“กูว่ากูยืนรอไอ้ซัมตรงนี้ดีกว่า” ไลท์ถอยกลับมายืนข้างฉันเหมือนเดิม พลางยกไหล่ขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เฮียนัทตวัดสายตาคุกรุ่นพยายามจะไล่เขาอีกรอบ
“จะเอายังไงวะไอ้ไลท์! กูจะคุยกับน้องกู แล้วมึงจะมายืนฟังอะไรเนี่ย!”
“แต่ฉันไม่อยากคุยกับเฮียนิ ไม่มีอะไรจะคุยด้วย! ฉันจะกลับบ้านแล้ว” ฉันจ้องหน้าเฮียนัทอย่างโกรธ ๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากตึกโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น
บ้าที่สุดเลย! ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ด้วยนะ!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้นิว นั่นแกจะไปไหนห๊ะ! ดึกขนาดนี้เดี๋ยวฉันไปส่งแกที่บ้านเอง"
“ไม่! อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่อยากกลับกับเฮีย” เฮียนัทยังคงเดินตามฉันมาติด ๆ ฉันยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างเพราะไม่อยากได้ยินเสียงเฮียให้หงุดหงิดอีกก่อนจะก้าวเท้าวิ่งหนีเฮีย
“ไอ้นัท เดี๋ยวกูไปส่งน้องสาวมึงเองดีกว่า ตอนนี้น้องมึงกำลังโกรธ กูว่ามึงอย่าเพิ่งตามไปเลย” เสียงไลท์แว่วมาเหมือนกำลังเจรจาอะไรสักอย่างกับเฮียนัท ทำให้ฉันชะงักขานิดหน่อยก่อนจะก้าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ
“ไม่! กูไม่ไว้ใจมึงไอ้ไลท์”
“เฮ้ย... นี่กูเป็นเพื่อนมึงนะโว้ย คบกับมึงมานานที่สุดเลยด้วยซ้ำ ยังจะมาระแวงกันอีกวะ ไอ้เวรนี่” ฉันเดินออกมาจนเกือบถึงลานจอดรถซึ่งเป็นทางผ่านไปหน้าโรงเรียนพอดี ไม่อยากสนใจอะไรแล้ว รู้แต่ว่า โกรธ! โกรธ! โกรธไอ้พี่บ้าที่สุด
“เออ! โธ่โว้ย! ฉันกลับไปเคลียร์กับแกแน่ ไอ้น้องบ้า!” เสียงเฮียนัทสบถอย่างหัวเสียดังลั่นลานจอดรถ แต่ฉันทำเป็นไม่สนใจเพราะคิดว่าเฮียคงยอมให้ฉันกลับคนเดียวแล้ว แต่เปล่าเลย...
หมับ!
“อ๊ะ!” ฉันหันไปมองมือข้างหนึ่งที่ดึงแขนฉันไว้ให้หยุดเดิน ก่อนที่เจ้าของมือข้างนั้นจะออกแรงลากให้ฉันเดินตามเขาไปทางรถพอร์ชสีดำคันหรูของเขา ฉันมองไลท์ที่กำลังเปิดประตูรถข้างคนขับด้วยความแปลกใจ
“อะไรของนายยะ! ลากฉันมาทำไม!”
“เข้าไปสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
ว่าไงนะ! นายจะไปส่งฉันเนี่ยนะ! ให้ตายเหอะ! ฉันยอมนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า ไลท์มองหน้าฉันนิ่งแต่ออกคำสั่งทางสายตาอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่! ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย” ฉันยืนกอดอกอย่างขัดใจแล้วปรายตามองเขาด้วยความเซ็ง ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ไปกับนายหรอก ชิส์ นายมันน่าไว้ใจตายล่ะ!
“อ้าว ก็เธอดึงแขนฉันไว้ ฉันก็เลยนึกว่าเธออยากจะให้ฉันอยู่ช่วยน่ะสิ”
“ฉันบอกนายตอนไหนไม่ทราบ ที่ฉันดึงนายไว้ก็เพราะอยากให้นายอยู่ดักคอเฮียนัทเท่านั้นแหละ อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย ตอนนี้หมดหน้าที่ของนายแล้วจะไปไหนก็ไป และก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน" พูดจบฉันก็ทำท่าจะหันหลังกลับแต่อีตาบ้าไลท์ดึงมือฉันเอาไว้อีกครั้ง เอ๊ะ นายแต๊ะอั๋งฉันอีกแล้วนะตาบ้า!
“งั้นเหรอ.. ฉันไม่ใช่ไม้กันหมานะที่จะเอามากันท่าพี่ชายเธออ่ะ อีกอย่างเธอไม่เห็นเหรอไงว่าไอ้นัทมันกำลังยืนมองเราสองคนอยู่ ถ้าเธออยากจะให้มันลากเธอไปส่งเองก็เชิญ” ฉันหันกลับไปมองเฮียนัทที่ยังคงยืนทำหน้าโหดใส่ฉัน แถมยังทำท่าจะถลาเข้ามาตอนที่เห็นไลท์ดึงมือฉันไปจับ
ให้ตายเหอะ! นี่ฉันไม่มีทางเลือกแล้วใช่ไหมเนี่ย
“งั้นฉันกลับแท็กซี่ก็ได้” ฉันตอบออกมาอย่างไม่ใส่ใจแต่แอบหวั่นใจนิด ๆ
“งั้นก็ตามใจถ้าเธอคิดว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมาแถวนี้ตอนตีสอง”
“...”
ไลท์ปล่อยมือออกแล้วเต๊ะท่ายืนล้วงกระเป๋าขณะเอนตัวพิงรถพอร์ชคันหรูของเขาอย่างน่าหมั่นไส้
“ว่าไง? พี่เธอคงไม่ยอมปล่อยให้เธอขึ้นรถแท็กซี่คนเดียวหรอกนะ” อีตาบ้าไลท์ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แสนจะปีศาจมาให้ฉัน
ฮึ่ย~บ้าที่สุดเลย ทำไมฉันต้องมาเจอะเจอคนอย่างนายอีกด้วยนะ หงุดหงิดชะมัด ฉันเม้มปากขัดใจก่อนจะกระแทกเท้าเข้าไปนั่งบนรถเขาอย่างหัวเสีย
“พูดง่าย ๆ อย่างนี้สิน่ารัก” ไลท์ปิดประตูให้ฉันเบา ๆ แล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งคนขับก่อนเข้ามานั่งอย่างสบายใจ
อ๊ากกกก ไอ้ปีศาจบ้า อย่ามายั่วโมโหฉันนะ เจ็บใจชะมัด ฮึ่ย ฝากไว้ก่อนเถอะ สักวันฉันจะเอาคืนให้สาสมเลย!
.
.
.
“ฮ้าว~”
“เอ้า ๆ หาวเข้าไป ๆ เหอะ นี่แกหาวรอบที่ร้อยเจ็ดสิบสี่แล้วนะยัยบ้า” ยัยน้ำชาบ่นขึ้นหลังจากอาจารย์ฟิสิกส์เดินสะบัดก้นงอน ๆ ออกจากห้องไปเมื่อหมดคาบสุดท้ายช่วงเช้า
เออดี ยังอุตส่าห์มานั่งนับให้อีกนะยะ โอ๊ยยย จะไม่ให้ง่วงได้ยังไงกันล่ะ เมื่อคืนกว่าฉันจะได้กลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบตีสี่ แถมยังโดนม้าปลุกตั้งแต่เจ็ดโมงอีกต่างหาก ชีวิตช่างอดสูสิ้นดี ฉันฟุบหน้าลงบนโต๊ะเรียนด้วยอาการง่วงงุนขั้นโคม่าหนังตากำลังจะปิด โดยไม่ใส่ใจกับเสียงวี๊ดว้ายของยัยเพื่อนรักที่นั่งเปิดนิตยสารเล่มโปรดของมันเลยสักนิด
“ฮ้าว~”
“โอ๊ยยย ยัยนิว ถ้าแกยังไม่เลิกหาวรบกวนสมาธิในการดื่มด่ำอาหารตาของฉันล่ะก็ ฉันจะเอานิตยสารสุดที่รักนี่ยัดปากแก ให้ตายเหอะ! เมื่อคืนแกไปทำอะไรมาวะถึงได้อดหลับอดนอนขนาดนี้อ่ะ”
เง้อ จะให้ฉันบอกแกยังไงดีล่ะ บอกว่าไปอยู่กลางฮาเร็มผู้ชายสุดหล่อมาอย่างนั้นน่ะเหรอ มีหวังยัยนี่ต้องเป็นลมล้มพับไปแหง ๆ ยิ่งขี้เกียจมานั่งตอบคำถามงี่เง่า ๆ ของมันอยู่
ครืด! ครืด!
เอ๊ะ! ฉันเงยหน้าขึ้นมองยัยน้ำชาซึ่งมันก็เงยหน้าจากนิตยสารขึ้นมองฉันเช่นกัน เราสองคนสบตากันปิ๊ง ๆ อย่างสื่อความหมาย ฉันหรี่ตามองมันอย่างสุดฝืนจนมันยกนิ้วขึ้นชี้ไปทางกระเป๋าสะพายของฉันในที่สุด
“แชทแกเหรอ?”
“ของแกก็ด้วย” เราสองคนต่างหันไปคว้าโทรศัพท์คู่ใจของตัวเองขึ้นมาเปิดอ่านทันที แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากันอีกครั้งด้วยความแปลกใจ
“ปูเป้เรียกประชุม?”
“ด่วนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันบ่นอุบอิบพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิด ๆ มีเรื่องอะไรด่วนอีกนะ ช่วงนี้คลับเรางดรับภารกิจชั่วคราวนี่นา แล้วทำไมยังเรียกประชุมด่วนอีกล่ะ!