ชมรมแฟชั่น (SG คลับ)
ขณะนี้พวกเราทั้งห้าคน (ประกอบด้วยฉัน น้ำชา โบลิ่ง หนามเตย และยิปซี) ได้เข้ามานั่งรอปูเป้อยู่ภายในห้องกันอย่างพร้อมหน้า และทุกคนต่างก็แปลกใจไม่แพ้กันกับการเรียกประชุมด่วนกะทันหันครั้งนี้ แต่ก่อนจะได้ตั้งข้อสงสัยมากไปกว่านี้บุคคลที่เรียกพวกเรามาด่วนก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตูห้องเรียกสายตาทั้งห้าคู่ให้หันไปมองอย่างเสียไม่ได้ ปูเป้เดินเข้ามาหยุดยืนหน้าห้องแล้วส่งยิ้มเกรงใจให้พวกเราทุกคน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับสาวสวยคนหนึ่งซึ่งเดินตามหลังเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ฉันมองหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา หน้าตาแบบนี้เหมือนฉันจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ มือบางถอดแว่นตาสีชาออกเผยดวงตากลมโตตัดรับกับใบหน้าเรียวขาวได้รูปของเธอ ว้าว! ผู้หญิงคนนี้จัดว่าสวยมากเลยทีเดียวแหละ ขนาดฉันเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ยังอดรู้สึกชื่นชมความสวยของเธอไม่ได้เลยอ่ะ แต่ดูจากสีหน้าและท่าทางเคร่งขรึมของเธอแล้วคงจะอายุมากกว่าพวกฉันอยู่นะ
“สวัสดีจ้ะ รุ่นน้องที่น่ารักของฉัน”
รุ่นน้องเหรอ? หมายความว่าไงฟะ.. สาวสวยที่ว่าส่งยิ้มแปลก ๆ มาให้พวกเรา ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพายของเธอ
“ฉันชื่อซันชายน์เป็นสมาชิกเก่าของ SG คลับเมื่อสามปีที่แล้วจ้ะ”
“สมาชิกเก่าเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ”
เอ่อ... หนามเตย แกถามได้ไร้มารยาทมากเลยนะ ถึงแม้ฉันจะอยากถามเหมือนแกก็เหอะ
“เกี่ยวสิ เพราะวันนี้ฉันมีภารกิจจำเป็นมาให้พวกเธอทำ” พี่ซันชายน์ว่าแล้วยื่นเอกสารในมือที่เธอเพิ่งหยิบออกมาจากกระเป๋าเมื่อกี้ให้กับหนามเตย ยัยนั่นรับมาอ่านก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ
“อะไรเนี่ย! ได้ไงกัน ก็ไหนเธอบอกให้พวกเราพักไง!”
อ่าห๊ะ...รู้สึกถึงออร่าความหงุดหงิดที่เริ่มแผ่กระจายออกมาจากตัวยัยเตยอย่างชัดเจน
“เอ่อ... คืออย่างนี้นะ พอดีว่าพี่ซันชายน์ต้องการให้เราทำภารกิจนี้ให้อ่ะ แต่ไม่ได้ให้ทำทุกคนนะ แค่คนเดียวก็พอ” ปูเป้รีบแย้งขึ้นเมื่อเห็นบรรยากาศมาคุกระจายตัวรอบห้อง
“ภารกิจจำเป็นงั้นเหรอ? อะไรกัน ก็ไหนปูเป้บอกให้เราหยุดพักเพื่อเคลียร์ภารกิจเก่าก่อนสอบไง แล้วทำไมถึงรับภารกิจเพิ่มล่ะ โหย แล้วอย่างนี้จะให้ใครรับภารกิจนี้ล่ะ ของเก่ายังเคลียร์ไม่เสร็จเลยนะ” โบลิ่งบ่นยาวเหยียดพลางมองสลับไปมาระหว่างปูเป้กับพี่ซันชายน์ก่อนจะหันมาหยุดอยู่ที่หน้าฉัน
เฮ้ย! อะไรน่ะ! อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นเซ่ ฉันเหลือบมองทุกคนภายในห้องก็พบกับสายตายืนยันว่าฉันนี่แหละคือคนที่จะมารับภารกิจนี้~
ไม่นะ ฉันไม่รับ!
“มะ...ไม่นะ ทำไมทุกคนมองฉันอย่างนั้นอ่ะ ฉันไม่ทำนะ”
“แต่เธอต้องทำจ้ะ เพราะที่ฉันมาถึงที่นี่ก็เพื่อมาหาเธอโดยเฉพาะ” พี่ซันชายน์ส่งยิ้มน่ากลัวมาให้ฉัน แง ๆ ไม่อาว~ฉันยังไม่รู้เลยนะว่าต้องไปทำอะไรอ่ะ
“งั้นแกก็ลองดูภารกิจเอาเองละกัน”
หนามเตยส่งเอกสารในมือมาให้ฉันเหมือนกับอ่านความคิดของฉันออก ฉันเอื้อมมือไปรับมาเปิดอ่านด้วยอาการเหมือนคนกำลังจะตาย ก่อนจะรู้สึกว่าฉันควรจะตายไปซะตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า เมื่อเห็นรูปผู้ชายที่อยู่ในมือ
“ไม่จริงอ่ะ ไม่ใช่อีตาบ้านี่ใช่ไหม!” ฉันอุทานลั่น ยัยน้ำชารีบดึงรูปไปดูแล้วอ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปสิบตัวพร้อมกับหันมามองฉันด้วยอาการช็อกปนอึ้ง
“ไลท์! นี่มันไลท์ใช่ไหมคะ!” น้ำชาถามพี่ซันชายน์เพื่อเป็นการตอกย้ำ
“…”
“ใช่จ้ะ พี่อยากให้นิวเคลียร์ช่วยไปสั่งสอนให้ผู้ชายอย่างไลท์รู้จักคำว่า ‘เจ็บปวด’ บ้าง” พี่ซันชายน์ยืนกอดอกจ้องมองรูปภาพในมือน้ำชาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคับแค้น
“ไม่! ฉันไม่รับงานนี้เด็ดขาด!” ฉันรีบปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ว่าจะยังไงฉันจะไม่มีวันเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับอีตาปีศาจนั่นอีกเด็ดขาด
“ฉันนึกอยู่แล้วว่าเธอจะต้องปฏิเสธ ฉันเลยเตรียมนี่มาให้เธอดู” พี่ซันชายน์ยื่นแผ่นซีดีสีขาวส่งให้ปูเป้ที่รับมาถือไว้ก่อนจะเดินไปจัดการเปิดซีดีแผ่นนั่น
นาทีต่อมาภาพบนโทรทัศน์แอลซีดีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมกำแพงหน้าห้องก็ปรากฏขึ้น มันเป็นภาพของสาวน้อยผมยาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยอาการเหม่อลอย หัวใจฉันกระตุกวูบแปลก ๆ เมื่อเห็นใบหน้าหมองเศร้าของเธอ ดวงตากลมโตน่ารักเลื่อนลอยราวกับไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรทั้งสิ้น
เธอนั่งจ้องมองกรอบรูปใบเล็กซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียงนิ่งนาน ภาพในจอเลื่อนจากใบหน้าเธอช้า ๆ และหยุดลงที่กรอบรูปใบนั้น วินาทีที่ภาพในกรอบรูปนั่นเด่นชัด ความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นเข้าสู่หัวใจฉันทันที ฉันคงจะไม่ตกใจเลยถ้าผู้ชายที่โอบกอดสาวน้อยคนนั้นในรูปไม่ใช่... ไลท์
ภาพของชายหนุ่มหน้าตาลูกครึ่งตะวันตกผู้มีนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่แสนคุ้นตานั่นกำลังโอบกอดสาวน้อยหน้าตาน่ารักนั้นสะกดลมหายใจฉันไว้จนติดขัด รอยยิ้มของคนทั้งคู่ช่างสดใสและมีความสุขเหมือนไม่เคยเจอความทุกข์ใจใด ๆ มาก่อน
คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในสมองของฉัน ทั้งสองคนเป็นอะไรกัน? แล้วทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ ฉันยังคงจ้องภาพตรงหน้าโดยไม่ละสายตาในขณะที่กล้องหันกลับมาฉายใบหน้าของหญิงสาวคนเดิมที่ยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่
[ซันนี่ คิดถึงไลท์ไหม] เสียงนุ่มนวลของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนถ่ายภาพวิดิโอถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ คงจะเป็นเสียงของพี่ซันชายน์สินะ หญิงสาวที่ถูกถามเบิกตากว้างเหมือนตกใจนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเช่นกัน
[ไลท์...คิดถึงสิคะ...ซันนี่คิดถึงไลท์...ซันนี่รักไลท์คนเดียว]