แพรไหมมองเงาสะท้อนของคนในกระจกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ชีวิตของเธอในช่วงสองสามปีมานี้ราวกับความฝัน เมื่อสองปีก่อนแม่ที่ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะมีวันได้เจออยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวขึ้น
''คุณยายเสียแล้วนะ แม่จะมารับหนูไปอยู่ด้วย ไปอยู่กับแม่นะลูก''
''ไม่ หนูมีชีวิตอยู่มาถึงยี่สิบสามปีโดยไม่มีคุณหนูยังอยู่ได้ คุณมานึกอยากจะได้หนูไปอยู่ด้วยทำไมตอนนี้ กลับไปซะ!!!''
''แต่เอ็งต้องไป อ้าวนี้ข้าวของมันมีอยู่เท่านี้แหละ'' เสียงของเอมอร น้องสาวของพศกรดังขึ้นพร้อมกับยื่นกระเป๋าเป้ใบใหญ่ให้พริ้งพราว ตอนนี้เอมอรคือญาติเพียงคนเดียวที่แพรไหมมีอยู่เพราะย่าและพ่อของเธอได้ทยอยเสียชีวิตไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บกันหมด
''น้าเอม หนูไม่ไปนะ หนูไม่อยากไป หนูจะอยู่กับน้าเอม'' แพรไหมไม่ยอมไปง่ายๆ เธอกอดแขนน้าสาวไว้แน่น
''โอ้ย รีบๆ ไสหัวไปเถอะอย่าอยู่เป็นภาระข้านักเลย ข้าไม่มีปัญญาใช้หนี้ที่พ่อกับย่าเอ็งก่อไว้หรอกนะ ไปๆ รีบไปได้แล้วข้ามีธุระ!!!!''เอมอรพูดจบก็ผลักแพรไหมไปทางพริ้งพราวแล้วรีบล็อคประตูบ้านทันที
ตั้งแต่นั้นมาพริ้งพราวก็พยายามจะพาแพรไหมไปอยู่ด้วยให้ได้แต่แพรไหมก็ไม่ยอมไป ไม่ว่าแพรไหมจะไปทำงานที่ไหนพริ้งพราวก็จะเข้าไปเทคโอเว่อร์ ซื้อกิจการนั้นๆ ทันทีเพื่ออยากอำนวยความสะดวกให้ลูกสาวตน แต่พอแพรไหมรู้ว่ากิจกรเหล่านั้นตกเป็นของแม่เธอเมื่อไหร่เธอก็จะลาออกทันทีเช่นกัน
หญิงสาวพยายามใช้ชีวิตด้วยตัวเองโดยไม่เคยเอ่ยปากขอเงินพริ้งพราวแม่ผู้ให้กำเนิดแม้แต่สลึงเดียว จนกระทั้งเกิดเหตุการณ์ล่าสุดที่เธอเกือบพลั้งมือฆ่าแม่ไปนั้นเอง แพรไหมจึงยอมทำตามคำขอของพริ้งพราวผู้เป็นมารดา
''ลูกแม่ สวยมาก สวยมากๆ''พริ้งพราวที่ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้วเอ่ยชมลูกสาวไม่ขาดปาก ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือนมานี้ แพรไหมได้เข้าโปรแกรมปรับบุคลิคภาพและเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่จนแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิม
หน้าที่เคยหมองคล้ำถูกทำให้ใสเนียนไร้ที่ติ แว่นสายตาถูกโยนทิ้งและแทนที่ด้วยคอนแท็คเลนท์สีดำธรรมชาติ เส้นผมที่เคยยุ่งเหยิ้งได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีทำให้ผมสีน้ำตาลแห้งๆ กลายเป็นสีดำธรรมชาติเรียบตรงและเงางามเสมอกันทุกเส้น ผิวพรรณที่เคยแห้งผาดก็ชุ่มชื่นขาวเรียบเนียบมีออร่า เสื้อผ้าเชยๆ ที่เคยใส่ก็ถูกเปลี่ยนใหม่เป็นแบรนเนมดังนำเข้าทั้งหมด
ที่นอนจากห้องรูหนูแคบๆ ก็เปลี่ยนเป็นคอนโดหรูหลักหลายร้อยล้าน จากโหนรถเมล์ก็เปลี่ยนมานั่งรถหรูมีคนขับให้ ชีวิตของแพรไหมตอนนี้ราวกับฝันไป แต่เป็นฝันที่เป็นความจริงและจับต้องได้
''หนูตื่นเต้นจังค่ะแม่ พี่ภากรเขาจะชอบหนูไหมคะ?''แพรไหมเอ่ยอย่างประหม่า วันนี้คือการนัดดูตัวของเธอและภากร จากแต่ก่อนเธอก็เฉยๆ คิดว่าแต่งๆ ไปเดียวค่อยหย่าทีหลังแต่พอถูกป้อนข้อมูลเรื่องภากรเข้าหัวแทบทุกวันทำให้แพรไหมนั้นอยากครอบครองภากรขึ้นมาจริงๆ
''ต้องชอบสิจ๊ะ ลูกแม่สวยไร้ที่ติขนาดนี้''พริ้งพราวเอ่ยให้กำลังใจพร้อมกับจับมือลูกสาวไว้ ก่อนทั้งคู่จะหันไปมองทางประตูของห้องอาหารVVIPที่กำลังถูกเปิดเข้ามา
ภากรและคุณหญิงพิศมัยเดินเข้ามาพร้อมกับส่งยิ้มให้สองแม่ลูกส่งยิ้มตอบก่อนจะแนะนำหนุ่มสาวให้รู้จักกัน แพรไหมลุ้นมากว่าภากรจะจำเธอได้ไหม แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกตินั้นก็เพราะภากรจำเธอไม่ได้จริง ทำให้แพรไหมรู้สึกโล่งใจไม่น้อย
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างราบเรียบ ภากรนั้นรักษามรรยาทบนโต๊ะอาหารได้ดีมากแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้ชอบใจที่แม่ของเขานัดดูตัวให้เท่าไหร่นัก ส่วนแพรไหมนั้นหัวใจเธอแทบจะหลุดออกมานอกอก เธอรู้สึกร้อนวูบวาบตลอดเวลา อาจเพราะช่วงนี้แม่นั้นเอาแต่พูดถึงภากรให้เธอฟัง
''เดียวคุยกันไปก่อนนะจ๊ะแม่ของเดินไปชมห้องไวน์ใต้ดินกันสักครู่''เสียงของคุณหญิงพิศมัยเอ่ยก่อนจะจูงมือพริ้งพราวเดินออกไปจากห้องอาหารVVipเพื่อเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง พอผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจากๆ ไปแล้วภากรก็มีท่าทีเปลี่ยนไปทันที
'' ฟู่วไปซะได้ก็ดีอึดอึัดชะมัด!!!!''ภากรพูดเสียงดังพร้อมกับคลายเน็คไทออกหลวมๆ เท่านั้นยังไม่พอเขายังควักเอาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบจนเกิดควันสีขาวคลุงไปทั่ว
''อ่ะ แค่กๆ แค่กๆ!!!'' แพรไหมที่ไม่ถูกกับควันบุหรี่เป็นทุนเดิมส่งเสียงไอและบัดมือไปมา ภากรยกยิ้มอย่างพอใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จเพราะเขาจงใจทำตัวนิสัยแย่ๆ ให้แพรไหมเห็นเพื่อเธอจะได้รู้สึกไม่ชอบและตัดใจไม่แต่งกับเขา
''อ้าวตายจริง โทษทีนะครับน้องแพรไหมพี่ติดบุหรี่มากเลยถ้าไม่ได้ดูดพี่จะมือสั่น''ภากรโกหกคำโตออกไปอันที่จริงเขาเองก็ไม่ชอบกลิ่นควันบุหรี่เช่นกัน
''อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่เป็นไรเลยค่ะ''แพรไหมตอบกลับทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังสำลักควันไม่หยุด
''นี้อย่าปากไม่ตรงกับใจนักเลย พี่ดูออกนะว่าน้องแพรน่ะก็ไม่ถูกกับควันนี้ ฟู่ว์''ภากรไม่พูดเปล่าแต่ยังพ่นควันสีขาวของบุหรี่ไฟฟ้าใส่หน้าของแพรไหมด้วย
''อ่ะแค่กๆ นี้ ทำบ้าอะไรของพี่คะ ก็รู้ทั้งรู้ว่าแพรไม่ชอบยังจะมาพ่นไอ้ควันบ้านี้ใส่หน้าแพรอีก!!!'' แพรไหมลุกขึ้นยืนต่อว่าภากรด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ร่างสูงยกยิ้มอย่างไม่ได้รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไป
''ถ้าไม่ชอบก็ยกเลิกความคิดที่จะจับพี่ทำผัวสิครับ เพราะถ้ายังขืนดันทุรังจะสานสัมพันธ์กันต่อน้องแพรก็จะต้องเจอกับสิ่งที่ไม่ชอบแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ พี่จะบอกให้ว่าพี่มีคนที่พี่รักหมดหัวใจอยู่แล้ว แพรไม่มีวันจะมาแทนที่คนรักของพี่ได้ จำไว้ ฟู่ว์''ภากรพูดจบก็พ่นควันจากบุหรี่ไฟฟ้าใส่หน้าแพรไหมซ้ำอีกรอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองVVipไปอย่างไม่ได้แคร์ว่าถ้าแม่ของตนจะมาตำหนิตนหรือไม่
''แค่กๆ ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้ขี้เก๊ก หึ้ยยยย!!!!''' แพรไหมได้แต่กำหมัดแน่นและสบทตามหลังภากรไป เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณหญิงพิศมัยและริ้งพราวเดินกลับเข้าห้องมาพอดี
''แม่คะ คุณแม่ ฮื้อๆ''แพรไหมทันทีที่เห็นหน้าแม่ของตนก็ปล่อยโฮออกมาทันที
''เป็นอะไรลูกเกิดอะไรขึ้น?''พริ้งพราวกอดปลอดลูกสาวพร้อมเอ่ยถามด้วยความตกใจ คุณหญิงพิศมัยเองก็ตกใจไม่แพ้กันแต่พอเห็นว่าลูกชายตัวดีไม่อยู่ในห้องอาหารก็พอจะเข้าใจได้
''ก็พี่ภากรน่ะสิคะ อยู่ๆ เขาก็มาพ่นควันบุหรี่ใส่หนูแล้วบอกว่าเขามีคนที่เขารักอยู่แล้ว พูดแล้วก็เดินออกไปเลย'' แพรไหมพูดไปร้องไห้ไป
''โอ้ย ภากรนะภากร ทำไมถึงได้ก้าวร้าวแบบนี้ ป้าต้องขอโทษแทนพี่ภากรด้วยนะหนูแพร ปกติภากรไม่ใช่คนที่จะมีนิสัยแบบนี้เลยนะจ๊ะ ฉันต้องขอโทษแทนลูกชายฉันด้วยนะพริ้งพราว''คุณหญิงพิศมัยเอ่ยขอโทษสองคนแม่ลูกอย่างจริงใจ
''ฉันเข้าใจภากรนะ เขาคงจะรักของเขามาก...ฉันว่าเราคงต้องให้เวลาภากรหน่อย''พริ้งพราวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ถือสาเพราะเธอเองก็ผ่านช่วงวัยนี้มาก่อน
''ให้เวลาอะไรอีก กว่าจะแยกแม่นั้นกับลูกฉันออกจาดกันได้มันยากนะ นี้แหละคือช่วงเวลาทองที่เราจะต้องรีบให้หนูแพรไหมเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้น ฉันอยากให้หนูแพรไหมเป็นลูกสะใภ้ของฉันแค่คนเดียว ขืนช้ากว่านี้เกิดว่าแม่นั้นกับภากรคืนดีกันแล้วล่ะก็งานช้างเลยนะ''
''แล้วจะให้ทำยังไงเล่า ดูสิเจอกันวันแรกก็เล่นงานลูกฉันซะแล้วแถมประกาศว่ารักแม่เพชรกัญญานั้นมากด้วย''
''รักแท้แพ้ใกล้ชิดเคยได้ยินไหม และฉันก็รู้จักลูกชายฉันดี เชื่อมือฉันเถอะพริ้งพราว ฉันมีวิธีจับลูกฉันใส่พานให้หนูแพรแน่นอน!!!''คุณหญิงพิศมัยเอ่ยพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย เพราะเธอนั้นมีแผนการบางอย่างเตรียมไว้แล้ว ส่วนแพรไหมที่ซุกหน้าร้องไห้อยู่นั้นก็ได้แต่ลอบถอนหายใจด้วยความเซ็งที่ไม่สามารถจะล้มเลิกแผนการจับคู่ของแม่ตนและคุณหญิงพิศมัยได้
............................
''ชิ ไอ้ภากร ไอ้บ้าเอ่ย ขี้เก๊กชะมัด น่าเหวี่ยงหมัดใส่ปากเน่าๆ สักที พ่นควันใส่หน้าคนอื่นได้ไง ไอ้ทุเรศเอ้ย!!!!'' แพรไหมพอกลับมาถึงคอนโดก็ด่าภากรเพื่อระบายอารมณ์ที่เขาทำกับเธอให้แม่ฟัง
''คำพูดไม่น่ารักเลยนะแพรไหม นั่งลง''พริ้งพราวเอ่ยบอกลูกสาวพร้อมกับนั่งไขว้ห่างลงบนโซฟาตัวหรู ท่าทางของเธอสง่างามราวกับนางพญา จนแพรไหมเองยังรู้สึกเกรงใจ ร่างบางหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาอีกตัวใกล้ๆ
''ขอโทษค่ะ หนูแค่เจ็บใจที่เขามาพ่นควันใส่หน้าหนู''แพรไหมเอ่ยพรางทำหน้าหง่อยๆ
''การใช้กำลัง หรือการด่าทอเพราะเจ็บใจไม่ใช่ทางออกที่ถูกวิธีรู้ไหม แม่ให้ลูกเรียนปรับบุคคลิคกภาพก็เพราะแม่อยากให้ลูกเหนือกว่าผู้หญิงทุกๆ คนที่ภากรเคยเจอ ลูกต้องมีในสิ่งที่ผู้หญิงคนอื่นไม่มี โดยเฉพาะผู้หญิงที่ภากรรัก ลูกต้องมีให้มากกว่าหล่อน ไม่ว่าจะเป็นกิริยา วาจา หรือแม้แต่มันสมองลูกก็ต้องเหนือกว่า เข้าใจที่แม่พูดไหม''
''เข้าใจค่ะ หนูเข้าใจแล้ว หนูจะพยายามนิ่งให้มากกว่านี้ค่ะแม่''แพรไหมรับคำมารดา
''ดีมากจ๊ะ อืมว่าแต่วันนี้หนูเหนื่อยไหม อยากกินอะไรที่พิเศษรึป่าวแม่จะให้คนไปเตรียมให้''พริ้งพราวเอ่ยถามอย่างใส่ใจ
''ไม่ค่ะ ไม่หิว หนูขอไปแช่น้ำอุ่นให้สบายตัวก่อนดีกว่าค่ะ เสร็จแล้วเดียวเราไปสวดมนต์นั่งสมาธิกัน'' แพรไหมบอกด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะกิจกรรมที่เธอชอบทำร่วมกับมารดามากที่สุดคือการได้สวดมนต์นั่งสมาธิ นั้นเป็นเพราะเธอจะได้ระลึกถึงพ่อของเธอรวมถึงคุณยายและคุณย่าที่จากโลกนี้ไปแล้วด้วย แม้ว่าในอดีตคนเหล่านั้นจะได้สร้างร่องรอยความทรงจำที่เป็นบาดแผลไว้ให้เธอกับแม่มากแค่ไหนก็ตามแต่ตอนนี้เธอกับแม่ก็ได้ผ่านพ้นมาแล้ว