“ฉัตรชวา คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้”
คนขับสาวในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีดำเหยียบคันเร่งด้วยรองเท้าส้นสูงปลายแหลมเกือบสิบนิ้วจมมิดเท้าเพื่อเร่งแซงรถหรูมาเซราติคันข้างๆ ที่ขับฉวัดเฉวียนผลัดกันแซงไปมา เธอตัดสินใจจบเกมครั้งสุดท้ายมือบางกำพวงมาลัยแน่นหักรถปาดหน้าคู่กรณีจนรถของอีกฝ่ายข้ามเกาะกลางถนนไปชนเข้ากับรถสิบล้อที่ขับสวนทางมาพอดี
แสงสะท้อนจากกระจกมองข้างพร้อมเสียงประสานงาดังสนั่น คนทำผิดชะลอรถด้วยหัวใจที่สั่นไหว มือบางยกขึ้นปาดน้ำตา เชิดหน้าก่อนจะเหยียบคันเร่งอีกครั้ง
“มันจบแล้ว…”
น้ำลายเหนียวๆ ถูกกลืนลงคอ
…ถ้าเขาไม่ตายเธอกับลูกก็ต้องตายอยู่ดี…
สองเดือนก่อนหน้า…
“เกี๊ยวแต่งงานกับพี่นะ”
“คุณพ่อกับคุณแม่บอกเกี๊ยวแล้วค่ะ”
ฉัตรชวาในชุดสูทสีขาวครีมยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงสดที่มีแหวนเพชรน้ำงามสองกะรัตให้หญิงสาวตรงหน้า…กณิสรา ผู้หญิงที่เขาแอบรักมาตั้งแต่เธออายุสิบหกปี สาวน้อยข้างบ้านในวันนั้นสู่ว่าที่เจ้าสาวของเขาในวันนี้เมื่อนิ้วนางข้างซ้ายของเธอถูกตีตราจองด้วยแหวนเพชรของเขาก็อดที่จะปลาบปลื้มใจไม่ได้
“นี่ครับสำหรับว่าที่เจ้าสาวคนสวยของพี่”
ช่อดอกลิลลี่สีขาวถูกยื่นให้กณิสราที่ส่งรอยยิ้มบางเบาให้ว่าที่เจ้าบ่าว เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ารักเขาจริงหรือไม่ รู้เพียงแต่ว่าเขาช่วยชีวิตเธอไว้ในวันที่จมน้ำเมื่อแปดปีก่อน…ทุกคนต่างบอกแบบนั้นแต่เธอว่ามันไม่ใช่ ผู้ชายที่ตามเทียวไล้เทียวขื่อมาตลอดแปดปีในเมื่อเธอไม่มีใครและครอบครัวของเขาเองก็เป็นที่พึ่งยามครอบครัวของเธอทุกข์ยาก แม้จะเพิ่งตกลงคบกับฉัตรชวาคนนี้ได้เพียงแค่สามปีตามเสียงสนับสนุนของผู้ใหญ่ที่เห็นดีเห็นงามกับความรักในครั้งนี้ เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้จึงปล่อยเลยตามเลย
ชีวิตที่ไม่ค่อยได้เลือกอะไรด้วยตัวเองแม้แต่คนรักก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเมื่อคำว่าความอยู่รอดของครอบครัวมันค้ำคออยู่…หน้าที่ของลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้าน บุพการีของเธอบอกแบบนั้น
“ไหนๆ เราก็จะเป็นสามีภรรยากันแล้วคืนนี้เกี๊ยวไปค้างกับพี่ที่บ้านนะ…หรือเกี๊ยวอายพ่อกับแม่พี่จะเป็นที่คอนโดก็ได้นะ”
“เราตกลงกันแล้วนะคะ ว่าเป็นคืนแต่งงานเท่านั้น”
“แต่…”
“ไม่มีแต่ค่ะ”
น้ำเสียงหนักแน่น กษิสราหรือว่าที่เจ้าสาวของเขาที่ไม่เคยเปิดโอกาสหรือแม้แต่จะให้โอกาสเขาได้ทำอะไรไปมากกว่าจับมือ หอมแก้ม หรืออยู่ในที่รโหฐานกันสองต่อสองคนเลย
อย่างมาทานข้าวข้างนอกก็จะเลือกสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและต้องไม่ใช่โรงแรมหรือร้านอาหารบนดาดฟ้าของโรงแรม
…จะรักนวลสงวนตัวไปถึงไหน ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นคงนอนรออ้าขาให้เขาบนเตียงแล้วเพียงแค่เขาสะกิด…
“เกี๊ยวจะกลัวอะไร คุณอาทั้งสองไม่ว่าหรอกถ้าเกี๊ยวจะให้พี่บ้าง”
“แต่เรายังไม่แต่งงานกันนี่ค่ะ…รอหน่อยนะคะอีกแค่ไม่กี่เดือนเอง”
กณิสราที่พอรู้มาบ้างว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอตกลงเรื่องงานแต่งกับครอบครัวของฉัตรชวาและเตรียมฤกษ์ไว้หมดแล้ว…และว่าที่เจ้าสาวอย่างเธออาจจะรู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้ายด้วยซ้ำ
…ตลกร้าย…
“นะเกี๊ยวนะ”
มือหนาที่ใส่นาฬิกาเรือนเหยียบแสนยื่นมาลูบหลังมือเธอด้วยแววตาเว้าวอนอย่างน่าสะอิดสะเอียดจนต้องขยับมือหนี
“เกี๊ยวว่าเกี๊ยวอิ่มแล้วเรากลับบ้านกันดีกว่า”
“เกี๊ยว พี่เป็นผู้ชายถ้าไม่ทำกับแฟนแล้วจะให้ไปทำกับใคร…ซื้อกินงั้นเหรอ”
“ก็ได้ค่ะ เกี๊ยวไม่ติด”
“เกี๊ยว”
จากลูบหลังมือเปลี่ยนมาเป็นคว้าข้อมือบางของเธอไว้แล้วบีบเบาๆ แต่เธอเจ็บ ผิวขาวๆ แดงเห่อ
“ปล่อยนะ พี่วาคงเมาแล้วเราแยกกันกลับนะคะ”
กณิสราสะบัดข้อมือหนีแล้วลุกออกจากร้านอาหารโดยไว
“เกี๊ยว…”
ฉัตรชวาที่กำลังจะตามออกมาแต่ถูกบริกรของร้านดึงตัวไว้ให้ไปจ่ายค่าอาหารทั้งหมดเสียก่อน กณิสราจึงมีเวลาหนีออกมาจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉัตรชวาพยายามขอมีอะไรกันกับเธอแม้จะหลีกเลี่ยงได้ทุกครั้งแต่คืนแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าคงหนีไม่พ้น
แหวนแต่งงานถูกถอดใส่ลงในกระเป๋าถือบนหน้าตัก พร้อมกับถอดสายตามองออกไปข้างนอกรถแท็กซี่อย่างเหนื่อยใจ
“เป็นอะไรแม่หนู”
เสียงถอนหายใจเกินสิบครั้งจนคนขับอดถามไม่ไหว
“คุณลุงเคยเหนื่อยใจไหมคะ”
“คนจนแบบลุงก็เหนื่อยใจทุกเรื่องแหละโดยเฉพาะเรื่องเงิน ไม่พอใช้บ้าง ไม่พอกินบ้าง…แล้วแม่หนูล่ะ”
“นั่นสิคะ เงินคงสำคัญมากจริงๆ”
“สำคัญสิแม่หนู มีเงินมีข้าวกิน มีบ้านดีๆ อยู่ ถ้าไม่มีเงินนะก็หมาข้างถนนดีๆ นี่แหละ”
“ค่ะ”
บ้านที่กำลังล้มละลาย ถ้าไม่ได้ครอบครัวของฉัตรชวามาช่วยไว้ครอบครัวของเธอก็คงต้องไปนอนข้างถนนจริงๆ นั่นแหละ
“ใครว่าเงินไม่ใช่พระเจ้าอย่างน้อยก็บันดาลข้าว บันดาลยารักษาโรคดีๆ มีสิทธิ์การรักษาที่ดีเมื่อเจ็บป่วยไม่ต้องไปนอนรอความตาย”
“ค่ะ”
“เอ้าถึงบ้านแล้วแม่หนู หลังใหญ่โตเชียว”
หมู่บ้านคนรวยที่คนภายนอกเรียกแบบนั้น บ้านหรูที่ราคาเกินห้าสิบล้าน แต่ใครจะรู้ว่าคนในบ้านกรอบแทบแห้ง ลำพังเพียงแค่ร้านเบเกอร์รี่เล็กๆ ที่เธอเปิดก็ไม่พอยาไส้…แต่เธอว่าไม่จริงถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอยอมขายบ้านหลังนี้เอาเงินไปใช้หนี้จากธุรกิจที่ขาดทุนย่อยยับและหาซื้อบ้านราคาปานกลางพออยู่อาศัยก็บรรเทาความทุกข์ยากลงไปได้บ้าง แต่บุพการีของเธอไม่ต้องการลดตัวเองจากศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ เธอจึงต้องกลายเป็นความหวังของการกลับมามีหน้ามีตาในสังคมจอมปลอมอีกครั้งโดยการแต่งงานกับฉัตรชวาและหนี้ทั้งหมดถือเป็นโมฆะ
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนูของอ่อน”
“กลับมาแล้วค่ะ”
หญิงสาวยิ้มเนือยๆ ส่งกระเป๋าถือให้แม่นมที่ดูแลเธอมาตั้งแต่แบเบาะ นมอ่อนประคองเธอเดินขึ้นบ้าน ชุดเดรสแขนกุดสีขาวกระโปรงยาวครึ่งน่องถูกรูดซิปลงจนถึงเอว
“ไปอาบน้ำนะคะจะได้สบายตัว”
“ขอบคุณนมอ่อนมากนะคะที่ดูแลเกี๊ยวมาตลอด”
กณิสราเข้าไปกอดหญิงวัยชราด้วยความรักเดียวที่พอจะทดแทนคุณได้
“คุณหนูของอ่อนมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ”
“เกี๊ยวจะต้องแต่งงานแล้วนะคะ…เกี๊ยวไม่อยากแต่งเลย”
“ไม่เอาไม่พูดแบบนั้นนะคะ ถ้าคุณท่านทั้งสองมาได้ยินเข้าบ้านแตกแน่ๆ”
“เกี๊ยวอยากให้คุณพ่อคุณแม่ขายบ้านหลังนี้ อีกหน่อยถ้าไม่มีเกี๊ยวแล้วใครจะช่วยนมอ่อนทำงานบ้านคะ…แม่บ้านคนอื่นๆ ก็ออกไปหมดแล้ว”
“โธ่ คุณหนูของอ่อนมีกระจิตกระใจนึกถึงแม่บ้านแก่ๆ คนนี้”
“เพราะนมอ่อนคือครอบครัวของเกี๊ยวนะคะ”
หลังจากที่ธุรกิจของผู้เป็นพ่อล้มละลาย ค่าใช้จ่ายภายในบ้านก็ต้องประหยัดขึ้น และแม่บ้านก็คือสิ่งแรกที่หายไปกลายเป็นกณิสราที่ตื่นขึ้นมาทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงอาหารเช้าและอาหารเย็นด้วย เสาร์อาทิตย์ก็เลือกที่จะไปเปิดร้านสายหน่อยเพราะอยู่ช่วยนมอ่อนปัดกวาดเช็ดถูไม่ให้คนสูงอายุทำงานหนักจนเกินไป
“ไปอาบน้ำเถอะค่ะ นมอ่อนขัดผิวให้นะคะ”
“นมอ่อนไปนอนเถอะค่ะ วันนี้เกี๊ยวเหนื่อยๆ ไม่อยากอาบน้ำนานค่ะ”
“งั้นพักผ่อนนะคะคุณหนูของอ่อน”
“ค่ะ ฝันดีนะคะ”
หญิงสาวลูบต้นแขนของตัวเองเบาๆ มองคนที่รักเหมือนแม่คนที่สองเดินออกไปจนลับตา…ประตูถูกปิดลง คุณแม่ของเธอเคยเสนอเงินให้นมอ่อนก้อนหนึ่งให้ไปตั้งตัวด้วยเห็นว่าอยู่ดูแลกันมาหลายปีเมื่อครั้งที่กำลังจะล้มละลาย แต่นมอ่อนของเธอไม่มีญาติที่ไหนจึงขออยู่ด้วยแม้จะไม่ได้รับเงินเดือนก็ตาม ขอแค่แลกกับที่อยู่ที่กินแค่นั้นพอ
“เหลือเวลาอีกสองเดือนแล้วสินะ”
กณิสรายกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะเดินไปหยิบรูปโพลารอยด์ในกล่องสมบัติใบเล็กบนหัวเตียงนอนขึ้นมาดู รูปที่ฉัตรชวาเคยถ่ายให้เธอตอนไปเที่ยวไร่องุ่นของครอบครัวเขาที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยกัน ฉลองที่เธอสอบติดมหาวิทยาลัยและเขาก็ขอเธอเป็นแฟนครั้งแรกในวันนั้น แต่ดูเหมือนฉัตรชวาว่าที่เจ้าบ่าวของเธอคนนี้จะจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ
‘พี่ไม่มีกล้องโพลารอยด์นะ ไม่เคยใช้ด้วย’
‘พี่จำไม่ได้อะเกี๊ยว พี่ขอเกี๊ยวเป็นแฟนใหม่นะ’
‘พี่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเป็นแผลเป็นเลย ไม่ใช่สิพี่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเป็นแผลด้วยซ้ำ’
และอีกมากมายที่ดูเหมือนเขาจะลืมมันไป…