จนกว่าจะไม่มี

1313 Words
ทางด้านรติหรือหยางลูกชายคนโตของเถ้าแก่ซือยี่เทาใช้จังหวะที่ทุกคนกำลังเงียบ เดินเข้าไปยืนอีกฝั่งของเตียงคนไข้เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังร้องไห้และทำท่าไม่สบายใจ เขาเข้าใจเหมือนทุกคนว่านีรญายังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา มือแกร่งจับหน้าผากของสาวสวยวัยเบญจเพสพร้อมกับปลอบโยนเสียงนุ่ม “นีมไม่ต้องกังวลหรือพูดอะไรตอนนี้” เขาหมายถึงเรื่องอุบัติเหตุร้ายที่ตัวเขาเองแม้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่เขายังจำเสียงกรีดร้องในโทรศัพท์ของวันนั้นได้อย่างชัดเจน “เรื่องทุกอย่างเฮียกับทุกคนจะเคลียร์ให้เอง เข้าใจรึเปล่า” ลูบผมอีกฝ่ายที่ส่งแววตาสั่นไหวคล้ายลังเลไม่แน่ใจมาให้ นีรญาที่เขาเห็นในตอนนี้มองทุกคนในห้องเหมือนกับว่ากำลังมองคนแปลกหน้า ไม่ต่างกับเขาที่มองเห็นความอ่อนน้อมถ่อมตน? แบบแปลกๆ ของอีกฝ่ายและพยายามคิดไปในทางที่ดีว่านีรญาคงไม่ได้ความจำเสื่อม? ‘ไม่สิ เขาจะตัดสินอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ถ้าหากหมอเจ้าของไข้ยังไม่ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับผลข้างเคียง’ “ช่วงนี้ก็พักผ่อนให้มากๆ ไว้เดี๋ยวเฮียว่าง จะมาเยี่ยมอีก” เขาถอยฉาก เมื่อป้ากัลยาผู้เป็นแม่ของนีรญา คว้าร่างลูกสาวมาหอมที่ยังคงมีผ้าสีขาวพันรอบศีรษะ บาดแผลนอกร่มผ้า มีให้เห็นไม่มากนักหากเทียบกับอาการเบลอของน้อง ซึ่งเขาเชื่อว่าอีกไม่นานมันคงหายดี เวลาผ่านไปสักพัก เมื่อญาติผู้ใหญ่ของสองครอบครัวพูดคุยกันถึงเรื่องงานและเรื่องอุบัติเหตุจนเสร็จจึงได้ร่ำลากันเพื่อแยกย้าย “ขอบใจมากนะอายี่” สิงหาบอกเพื่อนสนิทเชื้อสายจีนที่พบกันเมื่อสี่สิบปีก่อนมาจนถึงวันนี้ วันที่เขาและครอบครัวของอีกฝ่ายมีธุระกิจร่วมกันอยู่อย่างสวนอาหารไทยจีนขนาดกว้างถึงสิบห้าไร่ ครอบคลุมพื้นที่ริมแม่น้ำ การบริหารงานเป็นไปได้ด้วยดีจากการร่วมมือของลูกสาวของเขา นีรญาและรชาหรือหยก ลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่ซือยี่เทา “ขอบใจอะไรของลื้อ ถ้าจะหมายถึงเรื่องที่อาหยางอีโทรไปบอกทุกคนก็ไม่เป็นอะไร เอาเป็นว่าวันนี้อานีมก็ปลอดภัยแล้ว ทางอั้วก็ควรจะกลับบ้านปล่อยให้พวกลื้อได้อยู่ปลอบอานีม” ตบไหล่เพื่อนรัก “วันพรุ่งนี้จะให้อาหยางจะมาเยี่ยมแต่เช้า อยากได้อะไรก็บอกได้” ยิ้มในหน้า สิงหาได้แต่หัวเราะในลำคอกับความพยายามให้ลูกของเขาและลูกของอีกฝ่ายรักกัน แม้ใจเขาอยากจะค้านแต่อีกใจก็แอบหวังว่าถ้าได้ดองกันจริง คงเข้าตำรา ‘เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน’ ยิ่งอีกฝ่ายคืออาหยาง ผู้ชายที่บริหารงานบริษัทส่งออกรังนกด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งอยากจะเกี่ยวดอง…แต่สุดท้ายก็ต้องรอดูท่าทีกันไปก่อนเพราะทางลูกสาวของเขาเอาแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง “ไม่เป็นไร อั้วมีเจ้านามอยู่อีกคน ลื้ออย่าลืม” เขาหมายถึงนากรลูกชายคนโตที่อายุยี่สิบแปดปี ซ้ำตอนนี้ก็เป็นพ่อม่ายเรือพ่วง สาเหตุของการหย่าร้างไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย ‘ก็แค่นากรมัวแต่ทำงานจนเมียหนี’ ดีหน่อยที่อดีตสะใภ้จากไปแต่ตัวไม่เอาหลานของเขาไปด้วย ไม่อย่างนั้นบ้านของเขาคงเงียบเหงาเหมือนบ้านของเพื่อนสนิทเชื้อสายจีนคนนี้ “อาขอบใจหยางกับหย่งมากนะ” คำหลังบอกกับสองหนุ่มรุ่นลูกที่ช่วยกันโทรไปตามทุกคนให้มาที่นี่เมื่อหกชั่วโมงก่อนหน้า จนถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังไม่ไปไหน “ไม่เป็นไรครับอา” รชวินหรือหย่ง ตอบเพื่อนสนิทของเตี่ยที่เขานับถือเหมือนกับเป็นพ่ออีกคน ในขณะที่เฮียหยางผู้เป็นพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างเขาทำเพียงแค่ผงกศีรษะตอบรับคำขอบคุณจากผู้ใหญ่ ตระกูลฉัตรภากรพากันเดินทางกลับบ้านในเวลาเกือบห้าโมงเย็น โดยที่ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านเนื่องจากขับรถมาคนละคัน ก่อนจะนัดพบเพื่อทานอาหารเย็นที่บ้านใหญ่ (ในพื้นที่ของบ้านหลังใหญ่จะมีบ้านเล็กของสามพี่น้องร่วมอยู่ด้วย ไม่นับคอนโดส่วนตัวของแต่ละคน) &&&& โรงพยาบาล (เจ็ดวันผ่านไป) ฉันในสภาพมวยผมขึ้นสูงเพราะยังไม่ได้สระผมและอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าเสมอเข่าเดินตามคุณแม่กัลยาออกไปด้วยท่าทางเหม่อลอย ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลนั้นฉันเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องของการสลับร่างสลับวิญญาณที่แม้แต่วงการวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริง หนำซ้ำการคืนร่างให้กับเจ้าของคนเดิมก็ยิ่งไม่มีหนทางเป็นไปได้ เพราะฉันไม่รู้ว่ามันจะคืนร่างกันได้ยังไง ทำได้ไหม ให้ใครทำ...ไม่รู้เลยสักอย่าง และแม้จะรู้แบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้หัวสมองหยุดคิดไปได้เลย ฉันเดินตามคุณแม่ไปขึ้นรถคันหรู รถหรูที่คิดว่าตัวเองในชาตินี้คงไม่มีวาสนาได้ขึ้นไปนั่ง รถที่ช่างไกลเกินเอื้อม แต่แล้วในวันนี้การได้นั่งบนรถหรูนั้นมันช่างง่ายดายและไร้ความตื่นเต้น เปรียบเสมือนความเหน็ดเหนื่อยทางกายยังเทียบไม่ได้กับทางใจ ฉันบีบมือที่มีสีสันเต็มเล็บจนมันเจ็บอยู่บนหน้าตัก ชุดกระโปรงยาวสีฟ้า เนื้อผ้านุ่มลื่นคาดเดาราคาไม่ได้คล้ายแรงกดดันว่าฉันอย่าได้เผลอไปทำมันขาด เพราะไม่อย่างนั้นลำพังแค่ตัวจริงของฉัน ชาตินี้ทั้งชาติก็อาจไม่มีปัญญาซื้อมาคืนเจ้าของร่าง “นีมของแม่เป็นอะไรอีกน่ะ หืม” กัลยาเริ่มถามด้วยน้ำเสียงติดจะกังวลอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้คุณหมอเจ้าของไข้ได้ย้ำกับเธอและสามีแล้วว่านีรญาไม่เป็นอะไร ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือสมอง หรือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้จะเป็นความตกใจที่เธอไม่สามารถรักษาได้นอกจากตัวของนีรญาเอง ฉันที่ไม่ใช่เจ้าของชื่อตัวจริงแอบถอนหายใจกับคำถามเดิมๆ นั้น แม้บ่อยครั้ง ก็อยากจะสารภาพกับท่านว่าหนูไม่ใช่ลูกคุณ ติดตรงที่ฉันยังพูดมันออกไปไม่ได้เพราะสิ่งที่ตามมาคงเป็นความเสียใจของท่านแน่ๆ คำที่เอ่ยออกมาจึงเป็นเพียงข้อแก้ตัวเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจเท่านั้นเอง “หนูไม่เป็นไรค่ะ แค่ภาพจำในร้านเสริมสวยนั้นยังติดตา แต่หนูคิดว่าอีกไม่นานก็คงหายดี คุณแม่ไม่ต้องคิดมากนะคะ” คำพูดอ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ส่งผลให้อีกฝ่ายยิ้มและกอดฉัน อ้อมกอดนี้ยังคงอบอุ่นเหมือนครั้งแรกและอีกหลายๆ สิบครั้งที่ท่านแสดงออกให้ฉันเห็นว่าท่านรักและเป็นห่วงฉันมากเหลือเกิน ‘ความห่วงหาอาทรจากแม่สู่ลูก ที่ฉันไม่เคยได้รู้จัก ไม่เคยได้สัมผัส ฉันขอเก็บมันเอาไว้จนกว่าจะถึงวันที่ฉันต้องเสียมันไปนะคะ’ “ถ้าไม่อยากให้แม่คิดมาก นีมก็อย่าทำให้แม่เป็นห่วงสิจ๊ะลูก เรื่องอุบัติเหตุน่ะถ้าลืมไม่ได้ก็อย่าไปนึกถึงมันให้ตัวเองต้องรู้สึก เข้าใจไหม” ^^ “ค่ะ หนูเข้าใจ” ฉันยิ้มหวานพร้อมกับกอดเอวท่านไปอย่างนั้น รถคันหรูจอดลงตรงทางขึ้นของบ้านหลังใหญ่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD