"หมวกค่ะ"
ยื่นหมวกกันน็อคคืนให้เขาเมื่อรถเคลื่อนมาจอดที่ใต้ตึกอพาร์ทเม้นท์ที่อันน์เช่าพักอยู่
"อืม.."
ต้าร์พยักหน้าพร้อมกับรับหมวกกันน็อคมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาสตาร์ทรถเตรียมจะไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกนั้นอันน์ไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
"เดี๋ยววันนี้หนูเอาข้าวไปให้ที่ห้องซ้อมนะคะ"
หาเรื่องคุยต่อเพียงเพื่ออยากได้ยินคำลาดีๆ
"ไม่ต้องลำบากหรอก"
พูดจบเขาก็ปรายตาหันมามองเล็กน้อยด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะเหยียบครัชบิดคันเร่งมอ'ไซด์บิ๊กไบค์คันใหญ่ออกไปในทันที อันน์ยืนมองเขาจนลับสายตา ความรู้สึกหน่วงๆ แทรกซึมเข้ามาอย่างไม่อาจกั้น
ความรู้สึกเจ็บปวดมาเยือนทุกครั้งที่จากกันในตอนเกือบฟ้าสางเสมอ รู้ดีแต่ไม่เคยเข็ด รู้ตัวว่าควรตัดใจแต่ใจเจ้ากรรมกลับไม่ยอมฟัง ในหัวของเธอทุกๆ วินาทีมีแต่พี่ต้าร์ แต่เขานั้น...คงจะคิดถึงเธอจริงๆ ก็ในเวลาอย่างว่า
ได้แต่คิดอย่างรู้สึกน้อยใจอยู่คนเดียว เจ็บคนเดียวจนชินรู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหลเอ่อลงมาอาบแก้ม
"ไอ้อันน์!"
อันน์รีบปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก ดูท่าไม่น่าจะใช่เธอคนเดียวแล้วล่ะที่กลับเช้า นังฮารุก็เดินหัวฟูโทรมมาเหมือนกัน
"เพิ่งกลับเหรอ?"
ฮารุถามขึ้นพรางเกาหัวยิกๆ อ้าปากหาววอดๆ
"เออ แล้วแกล่ะไปไหนมา อืม..ดูจากสภาพแล้วให้เดาคงจะกลัวพ่อหนุ่มตาน้ำข้าวตื่นขึ้นมารับสภาพหน้าสดไม่ได้รึไง ถึงรีบกลับแต่เช้ามืด"
อันน์เม้มปากยกสองแขนขึ้นกอดอกหรี่สายตามองสำรวจเพื่อนสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า
"เหอะ! ฉันรีบเทเขากลับมาต่างหาก..เพราะว่าวันนี้มีงานเช้าหรอกย่ะ วันนี้แกกับฉันอยู่กะเดียวกันนะ ขืนฉันไปช้าก็โดนอีชะนีกะดึกหยุมหัวเอาสิ"ฮารุทำหน้าเซ็งเมื่อนึกถึงปลายฟ้าเพื่อนร่วมงานที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทสาขาซอยบางลาที่เป็นซอยถนนคนเดินกลางคืนแหล่งขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของหาดป่าตองจังหวัดภูเก็ต
"ไอ้ฟ้าคงยังโกรธที่แอบปิ๊งแกตอนแอ๊บแมน พอรู้ว่าแกไม่ใช่ชายแท้เลยแค้นกัดไม่ยอมปล่อยสักที "
พูดพรางเดินนำฮารุขึ้นตึก ทั้งคู่เช่าห้องอยู่คนละชั้นไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ส่วนค่าห้องได้รับการสนับสนุนมาจากพ่อกับแม่อีกที อีกอย่างทางบ้านของฮารุยังไม่รู้ว่าว่าฮารุเป็นเกย์...
เวลาว่างส่วนมากแล้วทั้งคู่ก็มักจะมาขลุกอยู่ด้วยกัน บางทีก็ห้องฮารุบางคราวก็ห้องของของอันน์บ้างสลับกันไป
ฮารุเป็นคนลากเธอมาทำงานและเรียนที่ภูเก็ตตั้งแต่แรกเพราะความฝันของนางอยากจะไปทำงานเป็นนางโชว์ที่แฟนตาซี ทว่า..สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเพราะแฟนตาซีไม่รับพนักงานพาร์ทไทม์..เลยต้องทำใจและรีบเรียนให้จบๆ จะได้เดินตามความฝัน ส่วนอันน์ฝันของมันตอนนี้คาดว่าน่าจะโฟกัสอยู่แต่อีพี่ต้าร์คนเดียว
"พี่ต้าร์แกมาส่งเหรอ?"
"อื้อ.."
พยักหน้าเบาๆ สายตาเศร้าจนฮารุรู้สึกได้ว่าเพื่อนของเธอกำลังนอยด์
"อีพี่ต้าร์นี่ก็เนอะ...สรุปจะเอายังไงกันแน่?"
ฮารุรู้สึกเซ็งแทนเพื่อนสาว ความสัมพันธ์แบบใดไม่รู้ ท็อกซิกจะแย่แต่อันน์ก็เลือกที่จะอดทนคงเป็นเพราะยัยนี่ไม่เคยมีความรัก พอมีขึ้นมาหน่อยก็บูชาและทุ่มเทแบบสุดๆ
"สักวันคงจะชัดเจนเอง"
อันน์ตอบสั้นๆ เสียงแผ่วและไม่สบตา
"แกอย่าทุ่มมากเกินไปนะอันน์ ฉันจำเป็นต้องพูดตรงๆ ว่าถ้าเราเป็นคนในความลับได้ เขาจะไม่มีวันให้เราเป็นตัวจริงหรอก เพราะฉะนั้นตัดได้ตัดเถอะวะ"
ฮารุเตือนด้วยความจริงใจ
"ฉันก็อยากจะตัดอยู่นะ แต่มันทำไม่ได้ อยากจะลองเปลี่ยนมามีความสัมพันธ์แบบวันไนท์ฯเหมือนแกดูอยู่เหมือนกันนะแต่ฉันทำไม่ได้"
"ทำไม่ได้ดีแล้ว..ยังไงๆ แกก็เป็นผู้หญิงย่อมเสียหายมากกว่าฉัน อีกอย่าง...ตรงนั้นของแกน่ะรักษาไว้ดีๆ ใช้งานเยอะแบบรถไฟลอดได้เป็นขบวนก็ไม่ได้ม่ะอิดอก"
อันน์ถึงกับหลุดหัวเราะก๊ากออกมากับจริตของฮารุและเพราะเข้าใจความหมายของฮารุดีว่าแปลว่าอะไร
"เดี๋ยวนี้มันรีแพร์กันได้ป่ะ"
"เหอะ! มันถิ่มเข้าไปแล้ว..ไม่ได้หมายความว่าเสร็จแล้วก็แล้วกันไปนะเว้ย..มันเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกจะมาเอาอย่างฉันได้อย่างไรฉันน่ะระดับปรมาจารย์ลัทธิช็อกการี"
ฮารุยักไหล่ก่อนจะเชิ่ดหน้าขึ้นประหนึ่งว่าสวยมาก จริตของฮารุทำให้อันน์หัวเราะออกมาไม่หยุด เผลอลืมเรื่องปวดใจไปชั่วคราว
"จริงว่ะ ไม่งั้นคงไม่รู้สึกเจ็บปวด ช่างเออะ ไปอาบน้ำแต่งตัวกันดีกว่า ฉันกะว่าจะทำข้าวกล่องไปให้พี่ต้าร์ตอนเที่ยงด้วย"
"เอะ!ยังไงคะที่พูดมาทั้งหมดคือ..ไม่ซึมเข้าหัวแกเลยเหรออีอันน์ ยังจะไปทำดีกับเขาอี๊กกกก"
ฮารุยักแบมือออกก่อนจะยักไหล่แบบไม่เข้าใจเพื่อนสาวเอาซะเลย สรุปว่าในสมองของชะนีที่ชื่ออีอันน์มันมีขี้เลื่อยหรืออะไรอยู่ถึงฟังไม่รู้ความถึงเรื่องที่ตนตักเตือนไปทั้งหมด
"เฮ้อ ก็คนมันเคยทำทุกวัน มันชินไปแล้ว อีกอย่างฉันกลัวพี่เขารอ"
"หราคะ เอาที่สบายใจเถอะค่าในเมื่อเตือนไม่ฟังกูก็ทำได้แค่รอเช็ดน้ำตาให้อย่างเดียวพอ ถึงห้องกูล่ะ บรัย!"
ความรู้สึกของฮารุเหมือนสีซอให้กระบือฟัง พูดมารอบที่ร้อยก็ไม่รู้จะพูดอีกทำไมเพราะยังไงๆ อันน์ก็ไม่ฟังอยู่ดี
แอ๊ด..ปั่ก!
เสียงประตูเปิดออกและปิดลงในคราวเดียว ส่วนอันน์ต้องเดินขึ้นไปอีกชั้น ตึกนี้ไม่มีลิฟต์เลยต้องทำใจกับความเหนื่อยตอนเดินขึ้นลงชั้นสี่ ดังนั้นอันน์จึงเลือกที่จะทำอาหารกินเองและระวังมากๆ ที่จะไม่ลืมอะไรเอาไว้ชั้นล่าง