เฮียหยาง?

1329 Words
ฉันอาบน้ำในห้องน้ำสุดหรูอย่างเจียมตัว ทั้งๆ ที่ในห้องนี้ก็มีแค่ฉันอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ถามว่าใช้เครื่องสุขภัณฑ์อะไรเป็นบ้างนอกจากฝักบัวที่แขวนอยู่ตรงผนัง ต้องตอบว่าขนาดอ่างอาบน้ำฉันยังเปิดมันไม่เป็นเลยค่ะ ทุกตัวอักษรที่บอกหน้าที่ของมันล้วนเป็นภาษาอังกฤษ...นั่นล่ะ คนที่เรียน กศน.มาทั้งชีวิตจะเก่งภาษาได้ก็ต้องตั้งใจฟังคุณครูและขยันให้มาก ซึ่งมันไม่ใช่ฉันที่เรียนบ้าง หยุดบ้างเพราะต้องเอาเวลาทั้งหมดไปทำงานหาเงิน ไม่ใช่นั่งอ่านหนังสือเพื่อรอวันสอบเพียงอย่างเดียว “ต้องใส่ชุดยังไงน่ะ” ฉันใช้มือที่เต็มไปด้วยสีสันอันน่าขัดตา หยิบชุดนั้นชุดนี้แล้วเปลี่ยนมันไปมาเพราะไม่ค่อยถูกใจ จะบอกว่ามันคนละสไตล์ก็ไม่ผิดนัก...เดิมทีเจ้าของร่างสวยสดคงจะชอบใส่ชุดรัดรูป นุ่งสั้น แต่งหน้า ไม่เหมือนฉันหรอกค่ะ ที่จะมีโอกาสใส่กระโปรงแค่ตอนไปเรียนหนังสือ นอกนั้นเป็นกางเกงทั้งหมด “เอาชุดนี้ก็ได้” สุดท้ายก็จำเป็นต้องหยิบชุดกระโปรงเสมอเข่าลายตารางออกมาสวม ก่อนจะเดินไปนั่งตรงหน้ากระจก ท่ามกลางกระปุกครีมราคาแสนแพง ความยุ่งยากเริ่มขึ้นอีกครั้งเพราะตัวหนังสือบนกระปุกนั้นมันเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ฉันนั่งอ่าน...แหะๆ อ่านได้เสียที่ไหนล่ะคะ นอกจากดูคำว่า Day Night แล้วเลือกใช้มันตามเวลา ส่วนเครื่องสำอางอย่างอื่นที่วางอยู่ตรงช่องด้านซ้าย ฉันก็แค่เลือกทามันลงบนเปลือกตาให้เป็นสีฟ้าสลับขาวแบบจางๆ ลิปสติกสีใสเน้นมันวาวคือสิ่งที่ฉันให้ความสนใจมันเป็นอันดับแรก ไม่รู้ว่าการแต่งตัวแบบนี้จะแปลกตาสำหรับคนอื่นมากไหม แต่ฉันก็เลือกที่จะแปลกตอนนี้ดีกว่าละเลงทุกอย่างไปบนผิวหน้าใสๆ จนดูตลกทั้งๆ ที่ฉันแต่งหน้าไม่เป็น “เอาล่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนะ” ห้องโถงชั้นล่าง ภาพนีรญาเดินลงบันไดหรูหราฉุดรั้งสมาธิของแม่บ้านทุกคนในที่นั้น นั่นเพราะความอ่อนหวานบนใบหน้า ชุดเสื้อผ้าที่แม้จะดูเข้ารูปแต่ก็ดูเรียบร้อย…คุณนีมของพวกเธอเปลี่ยนไป! 'เอ่อ’ ฉันเดินลงไปข้างล่างด้วยความรู้สึกเขินนิดๆ เมื่อแม่บ้านทั้งหมดต่างพากันมองฉัน แต่ก่อนเป็นยังไงฉันไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยากเป็นเจ้าของร่าง “เอ่อ คุณแม่อยู่ไหนคะ” มันคือคำถามปกติใช่ไหม? แม่บ้านทำความสะอาดกลับหันมองหน้ากันราวกับนัดหมาย ทุกคนในที่นี้ต่างคิดว่านี่คือเรื่องแปลกอีกเรื่องที่ใหญ่มาก ‘คุณนีมไม่เคยพูดคะขา ไม่ชอบทักคนรับใช้ สำคัญกว่านั้นคือไม่เคยมองเลยด้วยซ้ำ!’ “คุณกัลออกกำลังกายอยู่หน้าบ้านค่ะ” เจี๊ยบ หนึ่งในลูกจ้างของบ้านหลังนี้ ตอบอีกฝ่ายไปตามหน้าที่ แม้แต่ก่อนนั้นเคยไม่ชอบหน้ายังไง ตอนนี้ก็เหมือนเดิม ^^ “ขอบคุณนะคะ” ฉันเดินออกจากห้องโถงมุ่งตรงไปยังหน้าบ้าน อากาศในตอนเช้าแบบนี้ช่างเหมาะกับการเดินเล่นเสียจริงๆ ขาเรียวขาวค่อยๆ ก้าวไปตามทิศทางด้านหน้า ในสายตาเห็นประตูบานใหญ่เปิดกว้างต้อนรับแสงแดดรำไร ตอนนี้กับชีวิตใหม่ในร่างคนอื่นแต่หัวสมองของฉันก็ยังไม่หยุดคิดกับเรื่องที่ควรทำ “คุณแม่คะ” ^^ คนถูกเรียกหันกลับมามองทั้งๆ ที่ยังค้างอยู่ในท่ารำไทเก๊ก “นีมทำเซอร์ไพรส์แม่นะวันนี้” กวาดตามองลูกสาวที่มวยผมไว้ด้านบนเพราะยังไม่ได้สระ หากเดาไม่ผิดคนรักสวยรักงามแบบนีรญาคงไม่พ้นต้องขอตัวไปร้านเสริมสวยเพื่อสระผม ‘แต่นั่นหมายถึง ถ้าลูกสาวหายตกใจแล้ว เธอก็อนุญาต’ “มีอะไรรึเปล่า” สำรวจการแต่งตัวที่ดูจะเรียบร้อยกว่าเดิมล้านเท่า ชุดกระโปรงลายตารางเสมอเข่ากับการแต่งหน้า…เพราะนีรญาเป็นคนสวยสุขภาพดี จะให้ใส่ชุดไหน คนเป็นแม่อย่างเธอก็บอกได้ว่าเหมาะไปหมด ฉันกวาดตามองไปทั่วบริเวณสวนกว้าง เห็นคุณพ่อกำลังวิ่งไปรอบๆ สวนสวย ไม่ไกลกันนักเป็นพี่ชายของเธอ พี่นามกับลูกสาว ‘ชีวิตของคนรวย แบบพวกเขาจะมีเรื่องเครียดเหมือนคนจนรึเปล่านะ’ “หนูอยากจะออกไปข้างนอกน่ะค่ะ คือหนู” ฉันอ้ำๆ อึ้งๆ กับคำที่ว่าจะขอไปโรงพยาบาลแต่เมื่อเห็นคุณแม่เอียงคอมอง ฉันจึงเปลี่ยนคำพูดที่คิดว่าท่านน่าจะสบายใจมากกว่า “ขอไปร้านทำผมได้ไหมคะ ไม่ใช่ร้านเดิมก็ได้ คือหนูอยากสระผมน่ะค่ะ” ‘คำว่าหนูที่นีมไม่เคยพูด ดังย้ำให้คนเป็นแม่อย่างกัลยาได้ยิน’ แม้จะยังแปลกใจ แต่ก็ไม่พูดขัดเพราะเธอก็ฟังคำนี้มานานนับสัปดาห์ตั้งแต่ที่ลูกสาวฟื้นคืนสติในโรงพยาบาล “ได้จ่ะ ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วแต่ต้องบอกช่างเขาด้วยว่าให้ระวังๆ หน่อย อย่าเกาแรง นีมอยากให้แม่ไปเป็นเพื่อนไหม” °∆° ฉันส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปกับลุงคนขับรถก็ได้” “ตามใจลูก งั้นทานข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยไปนะ” กัลยาหันกลับมารำไทเก๊กต่อ ในขณะที่สายตายังคงมองตามร่างลูกสาวที่เดินเล่นอยู่ตรงบริเวณนั้นไปอย่างเงียบๆ ไม่น่าเชื่อว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้จะเปลี่ยนบุคลิกของนีรญาจากหน้ามือเป็นมือ หากย้อนถามว่าลูกสาวเปลี่ยนไป ตัวเธอที่เป็นแม่จะกังวลใจอะไรรึเปล่า…อาจจะตอบได้ว่าไม่กังวลใจ หากนีรญาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี ดูอ่อนน้อม ดูเรียบร้อย ‘ไม่สิ! ไม่ใช่ว่านิสัยเดิมของลูกจะไม่ดี มันดีกับพ่อแม่ แต่ยังดูถือตัวกับคนอื่น’ “ยังไงก็คือนีมนั่นล่ะนะ” คนเป็นแม่เปรยออกมาเบาๆ และหยุดคิดเรื่องเพ้อเจ้อ หลังจากทานข้าวเช้าไปเพียงเล็กน้อย ฉันจึงขอตัวเดินกลับขึ้นไปบนห้องเพื่อเตรียมที่จะออกไปข้างนอก จากการสำรวจคร่าวๆ ไปแล้ว นอกจากเตียงนอนขนาดใหญ่ ชุดโซฟาสำหรับปรับนอนดูทีวีจอยักษ์ ห้องน้ำหรูหรา ห้องเสื้อผ้าที่อยู่ติดกันกับห้องน้ำ ฉันยังสังเกตเห็นตู้เซฟสูงเกือบจะถึงเอวด้วยค่ะ ‘เรื่องตู้เซฟตัดไปเพราะฉันเปิดไม่เป็น’ และจุดสนใจในตอนนี้คือโต๊ะข้างหัวเตียงที่ยังคงมีกระเป๋าถือใบเล็ก ด้านในมีบัตรสารพัดชนิดรวมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนที่ยืนยันตัวตนว่าฉันคือ นีรญา จิระโภคินัย หรือนีม อายุยี่สิบห้าปี ด้านในนั้นยังมีธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาทอัดแน่นอยู่นับไม่ถ้วนซึ่งฉันขอหยิบมันออกมาเพียงสองใบพร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชนแล้วเก็บทั้งสองสิ่งเอาไว้ในกระเป๋าสะพายข้างที่ฉันเลือกหยิบมันออกมาใช้สำหรับเดินทาง “ขออนุญาตนะคะ” ในความหมายคือต้องขออนุญาตเจ้าของร่างจริงๆ และจังหวะที่กำลังจะออกจากห้อง เสียงโทรศัพท์มือถือที่ฉันเพิ่งได้มันมาเมื่อวานกลับดังขึ้น ตริ้ดๆๆ ตริ้ดๆๆ~พี่รติ~ ฉันถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะนึกไปถึงพี่ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นที่เจอกันในโรงพยาบาล ตอนที่ฉันฟื้นคืนสติ พี่ชายจากครอบครัวคนจีนที่สนิทสนมกับครอบครัวของฉันและฉันต้องกดรับสาย ติ่ด! “สวัสดีค่ะ” “หืม…นั่นนีมรึเปล่า” ถ้าฉันบอกว่าไม่ใช่ มันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ “ค่ะ” “... ลงมาหาเฮียหน่อยครับ รออยู่ข้างล่าง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD