“แค่ก ๆ เฮ้ย! เป็นอะไรไปวะไอ้เร...จะหยุดอะไร?” ผมสำลักเบียร์พร้อมกับคำพูดว่าจะหยุดของมันพลางหันไปมองไอ้เพื่อนหล่อจอมเจ้าเล่ห์ที่กำลังนั่งก้มหน้ามองพื้นเงียบ ๆ
“เปล่า...สงสัยกูเมาว่ะ แหะ ๆ ช่างเหอะ” ว่าแล้วมันก็กระดกเบียร์รวดเดียวจนหมดกระป๋อง ผมก็พอจะสังเกตเห็นอยู่เหมือนกันว่าพักนี้ไอ้เรดาร์มันแปลก ๆ ไป บางทีก็ทำตัวเหมือนคนกำลังมีความรักไม่ก็ทำเหมือนคนกำลังอกหัก ผมแหละงงกับมันจริง ๆ
ปึง!
"อ้าวเฮ้ย! พวกมึงสองคนมานั่งทำอะไรตรงนี้กันวะ" ไอ้นัททิวเปิดประตูชมรมเข้ามาเจอผมกับเรดาร์ที่นั่งอยู่ท่ามกลางแสงสลัวภายในชมรม ผมมองมันพลางเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ
“แล้วมึงล่ะมาทำอะไร?” ผมถามมันกลับเพราะไม่ค่อยเห็นมันเข้ามาที่ชมรมตอนดึก ๆ
“กูเข้ามาเอานาฬิกาอ่ะดิ ไอ้นิวมันฝากซื้อน่ะ กลับไปไม่มีให้มันเดี๋ยวมันบ่นอีก”
“โอ้โห ไอ้พี่บังเกิดเกล้า รักน้องสาวเหลือเกินนะ” เรดาร์ร้องแซวขณะที่นัททิวเดินไปหยิบนาฬิกาข้อมือสีดำหน้าปัดเป็นรูปนกอะไรสักอย่างที่ผมเห็นไม่ค่อยชัด
“เหอะ กูก็แค่รำคาญเวลามันบ่นเท่านั้นแหละ ไปแล้วโว้ย!”
“เฮ้ย...เดี๋ยวดิ คราวหน้าถ้าน้องสาวมึงมาที่นี่อีกอย่าลืมพามาแนะนำให้รู้จักด้วยนะโว้ย”
“ไอ้เวร” นัททิวหยุดเดินทันทีที่เรดาร์ตะโกนแซวอีกรอบ แต่คราวนี้มันหันไปคว้าขวดน้ำพลาสติกที่ไม่มีน้ำอยู่ในขวดขึ้นมาก่อนจะปาใส่หัวเรดาร์จนมันกระโดดหลบแทบไม่ทัน แล้วนัททิวก็เปิดประตูออกไป
“ฮ่า ๆ ไอ้เวรนี่ หวงน้องฉิบเป๋ง” เรดาร์หัวเราะชอบใจแต่ผมว่ารอยยิ้มมันแปลก ๆ แฮะ
“น้องสาวไอ้นัทมาที่นี่เหรอวะ” ผมหันไปถามไอ้เรดาร์ที่ตอนนี้มันกลับไปจ้องพื้นเหมือนเดิมแล้ว
“เออ แต่พวกกูไม่เห็นหรอกมีแต่ไอ้เซนที่ได้เจอ น่าแปลกว่ะ คบกับไอ้นัทมาก็ตั้งห้าปีแล้ว ยังไม่เคยเจอน้องมันเลยสักครั้ง”
ผมได้แต่นั่งฟังเรดาร์อยู่เงียบ ๆ มันก็จริงอย่างที่มันพูด ถึงแม้ไอ้นัทมันจะเจ้าชู้ เพลย์บอยขนาดไหน แต่มันก็รักและหวงน้องสาวอย่างกับอะไรดี และที่พวกผมไม่เคยเจอน้องสาวมันก็อาจจะเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างมันกับน้องสาวมันไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ เพราะถูกจับแยกกันเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ๆ รู้สึกว่าน้องมันจะเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติเซนต์มารีอาที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนผม
เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ! น้องสาวไอ้นัทงั้นเหรอ? ความทรงจำบางอย่างที่แสนเลือนรางแล่นเข้ามาในสมองของผมช้า ๆ ภาพใบหน้าสวยหวานไร้เดียงสาของเด็กสาววัยสิบสี่ปีคนหนึ่งปรากฏขึ้นในความทรงจำของผมอย่างเด่นชัด เหตุการณ์ในวันนั้นได้ไหลวนกลับมาราวกับว่ากรอเทปกลับ เรื่องราวในอดีตที่ผมอยากจะลืม ใบหน้าอ่อนโยนและรอยยิ้มสดใสที่ผมพยายามลืมเลือนมาตลอดสี่ปี หัวใจผมกระตุกวูบขึ้นมาอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ ความทรงจำเมื่อสี่ปีก่อนที่ผมลบมันออกไปแล้ว ตอนนี้กลับจำได้อย่างแจ่มแจ้ง
รักแรกพบและรักครั้งแรกของผมที่อังกฤษ... รักที่คนคนนั้นไม่เคยรับรู้...
“...มึงบอกกูหน่อยได้ไหม...ว่าน้องสาวไอ้นัทชื่ออะไร...”
นั่งเงียบอยู่นานผมเลยถามคำถามค้างคาใจอีกครั้ง เรดาร์มองผมเหมือนแปลกใจที่ผมจำชื่อน้องสาวไอ้นัทไม่ได้ เหอะ! ไม่ใช่หรอก ผมจำได้สิ มาถึงตอนนี้ผมจำทุกอย่างได้หมดแล้ว แต่ผมแค่อยากจะถามเพื่อให้แน่ใจเท่านั้น ว่าเด็กสาวที่อยู่ในความทรงจำของผม จะใช่คนเดียวกันกับเธอคนนั้นหรือเปล่า คนที่ทำให้ผมใจสั่นไหวในระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้...
“นิวเคลียร์ น้องสาวสุดรักสุดหวงของไอ้นัท ชื่อนิวเคลียร์”
“...”
ใช่จริง ๆ ด้วยสินะ หึ.. โลกมันกลมชะมัดเลย ผมชักเกลียดโชคชะตาซะแล้วสิ เล่นตลกกับผมเกินไปแล้วนะ...
.
.
.
เสียงเพลงจังหวะมันส์ ๆ หนัก ๆ ดังกระหึ่มทั่วภายในคลับ XPUB ทำเอาตับไตไส้พุงฉันแทบจะทะลักออกมาเต้นโชว์ผู้ชายตรงหน้าโดยไม่แคร์สายตาใคร ฉันปรายตามองเขาด้วยความเซ็ง เพราะเขาคือต้นเหตุที่ทำให้สาวน้อยวัยสิบแปดปีอย่างฉันต้องแล่นมาเข้าผับทั้งที่มันผิดกฎหมาย เฮ้อ แต่เพื่อภารกิจที่ลุลวงยังไงฉันก็ต้องยอมเสี่ยงล่ะนะ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะโซล คุณไม่สนุกหรือครับ” เจอาร์หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทยอังกฤษใช้นัยน์ตาสีฟ้าสดของเขาจับจ้องมาที่ใบหน้าเรียวสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางของฉัน ในขณะที่เรานั่งอยู่บนโซฟาโซน VIP ของผับ
“เอ่อ...อ๋อ สนุกค่ะ โซล แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ” ฉันแสร้งทำเป็นกุมหัวเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตัวเอง จะไม่ให้ฉันเซ็งได้ยังไงกันล่ะ ก็ฉันอุตส่าห์เคลียร์ภารกิจจนเกือบจะหมดอยู่แล้วอ่ะ เหลือแต่ภารกิจบาสคนเดียว คิดว่าจะไม่รับภารกิจช่วงนี้เลยด้วยซ้ำจนกว่าจะสอบเสร็จ
แต่ให้ตายเหอะ! อีตาเจอาร์ดันบินกลับมาจากอังกฤษซะงั้น ฉันที่ทำภารกิจนี้ค้างเอาไว้ก็เลยต้องกลับมาสวมบทคุณหนูโซลอาผู้ทรงเสน่ห์ แถมยังต้องมาแต่งตัววาบหวิวจนน่ากลัวขนาดนี้แล้วยังต้องย่างกรายเข้ามาในผับแห่งนี้อีกต่างหาก ดีนะที่ฉันแกล้งบอกไปว่าลืมเอาบัตรประชาชนมา อีตาลูกครึ่งเจอาร์เลยใช้เส้นสายพาเข้ามาในผับได้ เฮ้อ… เบื่อจะแย่แล้ว เสียงดังสุด ๆ เลยอ่ะ
“งั้นเหรอครับ เป็นอะไรมากไหม เดี๋ยวผมพาคุณไปส่งบ้านก่อนก็ได้นะครับ” เจอาร์จับไหล่ฉันเบา ๆ อย่างเป็นห่วง ดูเขาเป็นห่วงฉันจริง ๆ แหละ แต่มืออย่าไวจะได้ไหมยะ!