“ท่านแม่”
เสียงเรียกของใครบางคนดังแว่วเข้ามาในหัวของเธอเบาๆ ไป๋ฉางอวี้ฝืนความเจ็บปวดพยายามลืมตาตื่นขึ้นมาทีละนิดแต่เมื่อดวงตาเปิดจนเต็มตากลับพบเพียงภาพบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย
เพดานห้องที่ควรจะเป็นฝ้าแบบยุคสมัยใหม่ทำไมถึงได้มีแต่ขื่อไม้ที่ถูกวางขวางเอาไว้ระหว่างเสาต้นใหญ่อย่างไม่เป็นระเบียบนัก
‘ที่นี่มันที่ไหนกัน’
ไป๋ฉางอวี้ขยี้ตาอีกครั้งเธอหันไปมองรอบๆ ห้องและพบเข้ากับใบหน้าของเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เสื้อผ้าที่มอมแมมในชุดจีนโบราณนั้นทำเอาไป๋ฉางอวี้อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องดังลั่นจนเด็กชายตัวน้อยเป็นต้องรีบวิ่งไปหลบที่ด้านหลังเสาเรือนด้วยความรวดเร็ว
“ทะ ท่านแม่เป็นอะไรไปหรือขอรับ”
“ผีหลอก!”
“ห๋า! ท่านแม่พูดอะไรข้ากลัวแล้วนะขอรับ”
เด็กชายตัวน้อยที่เดิมยืนกอดเสาอยู่นั้นเป็นต้องรีบวิ่งขึ้นมานั่งบนปลายเตียงนอนของผู้เป็นมารดา เขานั่งขดตัวอยู่อย่างนั้นทั้งยังหันซ้ายมองขวาไปทั่วห้องอย่างหวาดกลัว
“ถะ ถอยออกไปนะอย่ามาหลอกมาหลอนฉันเลยฉันจะทำบุญไปให้”
“ท่านแม่พูดอะไรข้าไม่เข้าใจ”
เด็กชายนั่งกอดเข่าซุกใบหน้าเล็กลงคล้ายคนหวาดกลัวจนตัวสั่น ไป๋ฉางอวี้จ้องมองใบหน้าเล็กนั้นอีกครั้งใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเด็กชายที่เธอขับรถชนนั่นเหตุใดถึงมาโผล่อยู่ตรงนี้ได้นะ
“หนะ หนูเรียกฉันว่าอะไรนะ”
“ข้าเรียกท่านว่าท่านแม่ขอรับ”
‘แล้วทำไมถึงพูดจาแบบนั้นกันอย่าบอกนะว่าฉันทะลุมิติเข้ามาในยุคโบราณเหมือนในนิยายที่เคยอ่านผ่านๆ บ้าน่าไม่จริงหรอก!’
“ช่วยบอกฉัน ไม่ใช่สิ...ช่วยบอกข้าทีว่าที่นี่คือที่ไหน”
“ที่นี่ก็คือหมู่บ้านเฟิ่งหวงในตัวเมืองลั่วหนานอย่างไรเล่าขอรับ นี่ท่านแม่หกล้มจนลืมเลือนไปหมดแล้วงั้นหรือ”
“เมืองลั่วหนานงั้นหรือ”
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ ทั้งยังจ้องมองนางด้วยแววตาใสซื่อ
‘เมืองลั่วหนานนี่มันอยู่ส่วนไหนของประเทศจีนกันนะมาโผล่ทำไมที่นี่กันอยากจะบ้าตายจริงๆ’
‘แล้วฉันข้ามมิติมาที่แห่งนี้ได้อย่างไรหรือว่าฉันตายไปจากโลกนั้นแล้วอย่างนั้นหรือ’
ไป๋ฉางอวี้ยังคงคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เธอพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ยิ่งคิดมากเท่าใดก็ยังคงหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
“ท่านแม่”
เสียงเรียกน้อยๆ ของเด็กชายทำให้ไป๋ฉางอวี้มีสติขึ้นมาอีกครั้ง เธอจ้องมองใบหน้าเล็กนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลายเพราะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์กับคนตรงหน้าจึงไม่รู้จะสนทนากันอย่างไร
ไป๋ฉางอวี้มองไปรอบๆ ห้องดวงตาก็สบเข้ากับคันฉ่องทองเหลืองที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เตี้ยๆ ไม่ไกลจากเตียงนอนนัก นางลุกขึ้นก่อนจะไปส่องคันฉ่องนั้นแม้จะมองเห็นไม่ชัดเจนเท่าใดนักแต่ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกันนั้นทำให้เธออ้าปากค้างด้วยความมึนงง
'มันมีด้วยหรือที่จะมีคนหน้าตาคล้ายกันดั่งฝาแฝดเช่นนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน อีกทั้งยังอยู่คนละยุคเช่นนี้บ้าน่าไม่จริงหรอก’
เธอตบหน้าของตนเองเพื่อเรียกสติอีกครั้งเผื่อว่าเรื่องที่พบเจออยู่ในตอนนี้จะเป็นเพียงแค่ความฝันแต่แล้วความเจ็บแสบที่ก่อตัวขึ้นทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่คือเรื่องจริง!
‘สวรรค์นี่ฉันทะลุมิติมาจริงๆ หรือนี่แล้วเหตุใดถึงส่งมาอยู่ในที่แบบนี้กันเล่า’ ไป๋ฉางอวี้หันมองไปรอบๆ
อีกครั้งสภาพห้องนอนที่ทรุดโทรมประตูหน้าต่างเกือบจะผุพังอยู่แล้ว
‘เก่าเกือบจะพังลงมาได้แล้วกระมังพวกเขาอยู่ได้อย่างไรกันนะ’
เธอโอดครวญในใจก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยอีกครั้ง
“คือเจ้าบอกว่าข้าหกล้มใช่หรือไม่”
“ขอรับ”
“นั่นอาจทำให้ข้าเลอะเลือนจนจดจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปบ้างเจ้าอย่าถือสาข้าเลยนะ”
เด็กน้อยจ้องมองนางก่อนจะพยักหน้าให้เล็กน้อย
“เจ้าหนูชื่ออะไรแล้วที่นี่คือที่ไหนช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”
“...”
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม[1]
ไป๋ฉางอวี้หลังจากฟังเรื่องราวจากเด็กน้อยแล้วก็ออกมานั่งใช้ความคิดเพียงลำพังบนชิงช้าที่ถูกผูกเอาไว้ตรงต้นไม้ใหญ่หน้าริมรั้วบ้าน
ในใจก็ยังคงไม่เชื่อว่าตนเองนั้นได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณเช่นนี้ทั้งหยิกทั้งตีตนเองไปหลายครั้งก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นนอกจากความเจ็บปวดที่ได้รับบนผิวกายนี้
‘ของจริงแล้วกระมังทะลุมิติมาจริงๆ เฮ้อ..แล้วฉันจะกลับบ้านได้อย่างไรกันนะ’
แม้ในใจจะสับสนคิดถึงบ้านมากเพียงใดแต่เมื่อหันมองไปรอบๆ ที่นี่กับดูสงบกว่ายุคที่จากมาเสียอีก ไป๋ฉางอวี้ขยี้ผมของนางอย่างแรงก่อนจะทุบไปที่ต้นขาเพื่อระบายอารมณ์ออกมาเมื่อไม่ได้ดั่งใจกับอะไรสักอย่างเหมือนในยุคที่เคยจากมา
แต่แล้วกำไลข้อมือที่นางสวมติดตัวอยู่ตลอดเวลานั้นอยู่ๆ ก็พลันเปร่งประกายแสงบางอย่างออกมาปรากฏให้เห็นเป็นหน้าจอสี่เหลี่ยมสีฟ้าบางเบา
“อะไรกันเนี่ย” เมื่อจ้องมองที่หน้าจอสีฟ้าโปร่งใสนั้นก็ทำเอาไป๋ฉางอวี้ตกตะลึงไปไม่น้อย
“มะ มาได้อย่างไรกันนะ”
นางยื่นมือไปสัมผัสหน้าจอนั้นอย่างแผ่วเบาเมื่อนิ้วเรียวแตะไปที่ปุ่มเปิดปิด หน้าจอนั้นก็แสดงข้อมูลที่อยู่ภายในขึ้นมาทีละอย่างแต่ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือระบบร้านค้าที่นางเคยเปิดเอาไว้ขายสินค้าในยุคที่จากมานั่นมาอยู่ในนี้! ได้อย่างไรกัน!
- - - - - - - - - -
[1] ครึ่งชั่วยาม = 1 ชั่วโมง