เขาทำจริงๆ
ทำไม?
คำๆนี้วนเวียนเต็มหัวไปหมด มดตะนอยกอดเข่า หลายครั้งที่เธอฟุบหน้าลงบนฝ่ามือร้อนฉ่าและชุ่มไปด้วยเหงื่อนั้นราวกับเป็นการกอดตัวเอง ดวงตาทั้งสองก็แสบเคืองไปด้วย
เธอกลัว..
ในใจลึกๆ กำลังบอกเธอ คนปริศนาผู้นั้นไม่ใช่คนดี และสามารถทำอย่างที่พูดได้ทุกเมื่อ ดูจากการปล่อยให้เธออดข้าวอดน้ำ และกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วยกลไกที่แน่นหนากว่าเดิม มากกว่าตอนซึ่งเธอไม่มีปัญญาพอที่จะหนีรอด ถ้าเช่นนั้นนับประสาอะไรในตอนนี้
“บ้าเอ๊ย!”
สาวเจ้าหงุดหงิด อยู่กับที่ไม่ถูก ข้างในร้อนรนดุจเหล็กถูกเผา คิดถึงคนที่ตาย คิดถึงมาลัย คิดถึงเพื่อนอย่างอัญชัน อยากกลับบ้านไปอยู่ในจุดที่เคยอยู่ใจจะขาด อย่างน้อยที่นั่นก็ไม่ปล่อยเธอต้องนั่งหิวโหยอยู่แบบนี้ เขาคนนั้นช่างใจร้าย ใจร้ายกับเธอเกินไป
ว่าแล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา ครั้งหนึ่งเธอเคยเอ่ยปากชมเขาต่อหน้าอัญชันด้วย แถมเก็บมาเพ้อฝันเพราะรูปลักษณ์ภายนอกราวเทพบุตรที่ภายในแสนจะอัปลักษณ์ ที่แท้เขาก็คือซาตานเลือดเย็นตนหนึ่ง!
“สารเลว..ฮึก”
มดตะนอยสบถด้วยน้ำเสียงสะอื้น ก่อนจะทิ้งตัวนอนราบอย่างสิ้นหวัง ทั้งโกรธเขา ทั้งเกลียดตัวเองในเวลาเดียวกัน
ด้านของสงคราม
ลานกว้างสำหรับดิ่งเจ็ทส่วนตัวลงมาเหยียบพื้นที่เรียบ และร่างสูงหลุดออกมาจากบริเวณนั้น เขาอาศัยรถมุ่งหน้าไปยังองค์กรทันที ด้วยความเร่งและเวลาที่จำกัด
“เสร็จจากการประชุม นายมีนัดกับคุณโอลีเวียนะครับ”
นิ้วมือกำลังรูดอยู่บนจอไอแพดชะงักกึกกลางคัน เพียงแค่ได้ยินประโยคนี้ ประหนึ่งความเคลื่อนไหวไหลลื่นแต่อยู่ๆ เกิดติดขัด ก่อนจะไปต่อเมื่อผ่านจุดนั้นสายตามาเฟียหนุ่มเย็นชาปานนักรบ เขาละจากหน้าจอที่ว่าเพื่อจ้องมองไปยังที่อื่นแบบไม่ได้จดจ่อสักเท่าไหร่ เสมือนกำลังใช้ความคิดซึ่งคิดเท่าไหร่คำตอบจากใจก็ยังคงเดิม หล่อนผู้นั้นไม่ใช่คนโปรดของเขาอีกต่อไปแล้ว หรืออันที่จริงอาจไม่ใช่ตั้งแต่ทีแรกเลยก็ได้ เพียงแต่เส้นสายธุรกิจมืด ที่องค์กรกำลังทำโดยมีสมาชิกครอบครัวเขาอยู่ในแผนงาน ชีวิตมากว่าครึ่งของพวกเขาติดหนึบอยู่ในนั้น เปรียบเทียบได้ว่าหากพลาดท่าล้มเหลวเพราะถูกใครสักคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้คิดร้ายทรยศหักหลังพวกเขาจะไม่มีวันยืนหยัดขึ้นมาได้อีกเลย จึงไม่แปลกผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหมากให้เขานั้นเดินเกม
แต่อย่างไร สำหรับเขาแล้วถ้าวันหนึ่งเขาต้องเลือกขึ้นมาจริงๆ หล่อนจะไม่มีอิทธิพลกับเขาเลยแม้แต่เหลียวมอง คนในครอบครัวต่างหากที่เป็นทุกสิ่งที่อย่างสำหรับเขา ทว่าก็ใช่ว่าอุดมการณ์จะชักจูงให้เขาทำเช่นนั้นดุจหุ่นเชิดไปตลอดได้ ความอดทนเป็นสิ่งที่ไม่ตาย เมื่อใดที่ทนไม่ไหวกับความเรื่องมาก เยอะแยะของเจ้าหล่อนขึ้นมา เขาที่ว่ารักครอบครัวในองค์กรหนักหนา ก็พร้อมที่จะล้มกระดานเช่นเดียวกัน!
ความเย็นชาในขณะนี้ เป็นเหตุให้คัสเตเว่นต้องคอยลุ้น เผื่อการรายงานเกี่ยวกับการนัดหมายต่อแฟนสาวของเขา ซึ่งพักหลังๆมานี้เป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยพึงพอใจอยู่แล้วจะทำให้ไม่พอใจเข้าไปใหญ่ แล้วมาหางเลขกับคนรายงานอย่างเขา แต่เมื่อเห็นว่าผิดถนัดโดยสิ้นเชิง ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด จึงทำการหายใจโล่งอกในทันที
แต่ก็นั่นแหละ เขาต้องมาอึดอัดกับความเงียบแทน ที่มันเงียบเสียจนอึดอัด ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่..
จนกระทั่งถึงที่หมาย..
ห้องประชุมขนาดเล็กเหมาะสำหรับบรรจุคนไม่เกินสิบห้าคน ด้วยเพราะที่แห่งนี้เปรียบเสมือนห้องลับไว้สำหรับเจรจาเรื่องสำคัญเท่านั้น ซึ่งวันนี้มีสมาชิกอัลฟาเข้าร่วมประชุมแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นมีสงครามด้วย เขาอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเอเชียก็เพื่อพบเขาคนนี้โดยเฉพาะ
เรอัสซ์ พี่ใหญ่..
“นายไม่ควรช่วยเธอนะสงคราม”
อยู่ๆเขาก็เปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังก้มต่ำลงดูแผนผัง จับต้นชนปลายระหว่างจุดเริ่มต้นของแผนการถึงปลายจุดจบเกี่ยวกับการค้าที่เสี่ยงที่สุด หากแต่คุ้มค่าถ้างานสำเร็จลุล่วงชะงักกึกกลางอากาศ ก่อนเหลือบตาขึ้นมา
“ทำไมครับ?”
“นายน่าจะปล่อยให้เธอนอนแน่นิ่ง ค่อยๆหมดลมหายใจไปเองอยู่ตรงนั้น”
เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง
“มันจะไม่ดูโหดร้ายไปหน่อยหรือ? เธอแค่เอาแต่ใจนิสัยเด็ก ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย”
ความไม่พึงพอใจเปอะเปื้อนเต็มใบหน้า เหงื่อเม็ดใหญ่ค่อยๆผุด การขมวดคิ้วชนกันของเขาแสดงออกถึงความไม่ชอบอย่างชัดเจน
“ก็ความไม่รู้เดียงสานั้นไง จะทำเราเดือนร้อนเอาสักวัน”
“เพราะพ่อเธอหักหลังเราอย่างนั้นเรอะ.. หรือพี่กลัวจะเลี้ยงเธอไม่เชื่อง?”
ไม่พูดเปล่าแต่กลับจ้องหน้าเรอัสซ์ด้วย สถานการณ์ความเงียบตอนนี้จึงกลายเป็นความอึมครึมฉับพลัน บรูโน่เลิกคิ้วสูง ก่อนส่ายหน้าช้าด้วยความเอือมระอา เมื่อเห็นถึงความเงียบสงัดที่ไร้ซึ่งคำตอบนั้น เป็นฝ่ายตอบแทน
“เราจะไม่เลี้ยงนะสงคราม เราจะไม่มีวันเลี้ยงดูเด็กคนนั้น”
ใช่ เรอัสซ์ถนัดการออกความเห็น แต่ไม่ถนัดการอธิบายต่อ อย่างสงครามอาจจะไม่เข้าใจเจตนารมณ์ เนื่องจากเป็นรุ่นน้องที่อายุห่างมากพอควรจึงไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ของเรอัสซ์ได้ทุกเรื่อง หากเขาไม่เอ่ยถึง ต่างจากเขาราวกับคลานตามกันมา การมองตาโดยไม่ต้องพูด จึงเป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
เรอัสซ์แค่จะบอกสงครามว่า เพราะผู้หญิงแปลกหน้าที่ทำให้อัลฟาต้องสูญเสียตลอดมาตราบจนถึงทุกวันนี้ ถึงได้ตัดบทการสร้างปัญหาเพิ่มตั้งแต่ต้นลม
หากไม่รัก ยังไม่มีความลึกซึ้ง ถลำลึกเกินคำว่าคนแปลกหน้า ก็ไม่ควรเริ่มผูกเงื่อนต้นตอที่จะทำให้แก้ยาก
นั่นเพราะจะได้ไม่สูญเสียใคร..อย่างเช่นเขา
ดวงตาที่น้ำข้าวกะพริบช้าลงก่อนจะจ้องตามเดิม ภายในเต็มไปด้วยความสับสน น่าแปลกที่ความสับสนนั้นกลับกลั่นคำหนึ่ง ที่ไม่น่าจะหลุดออกมาจากปากเขา
“แล้วจะให้เอาเธอไปไหน ทิ้งทะเล? ฝังดิน? หรือเผาทั้งเป็น? เธอไม่เหลือใครแล้วครับพี่ เด็กคนนั้นที่พี่พูดถึง ตอนนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่สามารถพึ่งพาได้ ผมอยากให้ทุกคนเชื่อใจผม ผมรู้..ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่”
อีกฝั่งนึงของโลก
มดตะนอยเด็กน้อยเมื่อเทียบกับเขาวัยผู้ใหญ่ กำลังหาทางออกจากสถานที่ที่แสนจะอึดอัด แม้จะกว้างขวางแต่สำหรับเธอมันคือคุกดีๆนี่เอง
สาวเจ้าเริ่มตัดสินใจปีนไต่ก็ตอนพยายามสำรวจหาช่องโหว่จนเจอระเบียง ที่ถ้าสามารถไต่เหยียบพัดลมระบายของเครื่องปรับอากาศด้านล่างไปยังอีกฝั่งได้ ก็จะลดความเสี่ยงต่อการกระโดดเพราะต่ำกว่าไปเปราะหนึ่ง
มดตะนอยสำรวจร่างกายตัวเอง ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดสุดลึก หลังรอเวลาให้ดึกสงัดจนผู้คนปกติพากันหลับใหลกันหมด จะมีก็แต่เวรยามที่นั่งและยืนอยู่ไม่กี่คน แน่นอนเธอมั่นใจว่าจะรอดผ่านพ้นตอนนั้น
“พ่อแก้วแม่แก้วช่วยศรีคนนี้ด้วยเถอะจ้ะ”
แต่เธอเป็นคนที่ติดตลก ถึงจะอยู่ในเหตุการณ์ที่คับขันระทึกขวัญแค่ไหนก็ยังไม่วายทำเรื่องเปิ่นๆออกมา
“อย่าให้พลัดตกลงไปตายจนต้องอับอายเขาเลยนะคะ เพี้ยง!”
หญิงสาวหลับตาเรียกหาสมาธิ และสติ สยบความกลัวด้วยการใช้กำปั้นเคาะทรวงอก จากนั้นจึงจะทำการปีนไต่อย่างที่ใจต้องการ ประหนึ่งท้าความตาย
“เย้ย~”
เกือบจะหงายหลังลงไปนอนแอ้งแม้งก็ตอนเท้าข้างหนึ่งก้าวพลาดเพราะขาสั่น บวกกับส่งเสียงตกใจถึงขนาดขย้ำปากตัวเองไว้ เสี่ยงหลุดเสียงหลงให้โดนจับได้เป็นครั้งที่สอง
แต่ทว่าเธอจะรู้ไหมว่าท้ายที่สุด สิ่งที่พยายามทำอยู่นั้นมันกำลังจะสูญเปล่า เมื่อกล้องวงจรปิดที่มีทุกจุดได้บันทึกการกระทำของเธอไว้หมดแล้ว พร้อมกับเจ้าของกล้องกำลังจ้องมองการกระทำนั้นด้วยความขบขันอยู่ เรียกได้ว่าทุกความเคลื่อนไหวของเธอแบบไม่คลาดสายตา
และแน่นอน เขาคงจะแกล้งให้เธอสนุกสนานเสียให้พอ จนกว่าจะหมดสติ หรือไม่ก็หมดแรงล้มลงไปเอง นั่นเพราะเขารู้เธอไม่มีทางหนีรอดไปจากที่ดินร้อยกว่าไร่ด้วยเท้าเปล่าได้แน่ และนอกจากที่ดินผืนนั้นจะเป็นของเขาทั้งหมด คนงานในละแวกนั้นอีกร้อยกว่าคนก็เป็นคนของเขา
“เด็กโง่”