Chapter 8 : มื้อค่ำกระชับมิตร-2

1467 Words
“รู้ค่ะ... แต่ไม่ต้องห่วงหรอกฉันจัดการได้” พูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจจนพี่ธามขำกับท่าทางของฉัน “ว่าแต่พี่.... ไม่ได้คิดอะไรกับพี่ลูกหว้าเหรอคะถึงได้พูดแรงใส่เธอแบบนั้น” ฉันลองพูดเรียบๆ เครียงๆ เนียนๆ ถามเขาดู ถึงแม้พอจะรู้คำตอบมาบ้างแล้วแต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากเขา “แล้วคิดว่าไง?” เขาไม่ตอบแถมถามฉันกลับอีก “ก็....” “ไม่ได้คิด” สายตาคมกริบจ้องมองมาในตาของฉัน แต่แค่นั้นมันก็ทำให้ใจดวงน้อยของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว คำตอบที่ได้ยินมันทำให้รู้สึกโล่งแปลกๆ “ค่ะ.... เออ... อายไปทำการบ้านต่อก่อนนะคะ” ว่าแล้วฉันก็ชิ่งหนี้ขึ้นไปชั้นสองทันทีขืนยังนั่งอยู่ฉันได้ละลายติดเก้าอี้แน่นอน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าช่วงนี้พี่ธามชอบมองด้วยสายตาอ่อยตลอดเลย เขินนะเว้ย!! ฉันนั่งทำการบ้านไปสักพักก็เห็นไลน์ของยัยแตงกวากับน้ำหวานเด้งมาในกรุ๊ป แตงกวา :: เป็นไงบ้างเมิงทะเลาะกับพี่ธามหรือป่าว? อายตา :: ป่าว... ไม่ได้ทะเลาะ แตงกวา :: เฮ้อออ... โล่งไป คิดว่าทะเลาะกันบ้านแตกไปแล้ว น้ำหวาน :: แล้วเรื่องพี่ลูกหว้าเอาไงอ่ะ ต้องเจอพี่เขาที่คณะแน่นอน อายตา :: อืม... ก็คงงั้นแหละแต่ว่าไม่เป็นไร อายตาซะอย่างจัดการได้อยู่แล้ว แตงกวา :: คือแบบ... ผัวข้าใครอย่าเตะถูกม๊ะ ฮ่าๆๆ อายตา :: ผัวอะไรเล่า!! ไม่ได้เป็นอะไรกันโว้ยแค่ทางนิตินัยเท่านั้นแหละ!! แตงกวา :: ฮ่าๆๆๆ น้ำหวาน :: กลัวว่ะ... พี่เขาดูน่ากลัวนะไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แล้วดูเขาชอบพี่ธามมากด้วย อายตา :: ไม่เป็นไรหรอกบอกแล้วไงว่าอายตาเอาอยู่ น้ำหวาน :: เออๆ เจอกันพรุ่งนี้นะ กู๊ดไนท์ แตงกวา / อายตา :: ไนท์จร้า ฉันวางโทรศัพท์ลงไว้ข้างตัวก่อนจะจับปากกาขึ้นมาเขียนทำการบ้านต่อ “ไหนว่าทำการบ้านเห็นเล่นแต่โทรศัพท์” เสียงพี่ธามดังขึ้นมาจากด้านหลัง เขายืนกอดอกพิงประตูห้องมองฉันอยู่ ฉันเองก็หันไปมองนาฬิกาที่เพิ่งจะบอกเวลาสองทุ่มกว่าเอง ปกติเขานอนดึกจะตายทำไมวันนี้รีบขึ้นมาบนห้องจัง “ไม่ได้เล่นค่ะคุยกับเพื่อน แล้วทำไมพี่ขึ้นมาเร็วจังคะ? ง่วงแล้วเหรอ? ถ้าพี่จะนอนเดี๋ยวอายเอางานลงไปทำข้างล่างก็ได้นะ” ว่าพลางเตรียมจะเก็บของ “ป่าวแค่จะอาบน้ำ ทำงานไปเถอะเสร็จแล้วจะได้นอน” พูดจบก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ฉันทำได้แค่มองตามหลังเขาไปแล้วหันกลับมาสนใจกับกองหนังสือตรงหน้า โอ๊ยยย!! ทำไมการบ้านมันเยอะแบบนี้เนี้ย เหนื่อยยยย... ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างหมดแรงก่อนจะดันหัวตัวเองขึ้นมาอีกครั้งแล้วตั้งใจทำงานต่อ... เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วฉันก็ยังคงนั่งทำการบ้านอยู่ จริงๆ วิชาที่ต้องส่งอาจารย์พรุ่งนี้เสร็จแล้วหละเหลือแต่งานที่ต้องส่งอาทิตย์หน้าแต่ฉันขี้เกียจมาปั่นเอาวินาทีสุดท้ายไงก็เลยกะว่าจะทำให้มันเสร็จๆ ไป แต่เปลือกตาเจ้ากรรมก็เกือบจะปิดซะให้ได้ ง่วงงงงง.... “ง่วงก็มานอนจะฝืนทำไม” พี่ธามที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับเล่นเกมส์ออนไลน์กับเพื่อนไปด้วยหันมามองฉัน “อยากทำให้มันเสร็จๆ ไปนี่คะ วันหยุดจะได้ไปเที่ยวกับพวกแตงกวาน้ำหวานได้แบบไม่ต้องกังวลอะไร” ยิ้นหวานส่งให้เขาไปแต่กลับได้สายตาดุกลับมาแทน ...ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ??... “ไม่อนุญาติ!” “อะไรคะ??” งงนะเนี้ย อยู่ๆ ก็โกรธขึ้นมาอีกแล้ว “จะเที่ยวบ่อยไปแล้วนะ ฉันจะโทรบอกแม่เธอ” เขาละสายตาจากหน้าจอแลปท็อปที่วางอยู่บนหน้าขาของตัวเอง “อย่านะพี่ธาม! อายไม่อยากฟังแม่บ่น... แค่ทุกวันนี้ฟังพี่บ่นคนเดียวหูก็จะชาหมดแล้ว” ฉันย่นจมูกใส่เขา ทุกวันนี้มีเขาก็เหมือนมีแม่เลยอ่ะ บ่นเก่ง!! “หึ!! มานอนได้แล้ว” จากนั้นเขาก็พับเก็บแลปท็อปแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างเตียง ฉันเองก็ง่วงแล้วด้วยเลยยอมวางปากกาลง ...เอาไว้ทำพรุ่งนี้ต่อแล้วกัน... จากนั้นก็เดินไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงฝั่งของตัวเอง แต่ก่อนจะล้มตัวลงนอนฉันก็มองซ้ายขวาเพื่อหาหมอนข้างที่ฉันนอนกอดอยู่ทุกวันแต่วันนี้มันไม่อยู่แล้ว “หมอนข้างหายไปไหนคะ?” “เอาไปทิ้งแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างไม่เดือดร้อนอะไร ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน “อะไรนะ? แล้วอย่างนี้อายจะนอนหลับได้ยังไงหละคะ ต้องกอดหมอนข้างถึงจะหลับ” ฉันเริ่มจะงอแงขึ้นมา... เพราะง่วงด้วยแหละ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะเอามันไปทิ้งทำไม หมับ!! สิ้นความคิดของฉันพี่ธามก็กระชากฉันเข้าไปในอ้อมกอดแกร่งของเขา หน้าของเราใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนของกันและกัน ดวงตาคมคู่นั้นตอนนี้มันอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย พอมองใกล้ๆ แบบนี้แล้วก็ยิ่งรับรู้ได้ว่าใบหน้าของเขานั้นหล่อเหล่าแค่ไหน คิ้ว ตา จมูก ปาก นี่พระเจ้าตั้งใจมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาเพียงคนเดียวเลยรึไงนะ... ฉันรีบขืนตัวเองออกห่างจากเขานิดหน่อย... กลัวจะเผลอใจ “แบบนี้ก็หลับได้แล้วสิ” คนเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก ส่วนฉันเหรอคะ เขินสิคะรออะไร เขินจนแทบจะมุดเตียงแล้วทะลุลงดินไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย “อยากได้หมอนข้างค่ะ ไม่ได้อยากเป็นหมอนข้าง” ฉันแหววใส่เขาไปทีนึง “หึ! มันก็เหมือนกันนั่นแหละ นอนได้แล้ว” เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับปิดเปลือกตาลงปล่อยให้ฉันนอนมองหน้าเขาด้วยหัวใจที่เต้นระรัวจนกลัวว่าเขาจะได้เสียงของมัน แต่จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับคำถามสุดกวนแต่ชวนให้เขินจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี “ทำกันไหม” ฉันรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “ไอ้พี่ธาม!!” ฉันยกมือขึ้นไปทุบอกของเขาเบาๆ รับรู้ได้ถึงความร้อนที่แล่นผ่านไปบนแก้มของตัวเองเลย ไอ้พี่บ้านี่!! “ปากปฏิเสธแล้วจะเขินทำไม” โอ้ยยย... อีพี่ธาม เรื่องยั่วโมโหกวนประสาทนี่เก่งนักนะ เกลียดนักรอยยิ้มของเขาเนี้ย “ใครเขินคะ...ไม่ได้เขินสักหน่อย” ฉันเริ่มดิ้นไปมาในอ้อมกอดของเขา “หึ! นอนนิ่งๆ ถ้าไม่อยากโดนเหมือนคืนนั้น แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่ภายนอกแน่....แต่ฉันจะใส่เข้าไปจริงๆ” น้ำเสียงเขาเหมือนขู่แต่มันก็อ่อนโยนอยู่ในที แล้วยังจะรอยยิ้มนั้นอีก โอ้ยยยย.... จะนอนหลับไหมเนี้ยอายตา ฉันทำได้แค่นอนนิ่งๆ ให้เขากอด ไม่กล้าขยับเพราะกลัวว่าเขาจะทำมันจริงๆ คนอย่างเขาทำจริงอย่างที่พูดแน่นอน “ไม่ได้นอนด้วยกันหลายวัน......คิดถึงฉันไหม” ก่อนที่ฉันจะหลับตาลงจู่ๆ เขาก็ถามคำถามบางอย่างกับฉัน เสียงทุ้มนุ่มนั่นมันทำให้ใจดวงน้อยของฉันหวั่นไหวเอามากๆ “แล้วพี่ไปนอนที่ไหนมาคะ” เอ่ยถามคำถามที่ยังค้างคาใจออกไป หลายวันมานี่เขาไม่ได้กลับมาที่ห้องเลย แต่ก็พอรู้จากพี่อิฐมาบ้างว่าเขากำลังยุ่งกับโปรเจ็คงานกับพวกเพื่อนๆ ของเขา “ห้องไอ้อาร์ม” “อืม.... ไม่คิดถึงหรอกค่ะ” พอได้คำตอบรอยยิ้มน้อยๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้า ก่อนหน้านี้คิดว่าเขาคงไปนอนห้องผู้หญิงคนใดคนหนึ่งของเขา แต่คำตอบที่ได้ฟังมันทำเอาใจดวงน้อยโล่งแปลกๆ “แน่ใจเหรอ......” เสียงทุ้มยังคงกระซิบถามแผ่วเบา นอกจากจะปากหมาแล้วยังขี้อ่อยด้วย ชิ!! “ค่ะ...” ตอบออกไปแค่นั้นแต่ยื่นมือเข้าไปกอดเขาไว้หลวมๆ “หึ...” คนตัวโตยิ้มพลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะปิดเปลือกตาลง ขอแค่ตอนนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นเจ้าของเขาได้เต็มตัว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกรักแต่มันก็รู้สึกดี......
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD