“ยัยนิว! เฮ้ ๆ แก! นิวเคลียร์โว้ยยยยย!”
ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อยัยน้ำชาที่นั่งอยู่ด้านข้างตะโกนใส่หู ให้ตายสิ วันนี้มันเรียกฉันเป็นครั้งที่แปดร้อยแล้วมั้ง (เว่อร์ไว้ก่อน)
“อะไรของแกวะ นี่แกเรียกฉันมาทั้งวันแล้วนะ น่ารำคาญ!” ฉันหันไปแหวใส่ขณะที่เรากำลังเดินอยู่บนทางเดินไปยังชมรม
“เฮอะ! รำคาญเหรอ ฉันสิที่ต้องรำคาญแกวันนี้แกเอาแต่นั่งเหม่อนะยัยนิว ฉันคุยอะไรกับแกก็เหมือนคนบ้านั่งคุยคนเดียวเลย นี่แกเป็นอะไรเปล่าวะ ตั้งแต่เช้ายันเย็น ไอ้บ้า”
“ก็เปล่าหรอก ฉันก็แค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ”
“เพลินมากไปไหมแก แล้วนี่เดี๋ยวแกต้องไปปลอมตัวอีกใช่ไหม ไม่รู้ยัยเด็กยิปซีนั่นพร้อมหรือยังเหอะ”
นี่ตกลงมันเป็นประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบหรือเปล่าฟะ รู้สึกเหมือนมันพูดคนเดียวเลย
หลังจากเดินเข้ามาในชมรมเราสองคนก็เจอกับยิปซีที่ถูกจับแปลงโฉมเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยฝีมือของปูเป้เจ้ใหญ่แห่ง SG ฉันเดินเข้าไปหยิบชุดที่เลือกไว้ตั้งแต่เมื่อตอนเที่ยงแล้วรีบเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
.
.
.
20 นาทีต่อมา
หญิงสาวร่างแบบบางในชุดเดรสเกราะอกสีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉัน ใบหน้าสวยหวานซ่อนเปรี้ยวแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนกลายเป็นสาวร้อนแรง ดวงตากลมโตกรีดอายไลน์เนอร์คมกริบทอดสายตามองเรือนร่างของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ตรงหน้า วิกผมสีน้ำตาลอ่อนแกมทองถูกปล่อยยาวถึงสะโพกพร้อมกับผมหน้าม้าที่ขับรับกับใบหน้าเรียวสวยให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างไม่อาจละสายตาได้
ฉันส่งยิ้มภูมิใจให้กับตัวเองในกระจกแล้วหยิบแว่นกันแดดสีชาเลนส์ใหญ่ขึ้นสวมทับดวงตากลมโตก่อนจะเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ยิปซีที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วหันมามองฉันอย่างชื่นชม เธออยู่ในชุดแซกสีชมพูอ่อนกระโปรงคลุมเข่า แต่งแต้มใบหน้าหวานด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ ราวกับคุณหนูผู้บอบบางไม่มีผิด ซึ่งแตกต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง ให้ตายเหอะปูเป้ นี่แกจะแต่งให้ยัยนี่เป็นน้องสาวฉันจริง ๆ หรือเปล่าย่ะ ทำไมมันห่างไกลกันเยี่ยงนี้
ฉันถอนหายใจแล้วเดินนำออกมาจากชมรม รถ BMW คันหรูของปูเป้จอดเทียบรออยู่หน้าตึก ฉันรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลังอย่างเคยชินส่วนยิปซีเดินอ้อมมานั่งเบาะหน้าข้างคนขับเหมือนรู้หน้าที่
พวกเรามาถึงหน้าโรงแรมห้าดาวสุดหรูที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองภายในเวลาสิบห้านาทีต่อมา เราสองคนเดินเข้าไปในโรงแรมแล้วกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นที่ 25 หลังจากนั้นก็เดินลัดเลาะมาตามทางเดินหรูจนกระทั่งถึงที่หมายปลายทาง ห้องโถงขนาดใหญ่ห้องหนึ่งมีป้ายเขียนหน้าห้องว่า ‘งานเลี้ยงวันเกิดคุณกรวิทย์ เตวีระเดชา’ และก่อนที่เราทั้งสองจะได้ย่างก้าวเข้าไปภายในงานเลี้ยงที่ว่าฉันกลับดึงแขนยิปซีที่เดินอยู่ด้านข้างแล้วพาเข้ามาในห้องโถงว่างห้องหนึ่ง เพื่อเตี๊ยมกันอีกครั้ง
“โอเค... เอาล่ะ ทีนี้ฟังฉันนะยิปซี ตอนนี้เธอกับฉันมีเป้าหมายอยู่ในงานนี้เหมือนกัน เธอรู้ใช่ไหมว่าเป้าหมายของเธอคือใคร แล้วจำหน้าเขาได้หรือเปล่า” ฉันถอดแว่นกันแดดสีชาออกแล้วจ้องหน้ายิปซีด้วยสายตาคมกริบจนยิปซีตัวสั่นนิด ๆ นี่ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอย่ะ
“จำได้ค่ะ เขาชื่อเปรมนัส อัครสุทธิชาติ ชื่อเล่นชื่อเปรมค่ะ”
“อืม..ดีมาก เขาเป็นเพื่อนกับเจ้าของงานวัดเกิดนี้ จำไว้นะ..ว่าต่อไปนี้เธอคือพิ้งกี้ น้องสาวของพริตตี้ซึ่งก็คือฉัน เราสองคนเพิ่งเรียนจบมาจากอเมริกา..ถ้าเขาถามอะไรเธอมากไปกว่านั้นก็พยายามเฉไฉไปตามไหวพริบของเธอ เธอจะทำยังไงก็ได้เพื่อให้เขาสนใจเธอ แต่ฉันขอร้องว่าควรจะเป็นวิธีที่สงวนตัว อย่าเสนอตัวหรือเชิญชวนจนเกินไปใช้มารยาหญิงที่มีให้เป็นประโยชน์ หรือถ้าเธอยังไม่กล้าก็ยืนอยู่ข้างฉันไปก่อน และดูการกระทำของฉัน เข้าใจไหม?”
“ค่ะ แล้วเป้าหมายของพี่นิวเคลียร์คือใครเหรอคะ?”
“เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ อ้อ แล้วที่สำคัญนะ..อย่าสนใจผู้ชายคนอื่น นอกจากเป้าหมายเราคนเดียวเท่านั้น เดี๋ยวเหยื่อจะไม่ติดเบ็ด โอเคนะ”
“ค่ะ” ยิปซีพยักหน้าเข้าใจ ฉันจึงเปิดประตูออกมาสู่โถงทางเดินด้านนอกอีกครั้ง รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นเมื่อคนในงานหันมาสนใจเราสองคน การ์ดในมือถูกยื่นให้พนักงานต้อนรับหน้าประตูงาน เธอรับยิ้มให้เราสองคนอีกครั้งก่อนผายมือเชิญเข้าไปด้านในอย่างนอบน้อม
ทันทีที่เดินก้าวเข้ามาภายในงานสายตาของคนละแวกนั้นก็หันมามองฉันเป็นตาเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นจุดเด่นของคนรอบข้างภายในพริบตา อาจจะเป็นเพราะชุดเกราะอกสีแดงที่แสนจะสั้นของฉันที่ขับรับกับผิวขาวเนียนน่าสัมผัสของฉันอย่างดูดี (เขินเหมือนกันนะเนี่ย) ฉันส่งยิ้มทุกครั้งที่สบสายตากับคนในงานและภายในเวลาไม่ถึงสามนาที สุภาพบุรุษเจ้าของงานวัดเกิดก็เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนของเขาเพื่อมาทักทายฉัน
“สวัสดีครับ ผมกรวิทย์ เป็นเจ้าของงานวันเกิดนี้ครับ ไม่ทราบว่าคุณ...” กรวิทย์ส่งยิ้มที่คิดว่าสุภาพที่สุดมาให้ฉัน ก่อนจะยื่นมือขวามาเพื่อขอจับมือทำความรู้จัก ฉันส่งยิ้มหวานกลับด้วยมารยาที่ล้นฟ้า แล้วยื่นมือขวาไปจับมือเขาเช่นกัน
“สวัสดีค่ะ ฉันพริตตี้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แล้วก็..สุขสันต์วันเกิดด้วยค่ะ” กรวิทย์ยกหลังมือฉันขึ้นจูบพลางส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้จนน่าอ้วก
แต่ช่างเหอะ...เพื่อภารกิจน่ะนะ
“ขอบคุณมากนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักสาวสวยอย่างคุณเช่นกัน เอ๋? ว่าแต่คุณพริตตี้ไม่ค่อยออกงานเหรอครับ เพราะผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย”
ฉันแกล้งดึงมือกลับเพื่อหยิบคอกเทลที่บริกรเดินเข้ามาเสิร์ฟให้อย่างได้จังหวะ
“อ๋อ ใช่ค่ะ พอดีพริตตี้กับน้องสาวเพิ่งกลับมาจากอเมริกาน่ะค่ะ ก็เลยเพิ่งมีโอกาสมาออกงานเป็นครั้งแรก” ฉันถือคอกเทลไว้ในมืออย่างไว้ท่า ดูเหมือนเป้าหมายฉันเริ่มติดกับสังเกตจากสายตาหวานหยดย้อยจนอยากจะอ้วกของเขา ถึงจะหล่อก็เหอะ