Chapter 9 : โปสเตอร์เจ้าปัญหา-1

1357 Words
Timetawin part... เช้านี้ผมตื่นมาก่อนอายตา เมื่อคืนเรานอนกอดกันจนหลับไป ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ยอมนอนกับผู้หญิงได้ทั้งคืนปกติผมไม่เคยค้างกับผู้หญิงคนไหนเลย ผมไม่ปฏิเสธหรอกครับว่าไม่เคยนอนกับผู้หญิง ผมไม่ใช่คนดีขนาดนั้นแต่ผมก็ไม่เคยค้างหรือพาใครมาค้างที่นี่ เพนท์เฮ้าส์นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผมมีแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาได้ แต่ตั้งแต่มีอายตาเข้ามาผมก็รู้สึกว่าผมไม่สามารถนอนคนเดียวได้อีกแล้ว... “พี่ธามกินขนมปังไหมคะ?” เสียงใสของคนที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวในชุดนักศึกษพร้อมกับคาบขนมปังปิ้งไว้ที่ปากหนึ่งแผ่น ในมือข้างหนึ่งถือจานที่มีขนมปังอีกสองสามแผ่นส่วนอีกข้างก็ถือเนยกับแยมผลไม้กำลังเดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าวที่ตั้งอยู่ไม่ไกล วันนี้เธอรวบผมสูงพร้อมผูกโบว์สีหวานจนเผยให้เห็นต้นคอระหงขาวเนียน เธอไม่ใช่คนที่ชอบแต่งหน้าจัดมีเพียงเครื่องสำอางบางๆ เท่านั้น “ไม่หิว” ตอบกลับออกไปโดยไม่ได้มองหน้าคนถาม ปกติผมก็ไม่ค่อยกินข้าวเช้าอยู่แล้ว มากสุดก็แค่กาแฟดำแก้วหนึ่ง ผมตอบเธอเสร็จก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานทันที วันนี้ผมมีเรียนแต่ก่อนออกไปขอเช็คงานก่อน อ้อ! ผมลืมบอกไป... ถึงผมจะยังเป็นนักศึกษาอยู่แต่ผมเองก็ต้องทำงานด้วย ก็งานบริษัทของครอบครัวนั่นแหละครับ ครอบครัวผมมีไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์รวมถึงอื่นๆ อีก แต่ทุกๆ อย่างมันก็อยู่ภายใต้บริษัทที่มีพ่อของผมเป็นคนดูแล จริงๆ แล้วครอบครัวผมอยากให้ผมเรียนด้านบริหารฯ ซะมากกว่าที่จะเรียนวิศวะฯ แต่ผมมันดื้อก็เลยเลือกเรียนอะไรที่ตัวเองชอบแต่ผมก็ลงเรียนบริหารฯ ไว้ด้วยแต่เป็นภาคอินเตอร์ฯ ของมหาวิทลัยในอังกฤษ เรียนผ่านออนไลน์ทั้งหมดแต่มีบางครั้งที่ผมต้องบินไปที่นู่นเพื่อจัดการเอกสารบางอย่างแต่ก็ไม่บ่อยหรอกครับ พวกเพื่อนผมมันรู้ดีว่าภายใต้ชีวิตนักศึกษาปกติธรรมดาของผมนั้นผมยังมีอีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้แสดงออกให้ใครรู้รวมถึงอายตาเองผมก็ไม่เคยบอกเธอ ไม่มีเหตุผลที่ต้องบอกนี่ครับเพราะวันนึงเธอคงจะรู้เอง.... นั่งทำงานไปซักพักประตูห้องทำงานก็เปิดออกพร้อมกับอายตาที่เดินถือจานขนมปังทาแยมเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับยื่นขนมปังมาตรงหน้า “อ้าปากค่ะ” เสียงใสนั่นออกคำสั่งให้ผมอ้าปากกินขนมปัง “ก็บอกแล้วไงว่าไม่หิว” เอี้ยวตัวหลบนิดหน่อย “ไม่หิวก็ต้องกินค่ะ มื้อเช้ามันสำคัญนะไม่รู้เหรอคะ? ทีเมื่อวานพี่ยังบังคับอายกินข้าวเย็นได้เลย ฉะนั้นอ้าปากเดี๋ยวนี้!” เสียงเล็กออกคำสั่งไม่พอมือเล็กยังคว้าเข้ามาที่ท้ายทอยเพื่อล็อคไม่ให้ผมเบือนหน้าหนี แต่ผมก็ไม่คิดจะหนีหรอกครับ แกล้งเธอซะหน่อยจะเป็นไรไป ความคิดผุดขึ้นในหัวก่อนจะยกยิ้มมุมปาก “ถ้าอยากให้กินก็ป้อนด้วยปากสิ” สิ้นเสียงของผมอายตาก็ชะงักไป ไม่รู้เธอคิดอะไรอยู่แต่เธอหยิบขนมปังขึ้นไปคาบไว้หนึ่งแผ่นก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ในท่าทางเหมือนจะป้อนผมจริงๆ ก่อนจะยิ้มกวนแล้วทำท่าจะเอี้ยวตัวกลับแต่ผมไวกว่ารีบยื่นมือไปรั้งท้ายทอยของเธอเอาไว้แล้วยันตัวขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปงับขนมปังจากปากของเธอพร้อมกับกัดเข้าไปคำใหญ่จนปากของผมชิดกับริมฝีปากอิ่มของเธอ ดวงตากลมโตของคนตรงหน้าเบิกกว้างขึ้นมาทันทีพร้อมกับผลักบ่าผมออกห่าง “ไอ้พี่ธาม!! ทีหลังไม่ต้องกินจะไม่ทำให้กินอีกแล้ว!!” นั่นแหละครับ... ตวาดผมเสียงดังพร้อมกับด่าผมหนึ่งยกแล้วหมุนตัวกระโปรงปลิวออกจากห้องไป ผมก็ได้แต่ขำกับท่าทางของเธอ... ฉันเดินดุ่มๆ ออกจากห้องทำงานของพี่ธามแล้วมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ไอ้บ้าเอ้ยยยย!! ไอ้บ้าพี่ธาม!! กะจะแกล้งเขาซะหน่อยแต่ดันโดนเขาแกล้งกลับ...บ้าจริง! ต่อไปอย่าหวังว่าจะได้กินมื้อเช้าจากอายตาอีกเลย ชิ!!.... ฉันกับพี่ธามมาถึงมหาลัยประมาณเก้าโมงเช้าเขามาส่งฉันที่หน้าตึกเหมือนเคยแล้วก็ขับรถออกไปและก็ไม่ลืมที่จะสั่งให้ฉันไลน์ไปบอกเขาด้วยหากเลิกเรียนแล้ว ...นี่เขาเป็นสามีหรือเป็นพ่อกันแน่นะ... ฉันหมุนตัวเดินเข้าไปใต้ตึกคณะเพื่อไปหายัยแตงกวากับน้ำหวานเพราะพวกมันไลน์มาบอกว่ารออยู่ใต้ตึกและกำลังจะเดินผ่านบอร์ดกลางที่ตั้งอยู่ใต้ตึกที่ตอนนี้มีคนกำลังยืนมุงดูอะไรก็ไม่รู้ แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงแตงกวากับน้ำหวานก็รีบวิ่งมาดึงมือฉันเพื่อให้เดินไปอีกทางซะก่อน “เดี๋ยวๆๆ อะไรของพวกแก!!” ฉันที่ถูกพวกมันลากออกมาด้านข้างตึกได้แต่ทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจว่าพวกมันจะลากฉันออกมาทำไม “คือว่านะ.....หวานเมิงบอกละกัน” แตงกวาโบ้ยไปให้น้ำหวานเป็นคนบอกเหตุผลกับฉันแทน ฉันก็ได้แต่มองหน้าพวกมันสลับกันไปมาด้วยความงงงวย “คือว่านะ....คือ....” น้ำหวานเองก็ดูลังเลที่จะบอก อาการพวกมันทั้งสองคนไม่ได้ต่างกันเลย “พูดมา!!” ฉันพูดเสียงดังเพราะเริ่มจะหงุดหงิดกับท่าทางของพวกมัน นี่ฉันกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดไปตั้งแต่เมื่อไรนะ สงสัยจะติดเชื้ออีพี่ธามมา รายนั้นน่ะขี้หงุดหงิดเบอร์แรงเลยหละ “คือ...มีคนเอาโปสเตอร์มาแปะไว้ที่บอร์ดกลางคณะอ่ะ เป็นรูปถ่ายด้านข้างของผู้หญิงคนนึงพร้อมข้อความว่า.....ผู้หญิงหน้าด้านชอบยุ่งกับแฟนชาวบ้าน.....” น้ำหวานเว้นวรรคประโยคสุดท้ายนิดหน่อย “มันเป็นรูปแกวะ” น้ำหวานว่าพลางยื่นมือถือมาให้ฉันดูรูปที่มันถ่ายไว้ “ไม่ได้มีแค่นี้นะเว้ย ในเฟสบุคมีคนถ่ายเอาไปแชร์กันเพียบเลย” แตงกวาจับมือฉันแน่น ฉันเองทันทีที่ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็ได้แต่นิ่งมองหน้าเพื่อนสาวก่อนจะพูดออกมา “พี่ลูกหว้าเล่นกรูแล้วไง!” “อืม!!” พวกมันสองคนพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกัน เพราะฉันไม่มีศัตรูที่ไหนจะมีก็แต่พี่ลูกหว้านี่แหละ และต้นเหตุก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของพี่ธาม ตอนนี้ตัวต้นเหตุเขาจะรู้ไหมว่าฉันกำลังโดนอะไรอยู่ “เอาไงต่อวะ?” แตงกวามองหน้าฉันแต่มือก็ยังจับมือฉันไว้แน่น ฉันรับรู้ได้ถึงความกังวลและเป็นห่วงของพวกมันแหละแต่ตอนนี้ขอตั้งหลักก่อน ฉันไม่ได้แคร์หรอกนะว่าใครจะด่าอะไรฉันในโลกโซเชียลน่ะเพราะฉันรู้ดีอยู่แกใจว่ามันไม่ใช่ความจริง ถ้าเมื่อคืนฉันไม่ได้ฟังคำตอบจากปากของพี่ธามเองว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับพี่ลูกหว้าฉันคงไม่มีความมั่นใจขนาดนี้หรอก คนอย่างอายตาไม่สนใจหรอกค่ะเรื่องแค่นี้เพราะยังไงทะเบียนสมรสก็ยังอยู่ในมือฉัน ฮ่าๆๆ ...บ้าไปแล้วอายตาเอ้ย... เอาจริงก็แอบกังวลอยู่เหมือนกันเพราะไม่อยากมีปัญหากับรุ่นพี่ในคณะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD