“เอมิ...ฉะ...ฉันขอโทษ เธอ..” ไลท์เดินเข้ามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าฉันราวกับรู้สึกผิด
“ฮือออ”
“ฉันขอโทษ...” อีตาบ้าไลท์ทำหน้าสำนึกผิดสุดชีวิต ให้ตายเหอะ! ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะตาบ้า!
“นาย....นายทำแบบนี้ทำไม นายทำลงไปได้ยังไง!”
“ฉันก็แค่โมโหอ่ะ กะ..ก็เธอคิดจะมาปั่นหัวเพื่อน ๆ ฉันนี่”
“ปั่นหัวอะไรล่ะ ฉันไม่เคยรู้จักเพื่อนนายเลยนะ”
“ยังจะมาโกหกอีก ฉันจำเธอได้นะเอมิ”
แง้! เอมิบ้าบออะไรเล่าาา นี่ฉันจะโกหกต่อดีไหมเนี่ย! ฉันเช็ดน้ำตาออกจากข้างแก้มก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ระ...เรื่องของนายแล้วกัน ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว และก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก!” ฉันพูดได้แค่นั้นแล้วรีบเดินเลี่ยงออกมาจากห้องทันที
บ้าที่สุดเลย! ทำไมต้องมีคนอย่างนายมาคอยจับผิดฉันด้วยนะ ฮือออ
.
.
.
ออด~
เสียงออดคาบเรียนสุดท้ายของช่วงเช้าดังก้องไปทั้วโรงเรียน ทำให้หญิงสาวที่กำลังฟุบหน้าหลับอยู่กับโต๊ะภายในชมรมแฟชั่น (SG คลับ) สะดุ้งตื่นก่อนจะบิดตัวไปมาเมื่อได้สติ
ฉันงัวเงียนิดหน่อยกับอาการอดหลับอดนอนมาหลายวัน เนื่องจากต้องรีบสะสางรายงานที่อาจารย์สั่งให้ทำกองเท่าหัวก่อนจะเตรียมตัวสอบ แล้วไหนจะภารกิจที่ต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จเพื่อที่จะได้ไม่เหลือภารกิจไว้ให้ทำในช่วงสอบอีกต่างหาก พวกยัยน้ำชาเดินเข้ามาในชมรมพลางหันมามองอาการงัวเงียของฉันอย่างสงสัย
“เฮ้ย! ไอ้บ้านิว ผีญี่ปุ่นเข้าสิงแกหรือไงวะ” โบลิ่งเดินมาผลักหัวฉันแล้วนั่งลงตรวจสอบภารกิจที่ฉันยังคัดไม่เสร็จ
“นั่นดิ แกเป็นอะไรวะหน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม อ้าว แล้วนี่แกโดดเรียนคาบเช้าทุกคาบเลยเหรอเนี่ย?” หนามเตยเดินไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ตัวเก่งของมันแล้วหยิบเอกสารภารกิจขึ้นมาอ่านรายละเอียด
“ก็เออดิ ไอ้เพื่อนเลวมันโดดเรียน มันทิ้งฉัน!!” ยัยน้ำชาสะบัดหน้างอน “ฉันโทรหาแกก็ไม่ติดนะยะ นี่แกยังเห็นฉันเป็นเพื่อนแกอยู่หรือเปล่าห๊ะ!”
ฉันนั่งมองหน้าพวกมันด้วยความเหนื่อยหน่าย อะไรของพวกแกฟะเนี่ย เข้ามาถึงก็เทศนากันยกใหญ่ นี่ฉันเพิ่งตื่นนะเฟ้ยยย
“อึไม่ออกกันหรือไงพวกแก ฉันก็แค่ง่วงนอนเฉย ๆ นี่ก็นอนดึกมาหลายวันแล้วนะ จะบ้าตายแล้วช้านนน!”
“เอ่อ...พี่นิวคะ พี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า พี่ดูแปลก ๆ ไปตั้งแต่เรากลับมาจากงานวันเกิดนายกรวิทย์แล้วนะคะ”
ช่างสังเกตจังแม่คู้นนน นี่มันผ่านมาสองวันแล้วนะ อาการฉันมันออกขนาดนั้นเลยเร๊อะ!
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เหนื่อย ๆ นิดหน่อย เออ เดี๋ยวฉันจะออกไปทำภารกิจนะ วันนี้ฉันไม่เข้าเรียนแล้ว ไปละ”
“อ้าวเฮ้ย! ไอ้นิว แกจะโดดเหรอวะ เดี๋ยว...” ฉันรีบเดินออกมาจากห้องโดยไม่ฟังเสียงเรียกของยัยน้ำชา ให้ตายเหอะ! ฉันเป็นอะไรไปฟะเนี่ย! หงุดหงิดฉิบเป๋ง!
คืนงานเลี้ยงในวันนั้น หลังจากที่ฉันเดินหนีอีตาบ้าไลท์ออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดปนอายโคตร ๆ ฉันก็ต้องกลับเข้าไปในงานพร้อมกับอาการที่ (พยายาม) ปกติสุดฤทธิ์ ฉันกับยิปซีอยู่ในงานกันต่ออีกประมาณยี่สิบนาทีก็ขอตัวกลับบ้าน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ฉันวางไว้ นายกรวิทย์สนใจฉันและขอตามมาส่งที่บ้าน เช่นเดียวกันกับนายเปรมนัสที่ขอตามยิปซีไปส่งบ้านเหมือนกัน เราทั้งคู่เลยทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ทั้งสองหนุ่มแทนก่อนจะกลับออกมาจากงาน
ตั้งแต่คืนนั้นจนถึงตอนนี้ฉันก็แทบจะไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างแต่อย่างใด พยายามรีบ ๆ ออกเดตกับอีตาวิทย์และบาสให้มากที่สุด เพราะอยากจะให้ภารกิจของพวกเพื่อน ๆ อีตาไลท์จบสิ้นสักที ฉันไม่อยากเห็นหน้าอีตาบ้านั่นอีกแล้วนะ!
หมับ!
แขนของฉันโดนใครบางคนดึงไว้ให้หยุดเดินหลังจากที่เดินนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย ฉันหันไปมองรอบตัวก็พบว่าตัวเองเดินมาจนถึงหลังโรงเรียนเซนต์อังดรูว์ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียนฉันเพียงไม่กี่ซอย
“จะไปไหนจ๊ะน้องแพรของพี่” ผู้ชายที่แสนจะคุ้นหน้าคุ้นตาพูดพร้อมรอยยิ้มที่ค่อนข้างน่ากลัวขณะที่ฉันหันไปมองเขาด้วยความสงสัย
“หนะ..นายเป็นใคร? ฉันไม่ได้ชื่อแพร ปล่อยฉันนะ!” ฉันพยายามสะบัดแขนออกแต่มือใหญ่นั่นกลับยิ่งบีบแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ฮ่า ๆ นี่น้องแพรจำพี่ไม่ได้เหรอจ๊ะ แต่พี่จำน้องแพรได้นะ ว่าแต่วันนี้ทำไมผมยาวจังเลยล่ะ เอ๋? แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ”
คุ้น ๆ อ่ะ นึกก่อน ๆ ห๊ะ… ฉันตาโตทันทีที่นึกขึ้นได้ นี่มันอีตาเคนเด็กมหาวิทยาลัยปีสองที่ฉันเคยหักอกไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่นา
อะไรกัน... หมอนี่จำฉันได้ด้วยเหรอ อ๊ากกกก! งานเข้านิวเคลียร์อีกแล้วววววว
“ปล่อยฉันนะ! ฉันไม่รู้จักนาย!”
พลั่ก!
ฉันสะบัดแขนก่อนจะผลักไอ้บ้าเคนล้มลงไปกับพื้นสุดแรงเกิด แล้วรีบใส่เกียร์หมาวิ่งหน้าตั้งไปทางหลังโรงเรียนเซนต์อังดรูว์ทันที
กรี๊ดดดด! ไอ้บ้า อย่าตามฉันมานะ ฉันกลัววว!!
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าฉันดังสลับกับเสียงฝีเท้าของคนที่วิ่งตามมาข้างหลัง เคนวิ่งตามฉันมาด้วยระยะที่ห่างพอสมควรอาจจะเป็นเพราะฉันวิ่งโคตรเร็วมั้ง ถึงจะขาสั้นแต่ฉันก็เป็นแชมป์วิ่งเร็วนะยะ
ฟุบ!
“อ๊ะ!”
ฉันวิ่งเลี้ยวเข้าไปทางมุมกำแพงก่อนจะถึงประตูหลังโรงเรียนจนชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง ใบหน้าฉันซุกเข้ากับแผ่นอกกว้างของคนร่างสูงตรงหน้าพอดี กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเขาทำให้สมองฉันมึนงงไปชั่วขณะ ร่างที่กำลังจะทรุดลงไปนั่งบนพื้นตามแรงในการชนเมื่อครู่ของฉันถูกวงแขนแกร่งของเขารวบเอวไว้ซะก่อน ฉันพยายามดันตัวออกจากการถูกกอดเพื่อทรงตัวแต่กลับถูกแรงฉุดเบา ๆ จนเซเข้าปะทะกับแผงอกของเขาอีกรอบ