หน้าห้องไวน์..
ก็อกๆ ก็อกๆ ประตูถูกเคาะถี่รัวพร้อมกับเสียงเรียกจากน้ำหวาน
แกร็ก!!! ขุนเขาพี่ชายเดินออกมาเปิดประตู
"เอะอะโวยวายอะไรวะหวาน ผู้ใหญ่เขากำลังคุยกัน" ตอนนี้ทุกคนกำลังคุยปรึกษากันเรื่องงาน
"หลบไป หวานจะเข้าไปคุยกับเตี่ย" เงยหน้ามองพี่ชายด้วยแววตาอาฆาต สายตานี้ขุนเขารู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไร
"หยุดๆ หยุดเลย มีมารยาทหน่อยเตี่ยกำลังคุยงานกับคุณอาเธอร์อยู่" ปกติน้องสาวเขาไม่ใช่คนไร้เหตุผล
"คุยงานอะไรหวานไม่สน ตอนนี้หวานต้องการคุยกับเตี่ยให้รู้เรื่อง"
"เอะอะโวยวายอะไร อาหวาน" เตี่ยเทพเดินออกมาดู ถ้าไม่ออกมาพี่น้องคู่ก็คงไม่เลิกทะเลาะกัน...
"หวานมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเตี่ยให้รู้เรื่องค่ะ " เรื่องของเธอสำคัญที่สุด...
"เอาไว้คุยพรุ่งนี้นะอาหวาน วันนี้อั๊วมีแขก"
"ไม่ได้ค่ะ หวานต้องคุยวันนี้"
"อะว่ามา" เมื่อลูกสาวไม่ยอมเตี่ยเทพก็เดินไปที่หน้าประตู
"หวานพูดได้เลยใช่ไหมคะ" ถ้าพูดได้เธอจะไม่เกรงใจแล้วนะ
"อืม..พูดได้เลย" เตี่ยเทพพยักหน้า
"ทำไมเตี่ยถึงให้คนนอกเข้ามาอยู่ในบ้านของเราคะ เตี่ยก็รู้ว่าหวานอยู่ชั้นสองทำไมต้องให้คนอื่นขึ้นไปพักข้างบนด้วย เตี่ยทำแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ เตี่ยเห็นคนอื่นดีกว่าหวานงั้นเหรอ" น้ำหวานพูดบ่นยาวเหยียด จนเตี่ยเทพต้องรีบเดินออกไปเคลียร์กับลูกสาวข้างนอกให้ขุนเขาอยู่ดูแลแขกคนสำคัญด้านใน...
ภายในห้อง..
"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ" หนุ่มหล่อหันมองด้วยความสงสัย
"ปะเปล่าครับ น้องสาวผมชอบพูดบ่นไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ เตี่ยก็เลยต้องออกไปคุยแต่ไม่มีอะไรครับ" ขุนเขารีบปิดประตูเดินเข้ามานั่ง "ดื่มกันต่อเถอะครับ" ขุนเขารีบรินไวน์ให้ สังเกตมองหนุ่มหล่อเป็นระยะกลัวว่าจะได้ยินที่น้องสาวเขาพูด..
"ผมกำลังทำให้ทุกคนลำบากใจหรือเปล่าครับ"
"ลำบากใจเรื่องอะไรครับ ไม่มีเลย ทุกคนที่นี่ยินดีต้อนรับคุณอาเธอร์ คุณช่วยเหลือบริษัทก็เท่ากับช่วยเหลือครอบครัวของเราไม่มีเรื่องอะไรให้ผมต้องลำบากใจเลยครับ" ขุนเขาพูดไปตามความจริง ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อนหากไม่ได้ชายหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือ ครอบครัวของเขาคงล้มละลายไปแล้ว เขาเองก็รู้สึกละอายใจที่ไม่เคยเข้ามาช่วยเตี่ยทำงานอย่างจริงจัง กว่าจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นได้ก็เกือบจะเสียทุกอย่างไป เขากับเตี่ยจึงรู้สึกขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้ามากๆ
"แต่ผมคิดว่าน้องสาวของคุณไม่ได้คิดอย่างที่ทุกคนคิดนะครับ"
"คุณอาเธอร์อย่าไปสนใจเลยครับ ยัยหวานน้องสาวผมก็แบบนี้กับทุกคนแหละครับกับผมเธอก็เป็น เธอเป็นศัตรูกับผู้ชายทุกคน ไม่งั้นคงมีแฟนมีครอบครัวไปแล้วครับ" ขุนเขารู้เรื่องที่น้องสาวเคยทำร้ายชายหนุ่มจากเตี่ย ก็ยังตกใจว่าไปทำแบบนั้นได้ยังไง...
"น้ำหวานยังไม่มีแฟนเหรอครับ" อาเธอร์หันมองขวับคอแทบเคล็ด
"ใช่ครับ ถ้ายัยหวานมีแฟนผมยินดีบวชพระให้สามพรรษาเลยครับ ฮ่าๆ รายนี้ท่าทางคงโสดไปตลอดชีวิต" ที่กล้าพูดแบบนี้เพราะมั่นใจว่าน้องสาวไม่มีทางมีแฟน นิสัยดุยิ่งกว่าสุนัขพันธุ์พิทบูลผู้ชายที่ไหนจะกล้าเข้าหา กล้าก็บ้าแล้ว ไม่ก็ต้องเป็นพวกเสือโคร่งถึงจะเอาอยู่..แค่คิดก็ขนลุกแทนผู้ชายโชคร้ายคนนั้น ให้น้องสาวเขาอยู่โสดไปเถอะ รักษาชีวิตไว้เป็นดีที่สุด โชคดีที่เมียเขาไม่เป็นแบบนี้
"ขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ??" จากที่ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้ให้ขุ่นเคืองกลายเป็นเรื่องที่เขาอยากจะคุย ความจริงแล้วเขารู้สึกโกรธตั้งแต่ที่ได้ยินเธอเรียกผู้ชายคนนั้นว่าที่รักด้วยท่าทางออดอ้อน
"ผู้ชายคนไหนเหรอครับ" มีใครกล้างั้นเหรอ เดี๋ยวแถมข้าวสารให้สองโกดัง!!
"ก็คนที่ชื่อเอื้อ"
"ฮะ!!! ฮ่าๆ" ขุนเขาหัวเราะรวนเมื่อได้ยิน ถ้าเป็นเพื่อนเขาต้องให้มันรีบไปสะเดาะเคราะห์ให้ไว เดี๋ยวได้ตายด้วยมือยัยหวาน
"อย่างที่ผมบอกว่าเอื้อมันเป็นเพื่อนสนิทผมและมันก็สนิทกับน้องสาวผมมากในช่วงสมัยเรียนผมให้มันเป็นบอดี้การ์ดคอยดูแลยัยหวานแทนผมน่ะครับ ทั้งคู่เลยสนิทกันแต่สนิทแบบตีกันตายนะครับ" ขุนเขาเล่าไปขำไปไม่รู้ทำไมต้องเล่าก็งงตัวเองแต่ปากมันอยากเล่าไง
"คือยังไงเหรอครับ"
เมื่อชายหนุ่มสนใจขุนเขาก็ยิ่งอยากเล่า ยิ่งเล่าก็ยิ่งสนุก...
"เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง" ขุนเขาเล่าเรื่องตั้งแต่สมัยเรียนไปจนถึงวัยมหาลัยให้ชายหนุ่มฟัง เล่าไปขำไปหรือเรียกอีกอย่างว่าเผาน้องสาวตัวเอง เล่าวีรกรรมแต่ละอย่างดีๆทั้งนั้น หลักๆ ก็เป็นเรื่องเล่าความซ่าก๋ากั่นของน้ำหวาน..เธอเคยต่อยหน้าผู้ชายที่เข้ามาจีบจนเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นเป็นข่าวดังจนหนุ่มๆ ในมหาลัยกลัว พอไม่มีใครกล้ามาจีบก็มาโทษว่าเป็นเพราะเตี่ยกับชายพี่ชายคอยกีดกัน ใครจะไปกล้ากีดกัน เตี่ยแทบจะถวายพานพูดชงลูกสาวทุกงานแต่ก็ไม่มีใครกล้ามาจีบ...
อาร์เธอร์หลุดขำที่ขุนเขาเล่าว่าเธอต่อยหน้าผู้ชายจนฟันร่วงได้ใส่ฟันปลอม มิน่าล่ะโดนต่อยคราวนั้นเขาถึงกับเลือดกบปากอ้าปากแทบไม่ได้ หมัดหนักจริงๆ
"ใครกล้าจีบน้องสาวผม ผมแถมฟรีข้าวสารทั้งโกดังเลยครับ ฮ่าๆ นี่เตี่ยก็ว่าจะประกาศตามหาเจ้าชายให้ยัยหวานโยนมาลัยใครคว้าได้คนนั้นได้แต่งเหมือนในหนังสังข์ทองเงาะป่า แต่ไม่รับประกันว่าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้กี่วันนะครับ ฮ่าๆ" พูดไปขำไป
คนฟังนั่งนิ่งไม่ขำ..เขาไม่ชอบไอเดียตามหาเจ้าชายที่ขุนเขาพูดฟังดูติดตลกเกินไป คนที่ชอบเธอจริงๆ ก็อาจจะมี..
"ครับ" อาเธอร์แค่ยิ้มตอบรับ...
"ว่าแต่ทำไมคุณอาเธอร์ถึงถามเรื่องยัยหวานเหรอครับ" คุยไปคุยมาก็สงสัย หวังว่าคนดีคนหล่ออย่างคุณอาเธอร์คงไม่คิดจะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงตายหรอกใช่ไหม??
"ผมอยากทำความรู้จักกับทุกคนให้มากขึ้นน่ะครับ"
"อ้อ..งั้นเดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องผมกับภรรยาผมให้ฟัง ผมกับภรรยาเราเป็นเหมือนพรหมลิขิตที่ฟ้าประธานเธอมาให้ ไม่คิดว่านางฟ้าจะมาอยู่บนดิน"
"คือผมขอตัวเดินออกไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะครับ" ยังเล่าไม่ทันจบคนฟังก็ขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์เหมือนว่าไม่อยากจะฟังเรื่องที่เขากำลังเล่า คนเล่าก็กำลังเล่าสนุกๆ
"อ้อ..ได้ครับ" ค้างเลย จะเล่าให้ใครฟังละเนี่ยอยู่คนเดียว พูดแล้วก็คิดถึงเมียกลับเข้าห้องไปนอนคุยกับเมียดีกว่า ยิ้มมีความสุขเดินผิวปากออกไปจากห้อง...
ห้องนอนฝั่งซ้าย...
หลังจากที่พูดเคลียร์กับเตี่ยเสร็จเธอก็ขึ้นมาสงบสติอารมณ์ข้างในห้อง เตี่ยไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นย้ายออกไปอยู่ที่อื่นทั้งที่เธอขู่จะหนีออกจากบ้าน เธออ้อนวอนเตี่ยทุกวิถีทางแต่เตี่ยก็ไม่ยอม ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนแค่เธออ้อนเธอขอ เตี่ยก็ยอม ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าเตี่ยไม่เหมือนเดิม..เตี่ยไม่รักเธอแล้ว
น้ำหวานเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องเกือบยี่สิบรอบ เธอกำลังคิดแผนร้ายเพื่อให้เขาออกไปจากบ้าน...คิดจนสมองแทบระเบิดก็คิดไม่ออก
"มันต้องมีสักทางสิ" ทำไมเธอต้องแพ้ให้เขาทุกรอบ..เดินคอตกกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบไอแพดขึ้นมาเปิดซีรีส์ก่อนจะไปอาบน้ำ เธอชอบดูซีรีส์เป็นชีวิตจิตใจทุกครั้งที่เครียดซีรี่ส์ช่วยได้แต่ความเครียดในหัวก็มากจนเธอต้องหาที่ระบาย...
น้ำหวานกดเข้าไอจีดีเอ็มคุยกับแอคเค้าท์ที่มีชื่อว่าไทเกอร์อาร์มีรูปโปรไฟล์เป็นเสือโคร่งตัวใหญ่...
ข้อความ
Namwan:วันนี้ฉันรู้สึกแย่สุดๆ ไปเลย
TigerR: มีเรื่องอะไรหรือเปล่า
Namwan:ปัญหาเดิมๆ ที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละ เตี่ยไม่เข้าข้างฉันอีกแล้ว นายนั่นทำให้เตี่ยเปลี่ยนไป แล้วที่มากไปกว่านั้นคือเตี่ยยอมให้นายคนนั้นเข้ามาอยู่ที่บ้านนะสิ ฉันละอยากจะบ้าตาย คิดว่าฉันควรทำไงขอคำปรึกษาหน่อย
TigerR:...ทำไมไม่ลองคุยกันตรงๆ
Namwan:คุยกับใคร? นายคนนั้นนะเหรอ ไม่เอาหรอกคุยกับป็อกกี้หมาที่บ้านยังรู้เรื่องกว่าอีก แค่ได้ระบาย ฉันก็สบายใจแล้วแหละ ไปอาบน้ำก่อนนะ บ๊าย
กดส่งข้อความสุดท้ายก่อนจะปิดหน้าจอเดินเข้าไปอาบน้ำ..
เธอแค่อยากหาที่ระบายกับใครสักคนที่ไม่รู้จักและแอคเค้าท์นี้ก็เป็นแอคเค้าท์ที่คุยกับเธอได้นานที่สุด เธอแค่อยากระบายไม่ได้อยากสานสัมพันธ์เรื่องอื่น ทุกคนที่ทักมาหาเธอส่วนมากก็มีแต่เรื่องอย่างว่าพอเธอไม่เล่นด้วยก็เงียบหาย ต่างจากแอคเค้าท์นี้ที่ทนอ่านข้อความของเธอได้จนจบและยังคอยให้คำปรึกษาเธอเป็นอย่างดี...
'ขอบใจมากนะเสือ'
หลังจากอาบน้ำเสร็จ..เธอก็สวมเสื้อคลุมอาบน้ำเดินออกมานั่งลงที่มุมแต่งตัว ภารกิจในแต่ละวันกว่าจะได้นอนคือยาวนานมาก นั่นคือการบำรุงผิวก่อนนอนทั้งมาสก์หน้าทาครีมที่มีอยู่เกือบยี่สิบยี่ห้อ เคล็ดลับความสวยไม่ได้ง่ายหรอกนะ ไหนจะต้องเข้าคลินิกทุกเดือน...
'กว่าจะสวยได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ' ครีมตัวไหนที่ว่าดีเธอสั่งมาใช้หมด บางเดือนช็อปจนเตี่ยบ่น คนส่งของร้องอู้วววว
คนสวยค่อยๆ ละเมียดละไมชโลมเนื้อครีมในกระปุกลงบนผิวขาวเนียนละเอียดแม้ว่าผิวของเธอจะขาวอยู่แล้วแต่ก็ต้องบำรุงให้ผิวขาวใสมีออร่าอยู่เสมอ น่าแปลกที่เธอสวยขนาดนี้แต่ก็ยังโสด ผู้ชายดีๆ มักจะตาไม่ถึงสินะ
เสื้อคลุมสีขาวถูกเลื่อนลงมาอยู่ที่สะโพกเว้ากลมกลึง...เธอยิ้มให้กับตัวเองในกระจกชื่นชมความสวยที่มีแค่ตัวเธอที่ได้เห็น...
"ใครจะได้เป็นผู้โชคดีกันนะ" พูดกับตัวเองแล้วยิ้มหัวเราะ จะบอกว่าเธอหลงตัวเองก็ได้ ใช่เธอหลงตัวเองสุดๆ ไปเลย...
ตุบ!!!
เสียงคล้ายของหล่นทำให้เธอตกใจหันขวับ?? มองไปตามเสียงที่ได้ยิน
"ใครน่ะ!!" น้ำหวานรีบดึงเสื้อคลุมขึ้นผูกกระชับสายรัดเอวให้แน่น..ก่อนจะลุกเดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน หันมองไปรอบๆ ห้องอย่างระแวดระวัง...