6
...
“ถ้าไม่ใช่เพื่อนมึง งั้นมาเป็นเพื่อนกับเราไหม”
ผู้ชายคนนั้นเดินผ่านตัวศิวะมาหาฉันทันที
แขนฉันโดนจับ มีคนพาเดินไปชมห้องต่างๆ ระหว่างทางเดินเขาคนนี้แนะนำฉันทุกห้องว่าอะไรเป็นอะไร เขาบอกว่าเขาชื่อคิว เป็นเพื่อนกับศิวะมาตั้งแต่เด็ก ถ้าศิวะมันปากหมาใส่ให้บอกเขา เขาจะจัดการให้
คิวบอกว่าเขาชอบผู้ชาย ไม่มีทางชอบผู้หญิง ไม่ต้องห่วงว่าเป็นเพื่อนกับเขาแล้วเขาจะคิดไม่ดีไม่ร้าย ให้หายห่วงเรื่องนี้ไปได้เลย ที่เปิดเผยตัวตนตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้า ก็เพราะเขาอยากแสดงออกให้รู้ว่าเขาจริงใจที่จะให้ฉันเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ
“แล้วมิลพักที่ไหน อยู่หอ บ้าน หรือคอนโด”
เดินเข้าในห้องหนึ่ง หาโต๊ะเรียบร้อยคิวก็ชวนคุย
“หอพักเดียวกับไอ้หน้าแหลมนั่นแหละ พี่ไมล์บอกว่าหอเขาไกล เลยให้พักที่เดียวกับมัน”
“เธอเรียกศิวะว่าไงนะ”
“ไอ้หน้าแหลม”
“ฮ่าๆ... ”
ว่าแล้วเขาก็หัวเราะออกมาดังๆ ก่อนจะหันไปมองด้านหลังที่มีนายศิวะเดินตามและยังจ้องเขม็งมาที่ฉัน
“ไม่เคยมีใครด่ามันได้นะ ถ้าไม่สนิทน่ะ”
คิวยังทำหน้าเหมือนเหลือเชื่อ คำพูดนี้ไม่เชิงเป็นคำด่า มันคือคำนำหน้าของคนที่ไม่ชะตากันตั้งแต่วันแรกต่างหาก
“คนปากไม่ดีแบบนั้น น่าจะเป็นเรื่องปกตินะที่โดนด่าอะ”
ฉันแซะอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีคนด่าต่อหน้า ไม่ได้แปลว่าลับหลังเขาไม่ด่าสักหน่อย
“มันเป็นคนดีนะ รักเพื่อนรักฝูงมากด้วย”
คิวขายความดีของเขาให้ฟัง ทำเอาฉันกลอกตามองบนใส่
คนดีห่าอะไร ว่าฉันเป็นคนใบ้ ทั้งที่รู้ว่าพูดได้อยู่
ต้องขอบคุณคิวที่ทำให้ฉันไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไปเวลาต้องอยู่ใกล้นายศิวะ
พอเขาคุยกับคิว เขาก็พูดคุยปกติ ไม่มีท่าทีเหมือนคนกวนส้นตีนตลอดเวลา มันต่างจากตอนที่หันมาคุยกับฉันลิบลับเลย
ฉันรู้สึกว่าเขาชอบมองฉัน มองแบบแปลกๆ มองแล้วก็มองแต่ไม่พูดอะไร และเหมือนคิวเองก็รู้สึกได้แบบเดียวกัน เขาชี้หน้าศิวะพลางทำหน้ากรุ้มกริ่มเหมือนรู้ทันความคิดของคนหน้านิ่ง
“สรุปเรื่องมึงกับเม ยังไงบอกกูมาให้ไว กูทดให้แล้วนะตอนเรียนอะ ส่วนตอนนี้มึงต้องบอกกู”
เมื่อถึงเวลาเบรค คิวก็ลากศิวะมานั่งโต๊ะหินอ่อน ก่อนที่เขาจะยกขาขึ้นเหยียบม้านั่ง แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือแปะกลางหน้าผากเขาไว้
“จะรู้ทำไม รู้ไปแล้วจะถูกหวยเหรอ”
คนโดนถามทำหน้ากวนๆ ท่าทีและแววตากวนประสาทนั้นทำให้ฉันเผลอเบะปากใส่แบบไม่ได้ตั้งใจ
“อย่าปิดกู”
ตอนนี้คิวเหมือนเจ้าชีวิตของศิวะเลย เหมือนแฟนกันสอบสวนกันมากกว่าเพื่อนเสียอีก
ถ้าบอกว่ากิ้กกัน ฉันก็เชื่อนะ
“ก็บังเอิญเจอแล้วคุยนิดหน่อย กูไม่ได้อะไร ไม่เชื่อก็ถามเพื่อนมึงสิ คืนนั้นยัยนี่ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
ฉันสะดุ้งเมื่อคิวหันมามองฉัน ส่วนไอ้คนนั้นมันยกยิ้มมุมปาก ตัวเองกำลังตกเป็นจำเลยแท้ๆ ใยมาทิ้งระเบิดให้ผู้สมรู้ร่วมทำกันล่ะ
“เธอก็เห็นเหรอมิล”
คิวผลักอกศิวะก่อนจะก้าวมานั่งข้างฉันอย่างรวดเร็ว
“อืม... พอดีว่าพี่ไมล์พาไปเจอพวกพี่มะลิอะ ก็เลยเห็น”
ฉันบอกถึงที่มา แต่ระหว่างนั้นเกิดอะไรไม่อยากจะเล่าเลย
“แล้วเป็นไง”
“อะไรอะ”
“แฟนเก่าศิวะไง สวยปะ นมใหญ่ไหม”
“ไอ้คิว”
เขาคำรามลั่น
“ก็สวยนะ หุ่นดี แต่นมใหญ่ไหมไม่รู้ มันมืดอะ”
แล้วเธอคนนั้นก็แต่งตัวค่อนข้างมิดชิดด้วย เดาว่าคงไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยว เพราะตอนเจอก็เห็นเธอนั่งดื่มอยู่คนเดียว
“ถ้ามิลเจอนางอีกนะ มิลต้องกันให้ออกห่างไอ้หน้าแหลมนี้ให้ไวนะ นางคนนั้นน่ะนิสัยเสีย แรดมาก แล้วก็หน้าเงินแบบสุดๆ ”
ศิวะทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคิว และเขาคงกำลังอายที่เพื่อนขายความลับให้คนแปลกหน้าแบบฉัน
ความจริงถ้าเธอเป็นแฟนเก่าศิวะและอยากกลับมาหาเขา ถ้าเจอกันจริง ฉันคงโดนดักตบแน่ ก็เล่นไปยืนจูบกันต่อหน้าต่อตาขนาดนั้น
ชีวิตฉันคงอยู่ลำบากแล้วล่ะ
“หึ... ”
ไอ้หน้าแหลมมันขำ
“หัวเราะอะไร ตอนนี้มิลเป็นเพื่อนเราแล้ว ก็ให้ช่วยๆ กันดิวะ”
อยู่ดีๆ คิวก็เล่าเรื่องศิวะให้ฟังท่ามกลางความไม่พอใจของเจ้าตัว ถึงจะหงุดหงิดเช่นไร ศิวะเองก็ไม่ได้ปรามหรือห้ามคิวมากนัก เอาแต่นั่งกดเกมระหว่างที่คิวพูด ทำเหมือนไม่ใส่ใจแต่ฉันรู้ว่าเขาฟัง เพราะพอมีอะไรเกินจริงเขาก็แย้งคิวขึ้นตลอด
“คืนนี้มึงจะไปตีหรี่อีกเหรอวะ”
ฉันเข้าใจที่คิวถาม เพราะฉันได้ยินบ่อยๆ เวลาที่พี่โทรหา มันมักจะมีเสียงเพื่อนพี่แทรกเข้ามา เรื่องชวนกันไปทำอย่างว่ากับใครสักคน
“เลิกไปนานแล้ว กูเป็นคนดี”
ดีแต่ปากหมา
“จะมีเมียเป็นตัวเป็นตนว่างั้น”
“อืม... มีเล็งไว้อยู่”
เขาตอบแล้วยิ้มมุมปากตามแบบที่ชอบทำ
“ใครวะ กูรู้จักไหม สาวมอไหนอีก”
คิวเหมือนจะต้องรู้ทุกเรื่องของศิวะ คล้ายๆ ผู้ปกครองคนหนึ่งของเขาก็ไม่ปาน
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
จบบทสนทนาไว้แค่นั้นก็พากันไปเรียน
การมาเรียนวันแรกในสถานที่แปลกตามันก็ไม่แย่เท่าไหร่ ถึงแม้จะคิดหนักทีแรก แต่พอมีคิวก็ดูจะง่ายดายไปเสียหมด คิวสามารถตอบทุกคำถามโดยไม่มีทีท่าว่ารำคาญกัน คอยแนะนำนู่นนี่นั่นให้ฉัน บอกห้องต่างๆ บอกทางเดินลัดเลาะทุกซอกทุกมุม ถึงจะอยู่กันแค่ปีสอง แต่คิวรู้ทุกอย่างราวกับคุ้นที่นี่มาสิบปี
“วันหลังไปกินหมูกระทะกัน”
เย็นแล้ว เราเองก็ต้องแยกย้ายกันกลับหอใครหอมัน คิวเอ่ยชวนฉันตามปกติวัสัยของคนเป็นเพื่อน
“ได้ดิ มารับที่หอนะ ยังไม่คุ้นที่นี่ไปหาเองไม่ได้”
ฉันตอบคิวไปอย่างว่าง่าย รู้สึกถูกชะตากับคิวมากๆ อยากคบหากันไปนานๆ เลยล่ะ
“โอเค เอาเบอร์มาดิ เฟซด้วย ไลน์ก็เอา”
ฉันรับมือถือมาจากมือคิวแล้วกดๆ ให้ทุกช่องทางการติดต่อ ไม่ได้หวงอะไร บอกแล้วว่าถูกชะตา อยากคุยด้วยทั้งในมอและนอกมอเลย
มีรถมินิสีส้มขับมาจอดตรงหน้าเรา คิวขึ้นรถคันนั้นไป แล้วฉันก็กำลังจะก้มหยิบมือถือของตัวเองมารับแอดคิว แล้วกะว่าจะโทรหาพี่ให้มารับกลับหอเลย
“อะไร... ”
ฉันถามขึ้น เมื่อมีมือถือสีดำเป็นยี่ห้อใหม่ล่าสุดราคาเหยียบครึ่งแสน กำลังเคาะหลังมือฉันเบาๆ
“เอาด้วย”
เป็นศิวะนั่นเอง ตอนพูดถึงความต้องการของตัวเอง เขาไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ ต่างจากตอนไม่ทำอะไร ชอบมองยิ่งกว่าอะไร
“ไม่ให้”
เพราะไม่อยากคุย
“เอามา อย่าต้องให้โหด”
เขาขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ฉันมองหน้าเขาอีกครั้ง และเขาก็ยังเมินใส่ไม่หันมา
“ถ้าทักมาด่าจะบล็อก”
ฉันบอกก่อนจะกดให้ทุกอย่างเหมือนที่ให้คิว
ถ้าจะแชทมาด่ามากัดกับฉัน บอกเลยว่าบล็อกทั้งในออนไลน์และเอาท์ไลน์
บล็อกออกจากชีวิตไปเลย...