เหตุการณ์เข้าใจผิดครั้งนั้นทำให้ภากรและเพชรกัญญาเกิดปัญหาระหองระแหงกัน เพราะเพชรกัญญาอาละวาดใส่ภากรที่ตะคอกเธอจนข้าวของในบ้านพัง ภากรจึงขอลดสถานะความสัมพันธ์ของเขาและเพชรกัญญาลงเพื่ออยากให้แฟนสาวได้มีเวลาทบทวนตัวเองและปรับปรุงนิสัยใหม่ โดยที่ตัวต้นเหตุซึ้งพวกเขาเข้าใจว่าเป็นคนใช้ก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไป ไม่รู้แม้กระทั้งชื่อของหล่อนนั้นยิ่งทำให้เพชรกัญญาคิดเองเอ่อเองว่าผู้หญิงปริศนาคนนั้นอาจเป็นกิ๊กของภากรที่จงใจเข้ามาสร้างความวุ่นวายในบ้านเธอ
ส่วนภากรก็คิดว่าผู้หญิงปริศนานั้นอาจจะเป็นคนที่แม่ของตนจ้างมาเพื่อทำให้เขากับเพชรกัญญาทะเลาะกัน เพราะแม่ของเขานั้นไม่ชอบเพชรกัญญาเนื่องด้วยท่านนั้นอยากให้เขาตกล่องป่องชิ้นกับลูกสาวของเพื่อนสนิท ซึ้งใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ
''ผมไม่ไปครับแม่ ผมบอกแม่แล้วไงครับว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว''ภากรเอ่ยบอกแก่มารดาที่มาถึงบริษัทเพื่อคะยั้นคะยอให้เขาไปนัดบอดดูตัวกับลูกสาวเพื่อนสนิท
''แค่ไปทานข้าวเองลูก นะลูกนะ ไหนๆ ช่วงนี้ลูกกับแม่นั้นก็ห่างๆ กันแล้ว ''คุณหญิงพิศมัยแม่ของภากรเอ่ยถึงเพชรกัญญาโดยใช้คำเรียกเธอว่าแม่นั้น ภากรถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่แม่ของเขานั้นไม่ยอมเรียกชื่อเพชรกัญญาดีๆ
''แฟนผมเธอชื่อ เพชรกัญญาครับแม่ ได้โปรดอย่าเรียกเธอว่าแม่นั้น แล้วอีกอย่างเราแค่ห่างกันเพราะต้องการปรับตัวเข้าหากันเราไม่ได้จะเลิกกันครับ ขอตัวนะครับผมมีประชุม''พูดจบภากรก็ทำท่าจะลุกหนีไปอย่างเช่นทุกครั้งแต่ครั้งนี้คุณหญิงพิศมัยเตรียมรับมือมาอย่างดี เธอยอมเทหมดหน้าตักเพื่อให้ลูกชายไปนัดบอดดูตัวครั้งนี้ให้ได้
''แม่จะยอมเปิดใจให้เพชรกัญญาก็ได้ หากลูกยอมไปนัดบอดครั้งนี้ ''
''แค่ไปทานข้าวแค่นั้นใช่ไหมครับ?''ภากรเอ่ยถามอย่างนึกสนใจ เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่มารดายื่นข้อเสนอที่ดูเข้าท่า
''ใช่แค่ทานข้าว''คุณหญิงพิศมัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
''แม่สัญญาแล้วนะ ห้ามคืนคำ''
''แม่ไม่เคยคืนคำลูกก็รู้''
''ตกลงครับ บอกเวลาและสถานที่มาได้เลย''
''แม่บอกเลขาลูกไว้แล้ว ลูกเตรียมตัวให้ดีเถอะ อย่าได้ทำแม่ขายหน้าเชียว''พูดจบคุณหญิงพิศมัยก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ริมฝีปากสีชมพูสวยยกยิ้มบางๆ อย่างพึงพอใจที่สามารถเกลี่ยกล่อมลูกชายให้ยอมไปนัดบอดได้สำเร็จ......
........................................................
''หนูไม่ว่างค่ะแม่ หนูกำลังตั้งใจใช้ชีวิตเพื่อเรียนรู้โลกกว้าง''เสียงหวานกรอกลงไปยังปลายสายโทรศัพท์ในขณะที่เธอกำลังยืนล้างจานอยู่
''ตั้งใจใช้ชีวิตหรือตั้งใจประชดชีวิตอยู่กันแน่''เสียงของปลายสายดังขึ้นแต่หญิงสาวรู้สึกว่าเสียงนี้ดังอยู่ใกล้เธอเหลือเกิน
''ก็ต้องตั้งใจใช้ชีวิตสิคะ ชีวิตหนูตอนนี้ดีมากเลยนะ มีความสุขมากๆ เลยค่ะ''หญิงสาวเอ่ยพร้อมยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าที่มันผุดขึ้นมา อากาศร้อนๆ ของเมืองไทยทำเอาเหงื่อในร่างกายไหลออกมาแทบตลอดเวลา
''มีความสุขกับการยืนขาแข็งล้างจานในร้านก๋วยเตี๋ยวข้างถนนเนี่ยนะ'' เสียงของมารดาดังขึ้นแต่ไม่ได้ดังในสายโทรศัพท์อีกต่อไป หากแต่มันดังอยู่ข้างหลังของเธอ หญิงสาวค่อยๆ หันหลังกลับไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ
''แม่ มานี้ได้ไง?''เธออุทานอย่างรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย มารดาที่ควรจะอยู่ที่ฝรั่งเศษและยุ่งกับการทำงานอยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวให้เห็น
''แพรไหมหมดเวลาประชดชีวิตแล้ว กลับไปกับแม่''พริ้งพราวเจ้าแม่น้ำหอมแบรนดังระดับโลกถอดแว่นกันแดดสีชาออกจากใบหน้า แม้จะอายุเข้าเลขสี่แล้วแต่เธอกลับยังมีหน้าตาผิวพรรณที่ดูอ่อนกว่าวัยมาก
''ไม่''แพรไหมตอบสั้นๆ ก่อนจะหันกลับไปยืนล้างจานต่อ
''อวดดีจริงๆ''พริ้งพราวเอ่ยก่อนจะสวมแว่นตาสีชากลับไปยังใบหน้าของตนอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวจะเดินตรงมาทางที่สองแม่ลูกยืนอยู่
''นี้เอกสารเซ็นเรียบร้อยครบถ้วนทุกแผ่นแล้วจ้าคุณนาย''แพรไหมที่ยืนล้างจานอยู่หัวควับกลับมามองทันที เธอเห็นเจ้าของร้านยื่นเอกสารปึกนึงให้แก่แม่เธอ แพรไหมรู้ได้ทันทีว่าแม่ของเธอนั้นได้ซื้อร้านนี้เรียบร้อย
''แม่ ทำแบบนี้อีกแล้วนะ ทำไมต้องมารบกวนการใช้ชีวิตของหนูด้วยเนี่ย แม่นะแม่ ไม่ทงไม่ทำมันแล้ว!!!!'' แพรไหมไม่พอใจเป็นอย่างมากที่มารดานั้นมาตามกวนใจ เธอวางมือจากจานตรงหน้าก่อนจะเดินไปคว้าเอากระเป๋าสะพายของตน แต่เจ้าของร้านก็ได้เอ่ยประโยคหนึ่งเพื่อหยุดเธอไว้
''เดียวนังหนู เอ็งจะไปไหนไม่ได้นะ ข้าขายร้านนี้ให้คุณนายคนนี้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นเอ็งต้องทำงานใช้หนี้เงินที่เอ็งเบิกล่วงหน้าไปให้หมดก่อนสิ เนี่ยสัญญาก็มีจำได้ไหม'' เจ้าของร้านโชว์ใบสัญญากู้ยืมที่แพรไหมเคยเซ็นให้ดู หญิงสาวหันควับไปมองแม่เจ้าแผนการทันที
''ฝีมือแม่ใช่ไหม เรื่องบ้าๆ ทั้งหมดเนี่ยแม่วางแผนไว้ตั้งแต่ตนเลยใช่ไหม''
''อะไร ฉันทำอะไร แกต่างหากที่ทำตัวเอง ฉันไม่ได้มัดมือชกให้แกมาสมัครล้างจานร้านนี้ซะหน่อย แกมาของแกเองหนิ''
''ไม่ต้องมาพูด ทำไมแม่ถึงอยากให้หนูแต่งงานกับลูกเพื่อนแม่นักหนา เขามีดีอะไรขนาดนั้นแม่ถึงยอมลงทุนหยุดงานที่แสนสำคัญของแม่มาลากหนูกลับ แล้วเขามีดีอะไรแม่ถึงได้ยอมควักเงินมาไล่ซึ้อร้านทุกร้านงานทุกงานที่หนูไปทำเนี่ย หนูเหนื่อยแล้วนะ เหนื่อยแล้ว จะเอายังไงกับหนูก็ว่ามา!!!!!''แพรไหมพูดไปน้ำตาคลอเบ้าไป เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่ทำสักนิด
''มีดีไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือแม่เขาเป็นเพื่อนรักของแม่ที่แม่จะสามารถวางใจได้ว่าถ้าแกแต่งงานกับเขาไปแกจะไม่ถูกแม่ผัวโขกสับกดขี่ข่มเหงเหมือนที่แม่เคยเจอ''
''แล้วทำไมแม่ไม่ไปแต่งเองซะล่ะ มาบังคับหนูทำไม นี้ชีวิตหนูนะ หนูจะลงเอยกับใครทำไมต้องมากำกับ!!!''
''เพราะความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนไงล่ะแพรไหม เชื่อแม่นะ แม่วางใจแค่ป้าพิศมัยเท่านั้นที่จะฝากผีฝากไข้ได้''พริ้งพราวเอ่ยพร้อมกับจะยื่นมือไปจับลูกสาว แต่แพรไหมกลับเบี่ยงตัวหลบไม่ยอมให้มารดาแตะต้องตัวเอง
''ไปอยู่ตั้งเมืองนอกเมืองนาเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตระดับโลกแต่ความคิดโคตรล้าหลังเลย แม่กลัวว่าหนูจะผลาญสมบัติแม่มากกว่าถึงได้อยากจับหนูแต่งงานกับลูกเพื่อนแม่เพราะจะได้ผลักภาระแบบหนูให้พ้นตัว หนูบอกแม่ไว้ตรงนี้เลยนะว่าหนูไม่แต่งกับคนที่แม่เลือกไว้เด็ดขาด เงินแม่สมบัติแม้สลึงเดียวหนูก็จะไม่แตะ เพราะฉะนั้นปล่อยหนูไปเถอะ อย่ามายุ่งกับหนูอีก กลับไปอยู่กับครอบครัวใหม่แม่เถอะ อย่าได้เจอกันอีกเลย'' แพรไหมเอ่ยพร้อมกับหันหลังจะเดินหนี
''หยุดนะแพรไหมกลับมา''พริ้งพราวคว้าเอาแขนลูกสาวมาจับไว้แน่นและจะลากแพรไหมไปกับเธอให้ได้
''หนูไม่ไปปล่อยนะ ปล่อย บอกให้ปล่อยไง!!!!'' แพรไหมสะบัดแขนอย่างแรงจนร่างของแม่นั้นเซถลาล้มลง หัวของแม่ฟาดเข้ากับเคาเตอร์ล้างจานจนเลือดสีแดงไหลเจิงนอง
''กรี๊ดดดด แม่ แม่อย่าเป็นอะไรนะหนูขอโทษ หนูขอโทษฮื้อๆ แม่ตื่นสิ แม่ตื่นอย่าหลับนะ หนูจะไม่ดื้อกับแม่แล้ว แม่อย่าหลับนะ ฮื้อๆ''แพรไหมทั้งช็อกทั้งตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ร่างของแม่ถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างรวดเร็วเพราะเจ้าของร้านโทรเรียกรถฉุกเฉินได้ทันเวลา ทำให้สามารถช่วยชีวิตพริ้งพราวไว้ได้ เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แพรไหมไม่กล้าต่อต้านผู้เป็นแม่อีก
''แม่ ฮื้อๆ แม่คะหนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายแม่นะคะ หนูขอโทษนะ ฮื้อๆ'' แพรไหมร้องไห้โฮโผล่เข้ากอดมารดาที่พึ่งฝืนคืนสติอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล แม่ของเธอสลบไปถึงสี่วันเต็มๆ
''แพรไหม ลูกแม่ แม่ไม่โกรธหนูหรอกนะลูกแม่เองก็ผิดที่เอาแต่บังคับหนู แต่แม่เพียงแค่หวังดีกับหนูเท่านั้นนะลูก แม่รักหนู รักหนูมากๆ แม่อยากเห็นหนูได้สร้างครอบครัวกับคนที่แม่วางใจได้ ป้าพิศมัยเป็นคนดีมากนะลูกและแม่เชื่อว่าลูกชายของเขาก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี''
''ไม่ต้องพูดแล้วค่ะแม่ หนูยอมแล้วค่ะ หนูยอมแล้ว หนูยอมแม่ทุกอย่างเลย แต่แม่คะ แม่สัญญาได้ไหมว่าแม่จะดูแลตัวเองให้ดี มีชีวิตที่ยืนยาวเพื่ออยู่กับหนู ตอนที่หนูเห็นเลือดของแม่ไหลหนูถึงได้รู้ว่าหนูรักแม่มากแค่ไหน หนูจะเป็นลูกที่ดีเพื่อแม่นะคะ''
''พูดแล้วนะ ห้ามคืนคำนะ''พริ้งพราวกุมมือลูกสาวทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินว่าลูกยอมทำตามคำขอของเธอแล้ว
''ค่ะแม่ ไม่คืนคำแน่นอน ว่าแต่เจ้าบ่าวที่แม่เลือกไว้ให้หนูชื่ออะไรหรอคะ "แพรไหมเอ่ยถามพริ้งพราวแม่ของเธอที่ยิ้มทั้งน้ำตาให้อยู่บนเตียงคนป่วย
''ภากรจ๊ะ ลูกป้าพิศมัย ว่าสามีในอนาคตของลูกชื่อภากรจ๊ะ''
''ชื่อภากรงั้นหรอคะ ชื่อคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย?''
''ก็แหง่ล่ะ ภากรน่ะดังมากนะ ป้าพิศมัยบอกว่าลูกชายเขาออกทีวีอยู่บ่อยๆ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากๆ อ่ะนั้นไงภากร!!!''พริ้งพราวชี้ไปยังจอทีวีที่เปิดอยู่ หน้าจอทีวีคือข่าวงานการกุศลงานหนึ่งที่มีเหล่าไฮโซ เซเลปคนดังและนักธุรกิจจากวงการต่างๆ เข้าร่วมประมูลเครื่องเพชรเพื่อระดมทุนช่วยเด็กด้อยโอกาสในถิ่นธุรกันดาร.....