเดินห่างออกมาพอสมควรก่อนจะหยุดยืนประจันหน้ากับเขาที่ตอนนี้เอาแต่จ้องหน้าฉันนิ่ง
“พี่เป็นบ้าอะไรถึงได้เที่ยวป่าวประกาศว่าอายเป็นเมียพี่เนี้ย! กลัวคนอื่นเขาไม่รู้หรือไงคะ!?” จ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่องเพราะฉันไม่เข้าใจเขาจริงๆ ว่าทำไปทำไม ฉันเองไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขากำลังหึงหวงอยู่เพราะเขาไม่เคยพูดหรือแสดงท่าทีว่าชอบฉันเลย แล้วอีกอย่างฉันกับเขาก็เพิ่งจะกลับมาเจอกันได้ไม่นาน
“ทำไม!? กลัวว่าถ้าไอ้เหี้ยนั่นมันรู้แล้วมันจะไม่คุยกับเธออีกงั้นเหรอ... เธอไม่ต้องกลัวหรอกเพราะไอ้เหี้ยนั่นน่ะมันชอบยุ่งกับของของชาวบ้านอยู่แล้ว กลับ!!!” พี่ธามตะคอกใส่ฉันแล้วก็ลากฉันขึ้นรถตรงกลับบ้านทันที......
ด้านเพื่อนของธามธาวินที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่เพียงยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบๆ
“มึงว่าไอ้ธามมันจะเอายังไงกับน้องอายตาว่ะ” อิฐหันไปพูดกับอาร์มและคิมหันต์ หลังจากที่ยืนกอดอกดูเพื่อนรักถูกสาวน้อยลากแขนเดินไปคุยกันสองคนอยู่ห่างๆ
“มันคงไม่ทำอะไรหรอก มันไม่ใช่พวกชอบใช้ความรุนแรง ถึงมันจะปากหมาไปหน่อยก็เหอะ” คินหันต์พูดขึ้นมาเพราะรู้ดีว่าเพื่อนตัวเองไม่ใช่พวกชอบทำร้ายผู้หญิง แต่ที่ธามธาวินทำแบบนี้คงมีเหตุผลบางอย่าง และเหตุผลนั้นพวกเขาก็รู้ดีว่ามันคืออะไร
“มันยังไม่ลืมเรื่องของอิงฟ้าอีกเหรอว่ะ” อาร์มหันไปถามความเห็นจากเพื่อนอีกสองคน
“...........” ไม่มีคำตอบใดสำหรับคำถามนี้ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคำตอบมันคืออะไร
เพนท์เฮ้าส์หรูกลางกรุง..........
“พี่ธามปล่อยนะ!! มันเจ็บ!! เลิกลากแขนอายซักทีเถอะ!! อายไม่ใช่วัวใช่ความนะเอะอะก็ลากเอาลากเอาเนี้ย!!” ฉันร้องประท้วงคนที่กำลังฉุดกระชากลากถูฉันเข้ามาในห้องกว้าง
“ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมฉันบอกอะไรไปเธอถึงไม่เคยฟังเลย ห๊ะ!!!” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงตะหวาดของเขาที่มันค่อนข้างดังและแข็งกร้าว ดวงตาดุนั่นเริ่มแดงก่ำเพราะความโกรธ
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าจะออกไปไหนให้บอกก่อน แต่นี่อะไรหนีออกไปเที่ยวกับไอ้เหี้ยนั่นแล้วยังแต่งตัวอ่อยมันขนาดนี้ แล้วเมื่อตอนเย็นอย่าคิดนะว่าฉันไม่เห็นว่าเธอระริกระรี้กับมันแค่ไหนที่ใต้ตึกคณะน่ะ ทำไม!!?? อยากได้มันเป็นผัวนักรึไง!!!” เสียงทุ้มตวาดดังลั่นพร้อมกับฝ่ามือหนาที่บีบต้นแขนเล็กแน่นจนเกิดรอยแดง
เพี๊ยะ!!!!! เสียงฝ่ามือเล็กกระทบกับใบหน้าหล่อเหลาคมคายของตรงหน้าจนหันไปตามแรงเหวี่ยง มุมปากหนาของเขามีเลือดซึมออกมา
“หยุดพูดจาดูถูกฉันซะที!!! ฉันไม่ได้ร่านแรดอย่างที่พี่ว่าซะหน่อย!!! ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่าพี่มันปากหมา!!! นิสัยแย่!!! ฉันรู้ว่าพี่เปลี่ยนไปจากตอนเด็กมากแต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพี่จะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ พี่ธามคนที่ฉันรู้จักตอนเด็กหายไปไหนแล้วคะ ฮึกๆๆ” ตะโกนเสียงดังตัดพ้อร่างสูงที่เอาแต่ต่อว่าฉันเหมือนกับว่าฉันเป็นผู้หญิงไม่ดีก็ไม่ปานพลางน้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้
“...........” พอเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้เขาไม่พูดอะไรได้แต่ยืนมองเธอที่ร้องไห้จนไหล่สั่น พอเห็นว่าอายตาร้องไห้เพราะความร้ายกาจของตัวเองเขาก็ดึงเธอเข้าไปกอดโดยที่ยังคงไม่พูดอะไรออกมา อายตาได้แต่ยืนนิ่งให้คนตรงหน้ากอดอยู่อย่างนั้นนานหลายนาทีก่อนที่จะค่อยๆ ดันแผ่นอกกว้างนั้นออกห่างพลางให้นิ้วเรียวปาดน้ำตาออกจากแก้มใสของตัวเองและหมุนตัวทำท่าจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสอง แต่ฝ่ามือหนาก็คว้าแขนของเธอไว้ก่อน
“ขอโทษที่พูดแรงไป” เสียงทุ้มที่ไม่ได้แฝงอารมณ์โกรธเอ่ยออกมาก่อนจะจับคนตัวเล็กให้หันหน้ามาหาเขา ถึงเขาจะปากร้ายใจหมาไปบ้างแต่เขาก็พูดคำว่าขอโทษเป็น เพราะเขาก็รู้ดีว่าที่คนตัวเล็กตรงหน้าร้องไห้หนักขนาดนี้มันเป็นเพราะเขา
“ช่างเถอะค่ะ อายจะไปอาบน้ำแล้ว... ง่วง!!” เอ่ยออกไปแบบปัดๆ แต่ยังคงไม่มองหน้าคู่สนทนา จากนั้นก็เดินหนีขึ้นห้องนอนไป....