“คือข้าหมายถึงข้าจะจัดการเองหากท่านไม่ระวังแล้วถูกคมกระเบื้องบาดเข้าจะทำอย่างไร
ข้าจำได้ว่าท่านกำลังคิดค้นรูปแบบของเครื่องกระเบื้องอยู่ไม่ใช่หรือ”
บุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้านางเมื่อได้ยินดังนั้นดูเหมือนสีหน้าของเขาจะดีขึ้นเล็กน้อย
“จะมีประโยชน์อันใดในเมื่อตาของข้ามองไม่เห็นแล้ว”
“ตาของท่านมองไม่เห็นแต่ใจของท่านสู้เพียงนี้ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะต้องทำมันออกมาดีเหมือนที่เคยทำอย่างแน่นอน
ดูสิดินเผาที่ท่านทำอยู่นี้เป็นรูปร่างที่งดงามเสียจริง”
งดงามอย่างที่นางพูดออกมาจริงๆ ตาของเขามองไม่เห็นแต่เหตุใดถึงได้ปั้นออกมาได้ดีถึงเพียงนี้กันนะ
“ผีตนใดสิงเจ้าอยู่งั้นหรือ”
“นี่ท่าน!”
“เจ้าอย่ามาปลอบใจข้าเลยจะดีกว่า”
เขาถอนหายใจก่อนจะขยับร่างกายออกจากนางเล็กน้อย
“ข้าไม่ได้พูดปดนะมันงดงามจริงๆ ใช่หรือไม่เล่าอาหยวน”
“ใช่ขอรับ เป็นดังที่ท่านแม่พูดจริงๆ นะขอรับท่านพ่อ”
“เฮ้อ เอาเถอะเจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ”
“ดี เช่นนั้นท่านก็ไปทำงานของท่านต่อส่วนข้าจะจัดการของพวกนี้เอง”
“ก็ได้แต่เจ้าระวังหน่อยก็ดี”
“รู้แล้วๆ”
เหวินเซียวเย่ค่อยๆ ลุกขึ้นโดยมีไป๋ฉางอวี้เข้ามาประคองเขาแรกเริ่มก็ดูเหมือนจะตกใจที่นางเข้ามาช่วยแต่ก็ยินยอมแต่โดยดี
นางประคองเขาขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้แต่ขณะที่กำลังจะปลีกตัวออกมาเพื่อทำความสะอาดพื้นนั้นสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเขา ลายปักบนผ้าเป็นรูปหงส์งดงามยิ่งนัก!
‘เป็นบุรุษแต่ใช้ผ้าเช็ดหน้าปักลายอย่างกับสตรีหรือว่าจะเป็นไป๋ฉางอวี้คนเก่าที่ทำให้เขากันแน่นะ’
นางคิดในใจเงียบๆ ก่อนจะละความสนใจจากของสิ่งนั้นแล้วหันกลับมาเก็บกวาดพื้นห้องจนสะอาดภายใต้สายตากลมโตที่จ้องมองดูทุกฝีก้าวของเจ้าก้อนแป้งนั้น
“เจ้ามองข้านานแล้วนะมีอะไรหรือ”
“ท่านแม่”
“ว่าอย่างไร”
“มะ ไม่มีอะไรหรอกขอรับ”
“ก็เมื่อครู่เหมือนจะพูดอะไรอยู่เลย ว่าอย่างไรหรือเจ้าหิวแล้วงั้นหรือ”
“ท่านรู้ได้อย่างไร”
“ตอนที่อยู่ข้างนอกนั่นไม่ใช่ว่าท้องของเจ้าร้องออกมาหรอกหรือ”
“คือว่าข้า…”
“เอาล่ะๆ นั่งเฝ้าพ่อของเจ้าอยู่ตรงนี้คอยหยิบจับช่วยเหลือเขา ส่วนข้าจะไปทำอาหารมาให้พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ แต่ว่าท่านแม่ทำเป็นหรือ”
“นั่นสิเจ้าทำเป็นด้วยหรือ” เสียงของบุรุษผู้เป็นสามีถามขึ้นมาอย่างนึกสงสัย
“แล้วข้าทำไม่เป็นงั้นหรือ”
ไป๋ฉางอวี้ถามออกมาด้วยความไม่รู้จริงๆ ก็เพราะว่านางไม่มีความทรงจำของเจ้าของร่างนี้เลยสักเพียงนิดถึงไม่รู้ว่านางทำอะไรได้บ้างหรือเป็นคนอย่างไรกันแน่น่ะสิ
“แต่ไหนแต่ไรมาเป็นท่านพ่อที่ทำอาหารเองน่ะขอรับ”
“นี่น่าจะยามอู่[1] แล้วพวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ล่ะข้าจะไปทำอาหารเอง”
“ไม่ต้องหรอกน่าข้าทำเองได้ท่านให้ข้าทำเถอะ”
เพราะน้ำเสียงที่ดูจริงจังของนางจึงทำให้เหวินเซียวเย่นิ่งเงียบไปก่อนจะพยักหน้าให้นางเล็กน้อย
“ตามใจเจ้าเถอะ”
ไป๋ฉางอวี้ยิ้มออกมาก่อนจะสั่งการให้เหวินเซียวหยวนบุตรชายของนางอยู่เฝ้าผู้เป็นสามีเอาไว้ส่วนตัวนางก็รีบเข้าไปในห้องครัวที่ดูซอมซ่อผนังก็เลอะเทอะเปรอะเปื้อนส่วนหลังคาก็เกือบจะพังลงมาอยู่แล้ว
‘ตั้งแต่สามีของนางตาบอดไปก็ไม่มีใครทำความสะอาดบ้านหลังนี้เลยหรือนี่ ไป๋ฉางอวี้นะไป๋ฉางอวี้เหตุใดถึงเป็นสตรีเกียจคร้านเช่นนี้กันเล่า’
นางรีบเปิดระบบวิเศษก่อนจะจิ้มเอาเครื่องปรุงทุกชนิดออกมา ข้าวสาร กระดูกหมูและผักสดที่อยู่ในช่องเก็บอาหารแต่ละอย่างที่ถูกนางดึงออกมาใช้ดูเหมือนจะไม่ลดน้อยลงเลยสักเพียงนิดและยังเหลือช่องให้เก็บอาหารอีกถึงสิบช่องด้วยกัน
'เอาไว้วันหลังค่อยหาของที่จำเป็นเก็บลงไปเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานของครอบครัวทีหลังแล้วกัน เพราะเวลานี้ก็เลยเวลาอาหารเที่ยงไปมากแล้ว'
ไป๋ฉางอวี้ทำอาหารง่ายๆ ข้ามต้มใส่เนื้อหมูสับละเอียดตามด้วยผักสดที่นำมาผัดใส่ไข่ไก่ให้ผู้เป็นสามีที่ดูจะผอมแห้งลงไปมากได้บำรุงร่างกายเสียบ้าง นางใส่เครื่องปรุงรสที่ได้มาจากระบบวิเศษผสมลงไปในอาหาร
ระหว่างที่รออาหารสุกนั้นก็เปิดระบบวิเศษขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเลือกของใช้ในบ้านที่ยังขาดอีกหลายชิ้น โดยเลือกของใช้ในครัวออกมาใช้งานก่อนไม่ว่าจะเป็นหม้อดินเผาและหม้อโลหะใช้สำหรับผัดอาหาร ถ้วยชาม ตะเกียบ ที่ตักอาหาร ครกสาก ชั้นวางของที่ทำจากไม้เนื้อดีอีกหนึ่งชิ้น นางเร่งมือเก็บข้าวของทุกชนิดไว้บนชิ้นวางจนเรียบร้อยดูแล้วน่าใช้งานขึ้นมาทันตาเห็น
‘ผนังนี่ค่อยทำความสะอาดทีหลังแล้วกัน’
ไป๋ฉางอวี้ยืนยิ้มภูมิใจกับผลงานของตนเองก่อนจะรีบนำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วตักใส่ชามด้วยความรวดเร็ว
“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋ฉางอวี้เดินถือสำรับเข้ามาในห้องโถงกลางบ้านที่มีพื้นกว้างขวางมากกว่าห้องอื่นๆ นางวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะกลิ่นหอมของมันทำให้สองพ่อลูกอดที่จะสูดดมไม่ได้
“น่ากินมากเลยขอรับท่านแม่”
นางยิ้มให้บุตรชายเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีที่เอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ท่านพี่รีบมากินเร็วเข้าหากอาหารเย็นชืดไปมันจะไม่ได้รสชาตินะเจ้าคะ”
“ให้พวกเจ้ากินก่อนเถอะข้าค่อยกินทีหลัง”
“กินพร้อมกันนี่ล่ะเจ้าค่ะข้าทำมามากมายพอที่จะกินกันจนอิ่มอย่างแน่นอนท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป”
“ข้าวสารเหลืออยู่น้อยนิดไม่ใช่หรือแล้วจะไปอิ่มกันได้อย่างไรกัน”
“คะ คือว่าเมื่อครู่ข้าตรวจดูอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งยังเหลืออยู่หยิบมือจึงนำมาต้มให้พวกท่านอย่างไรเล่า”
ไป๋ฉางอวี้มองสีหน้าของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคงต้องสงสัยอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน
“ในครัวมีอะไรเหลือข้าก็ใส่ๆ ไปจนหมดไม่รู้ว่ารสชาติพอจะถูกปากพวกท่านหรือไม่ รีบกินเถอะเย็นชืดจะไม่ได้รสชาติ”
“อืม”
เหวินเซียวเย่คร้านจะเถียงนาง เขาพยักหน้าก่อนจะรับช้อนจากผู้เป็นภรรยาตักข้าวกิน
ไป๋ฉางอวี้นั่งยิ้มจ้องมองดูคนทั้งคู่กินอาหารจากฝีมือของนาง ความสุขเล็กๆ ที่ได้มอบให้คนอื่นมันดีอย่างนี้นี่เอง
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ อร่อยหรือไม่”
“อะ อร่อย”
“แล้วเจ้าล่ะอาหยวน ฝีมือของข้าใช้ได้หรือไม่”
“ชะ ใช้ได้ขอรับ”
“แล้วเหตุใดถึงได้อมข้าวไว้อย่างนั้นกันเล่าไม่กลืนลงไปล่ะได้ติดคอตายทั้งคู่หรอก”
“อะ อื้ม”
ไป๋ฉางอวี้จ้องมองการกระทำของคนทั้งคู่ที่พยายามกลืนอาหารลงอย่างยากลำบากก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ความฉงนสงสัยทำให้นางรีบตักข้าวต้มกินทันที
เครื่องปรุงที่ได้มาจากระบบวิเศษของนางนั้นรสชาติยอดเยี่ยมอยู่แล้วแค่ใส่ลงไปโดยไม่ต้องใช้เครื่องเทศอื่นใดในยุคนี้ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว แต่เหตุใดสองพ่อลูกนั่นถึงได้…
“พรู๊ด!”
- - - - - - - -
[1] ยามอู่ = 11.00-13.00 น.