สักวันจะชัดเจนเอง

1125 Words
"หมวกค่ะ" ยื่นหมวกกันน็อคคืนให้เขาเมื่อรถเคลื่อนมาจอดที่ใต้ตึกอพาร์ทเม้นท์ที่อันน์เช่าพักอยู่ "อืม.." ต้าร์พยักหน้าพร้อมกับรับหมวกกันน็อคมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาสตาร์ทรถเตรียมจะไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกนั้นอันน์ไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ "เดี๋ยววันนี้หนูเอาข้าวไปให้ที่ห้องซ้อมนะคะ" หาเรื่องคุยต่อเพียงเพื่ออยากได้ยินคำลาดีๆ "ไม่ต้องลำบากหรอก" พูดจบเขาก็ปรายตาหันมามองเล็กน้อยด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะเหยียบครัชบิดคันเร่งมอ'ไซด์บิ๊กไบค์คันใหญ่ออกไปในทันที อันน์ยืนมองเขาจนลับสายตา ความรู้สึกหน่วงๆ แทรกซึมเข้ามาอย่างไม่อาจกั้น ความรู้สึกเจ็บปวดมาเยือนทุกครั้งที่จากกันในตอนเกือบฟ้าสางเสมอ รู้ดีแต่ไม่เคยเข็ด รู้ตัวว่าควรตัดใจแต่ใจเจ้ากรรมกลับไม่ยอมฟัง ในหัวของเธอทุกๆ วินาทีมีแต่พี่ต้าร์ แต่เขานั้น...คงจะคิดถึงเธอจริงๆ ก็ในเวลาอย่างว่า ได้แต่คิดอย่างรู้สึกน้อยใจอยู่คนเดียว เจ็บคนเดียวจนชินรู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหลเอ่อลงมาอาบแก้ม "ไอ้อันน์!" อันน์รีบปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก ดูท่าไม่น่าจะใช่เธอคนเดียวแล้วล่ะที่กลับเช้า นังฮารุก็เดินหัวฟูโทรมมาเหมือนกัน "เพิ่งกลับเหรอ?" ฮารุถามขึ้นพรางเกาหัวยิกๆ อ้าปากหาววอดๆ "เออ แล้วแกล่ะไปไหนมา อืม..ดูจากสภาพแล้วให้เดาคงจะกลัวพ่อหนุ่มตาน้ำข้าวตื่นขึ้นมารับสภาพหน้าสดไม่ได้รึไง ถึงรีบกลับแต่เช้ามืด" อันน์เม้มปากยกสองแขนขึ้นกอดอกหรี่สายตามองสำรวจเพื่อนสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า "เหอะ! ฉันรีบเทเขากลับมาต่างหาก..เพราะว่าวันนี้มีงานเช้าหรอกย่ะ วันนี้แกกับฉันอยู่กะเดียวกันนะ ขืนฉันไปช้าก็โดนอีชะนีกะดึกหยุมหัวเอาสิ"ฮารุทำหน้าเซ็งเมื่อนึกถึงปลายฟ้าเพื่อนร่วมงานที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทสาขาซอยบางลาที่เป็นซอยถนนคนเดินกลางคืนแหล่งขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของหาดป่าตองจังหวัดภูเก็ต "ไอ้ฟ้าคงยังโกรธที่แอบปิ๊งแกตอนแอ๊บแมน พอรู้ว่าแกไม่ใช่ชายแท้เลยแค้นกัดไม่ยอมปล่อยสักที " พูดพรางเดินนำฮารุขึ้นตึก ทั้งคู่เช่าห้องอยู่คนละชั้นไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ส่วนค่าห้องได้รับการสนับสนุนมาจากพ่อกับแม่อีกที อีกอย่างทางบ้านของฮารุยังไม่รู้ว่าว่าฮารุเป็นเกย์... เวลาว่างส่วนมากแล้วทั้งคู่ก็มักจะมาขลุกอยู่ด้วยกัน บางทีก็ห้องฮารุบางคราวก็ห้องของของอันน์บ้างสลับกันไป ฮารุเป็นคนลากเธอมาทำงานและเรียนที่ภูเก็ตตั้งแต่แรกเพราะความฝันของนางอยากจะไปทำงานเป็นนางโชว์ที่แฟนตาซี ทว่า..สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเพราะแฟนตาซีไม่รับพนักงานพาร์ทไทม์..เลยต้องทำใจและรีบเรียนให้จบๆ จะได้เดินตามความฝัน ส่วนอันน์ฝันของมันตอนนี้คาดว่าน่าจะโฟกัสอยู่แต่อีพี่ต้าร์คนเดียว "พี่ต้าร์แกมาส่งเหรอ?" "อื้อ.." พยักหน้าเบาๆ สายตาเศร้าจนฮารุรู้สึกได้ว่าเพื่อนของเธอกำลังนอยด์ "อีพี่ต้าร์นี่ก็เนอะ...สรุปจะเอายังไงกันแน่?" ฮารุรู้สึกเซ็งแทนเพื่อนสาว ความสัมพันธ์แบบใดไม่รู้ ท็อกซิกจะแย่แต่อันน์ก็เลือกที่จะอดทนคงเป็นเพราะยัยนี่ไม่เคยมีความรัก พอมีขึ้นมาหน่อยก็บูชาและทุ่มเทแบบสุดๆ "สักวันคงจะชัดเจนเอง" อันน์ตอบสั้นๆ เสียงแผ่วและไม่สบตา "แกอย่าทุ่มมากเกินไปนะอันน์ ฉันจำเป็นต้องพูดตรงๆ ว่าถ้าเราเป็นคนในความลับได้ เขาจะไม่มีวันให้เราเป็นตัวจริงหรอก เพราะฉะนั้นตัดได้ตัดเถอะวะ" ฮารุเตือนด้วยความจริงใจ "ฉันก็อยากจะตัดอยู่นะ แต่มันทำไม่ได้ อยากจะลองเปลี่ยนมามีความสัมพันธ์แบบวันไนท์ฯเหมือนแกดูอยู่เหมือนกันนะแต่ฉันทำไม่ได้" "ทำไม่ได้ดีแล้ว..ยังไงๆ แกก็เป็นผู้หญิงย่อมเสียหายมากกว่าฉัน อีกอย่าง...ตรงนั้นของแกน่ะรักษาไว้ดีๆ ใช้งานเยอะแบบรถไฟลอดได้เป็นขบวนก็ไม่ได้ม่ะอิดอก" อันน์ถึงกับหลุดหัวเราะก๊ากออกมากับจริตของฮารุและเพราะเข้าใจความหมายของฮารุดีว่าแปลว่าอะไร "เดี๋ยวนี้มันรีแพร์กันได้ป่ะ" "เหอะ! มันถิ่มเข้าไปแล้ว..ไม่ได้หมายความว่าเสร็จแล้วก็แล้วกันไปนะเว้ย..มันเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกจะมาเอาอย่างฉันได้อย่างไรฉันน่ะระดับปรมาจารย์ลัทธิช็อกการี" ฮารุยักไหล่ก่อนจะเชิ่ดหน้าขึ้นประหนึ่งว่าสวยมาก จริตของฮารุทำให้อันน์หัวเราะออกมาไม่หยุด เผลอลืมเรื่องปวดใจไปชั่วคราว "จริงว่ะ ไม่งั้นคงไม่รู้สึกเจ็บปวด ช่างเออะ ไปอาบน้ำแต่งตัวกันดีกว่า ฉันกะว่าจะทำข้าวกล่องไปให้พี่ต้าร์ตอนเที่ยงด้วย" "เอะ!ยังไงคะที่พูดมาทั้งหมดคือ..ไม่ซึมเข้าหัวแกเลยเหรออีอันน์ ยังจะไปทำดีกับเขาอี๊กกกก" ฮารุยักแบมือออกก่อนจะยักไหล่แบบไม่เข้าใจเพื่อนสาวเอาซะเลย สรุปว่าในสมองของชะนีที่ชื่ออีอันน์มันมีขี้เลื่อยหรืออะไรอยู่ถึงฟังไม่รู้ความถึงเรื่องที่ตนตักเตือนไปทั้งหมด "เฮ้อ ก็คนมันเคยทำทุกวัน มันชินไปแล้ว อีกอย่างฉันกลัวพี่เขารอ" "หราคะ เอาที่สบายใจเถอะค่าในเมื่อเตือนไม่ฟังกูก็ทำได้แค่รอเช็ดน้ำตาให้อย่างเดียวพอ ถึงห้องกูล่ะ บรัย!" ความรู้สึกของฮารุเหมือนสีซอให้กระบือฟัง พูดมารอบที่ร้อยก็ไม่รู้จะพูดอีกทำไมเพราะยังไงๆ อันน์ก็ไม่ฟังอยู่ดี แอ๊ด..ปั่ก! เสียงประตูเปิดออกและปิดลงในคราวเดียว ส่วนอันน์ต้องเดินขึ้นไปอีกชั้น ตึกนี้ไม่มีลิฟต์เลยต้องทำใจกับความเหนื่อยตอนเดินขึ้นลงชั้นสี่ ดังนั้นอันน์จึงเลือกที่จะทำอาหารกินเองและระวังมากๆ ที่จะไม่ลืมอะไรเอาไว้ชั้นล่าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD