บทที่ 2 มีคนแปลกแบบนี้ด้วย

1532 Words
“กูพึ่งเคยเจอผู้หญิงประหลาด แม่งเอ๊ย! ใครมันวิเคราะห์แมลงสาบได้ขนาดนั้นวะ ฮ่า ฮ่า” น้ำเสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้นมาติด ๆ กันพลางยกยิ้มส่ายหน้าให้กับบุคคลในบทสนทนา เจ้าของเสียงคือ แบร์ ผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลตัดสั้นเพราะเป็นคนขี้ร้อน ส่วนคิ้วก็บากให้ดูเท่เท่านั้นเอง “พวกมึงก็หัวเราะได้สิ ไม่ได้โดนรองเท้าตกใส่หัวแบบกู” คนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ตอนนี้จะเป็นใครไปได้นอกจากชายหนุ่มที่ไว้ผมรากไทรสีน้ำตาล ใบหน้าเปื้อนฝุ่นเล็กน้อย และใช่นั่นคือผลงานของหญิงสาวตัวเล็กแสนประหลาดคนนั้น ….แม่นฉิบหาย! ลูแปง สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “แต่กูเห็นว่ายัยประหลาดนั่นหน้าตาน่ารักฉิบหายเลยนะเว้ย” อาไกยังคงเอ่ยถึงหญิงสาวเจ้าของหัวข้อสนทนาอย่างออกรสอีกครั้ง “จริงด้วย ดูบอบบางเหมือนตุ๊กตา หน้าตาแบบนี้ทำไม่เราไม่เคยเจอเลยวะ?” แบร์ขมวดคิ้วครุ่นคิดพลางเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อโดนเพื่อนอีกคนตบหัวอย่างแรง “จะเจอได้ยังไงมึงเล่นไม่เข้ามหา’ลัยเลย” ได้ทีลูแปงเลยลงน้ำหนักมือแรงสักหน่อย เพราะหมั่นไส้ที่พวกเพื่อนเอาแต่พูดถึงตัวการแห่งความอัปยศของเขา ลูแปง ผู้เป็นถึงอดีตเดือนคณะ “พูดเฉย ๆ ก็ได้มึงจะตบเพื่อ!” “เพราะกูอยากตบไง” สองคนตั้งท่าจะลงไม้ลงมือกัน ทำให้อาไกหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งพลางส่ายศีรษะเพราะแบร์กับลูแปงชอบต่อยตีกันเป็นปกติอยู่แล้ว ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอีกคนนิ่งไม่พูดไม่จา อยู่ดี ๆ อาไกก็รู้สึกอยากจะถามอย่างนึกสนุกกับเพื่อนคนนี้จึงเอ่ยปากอย่างไม่เกรงใจเรียกและยังเรียกความสนใจจากชายหนุ่มอีกสองคนได้เป็นอย่างดี “ราม…แล้วมึงล่ะคิดว่าน้องคนนั้นน่ารักไหมวะ?” เพราะจากมุมของพวกเขารามิลคือคนที่เห็นใบหน้าของเธอชัดที่สุด ดังนั้นอาไกจึงอยากได้ความคิดเห็นจากเพื่อนผู้แสนเย็นชา ในขณะที่เจ้าของชื่อยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง นัยน์ตาคมกริบสีดำสนิทแลดูลุ่มลึกเรียบนิ่ง เหม่อมองออกไปไกล ในมือยังมีบุหรี่นอกที่ถูกจุดไว้แล้วคีบอยู่บริเวณริมฝีปาก ควันสีเทาขมุกขมัวค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ ชั่วอึดใจหนึ่งชายหนุ่มเจ้าของชื่อ ราม หรือ รามิล ก็หันกลับมาหาเจ้าของคำถามอย่างเชื่องช้า เขามีใบหน้าเรียวได้รูป นัยน์ตาสีดำคมกริบแสนเย็นยะเยือกแค่เพียงปรายตามองคนก็หนาวถึงขั้วหัวใจ คิ้วเข้มตวัดเฉียงขึ้นดูเป็นคนเจ้าอารมณ์ เลื่อนลงมาคือจมูกโด่งเป็นสันกึ่งกลางใบหน้ารับกับริมฝีปาก ทำให้เจ้าตัวนั้นโดดเด่น เพราะองคาพยพทุกส่วนรับกันได้อย่างลง แม้ใบหน้าจะหล่อเหลาจนกระชากลมหายใจแต่เขากลับมีฉายาในมหา’ลัยที่ไม่เข้ากับหน้าสักนิดว่า วายร้ายวิศวะ เขาเย็นชา ปากร้าย และไร้หัวใจ ทำตัวอันธพาลไม่เคยไว้หน้าใครและที่มาของคำว่าวายร้ายก็เพราะว่าเขานั้น ร้ายใส่ทุกคน งานถยัดคือการยกพวกตีกับชาวบ้านแม้ในมหา’ลัยจะไม่ค่อยเจอตัว แต่รอบนอกเขากลับมีชื่อเสียงที่โด่งดังมากโหด เถื่อน ถ่อยอันธพาลจบครบในคนเดียวทำให้ผู้คนขยาด แม้แต่อาจารย์เขาก็ไม่เว้นกล้าฉีกหน้าโดยที่ไม่สนว่าจะโดนคาดโทษ หลายคนบอกว่าที่เขาร้ายแบบนี้เพราะคนที่อยากให้ทำดีด้วยไม่อยู่แล้ว เมอา ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ นั่นคือสิ่งที่คนภายนอกรับรู้เกี่ยวกับตัวตนของเขา แต่เบื้องลึกในจิตใจนั้นไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ “สรุปว่าไง มึงว่าน้องเขาน่ารักไหม?” อาไกเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง ทำให้แบร์และลูแปงต่างก็ขยับเข้ามาใกล้เพื่อรอคอยคำตอบเช่นกัน รามิลปรายตามองเพื่อนทั้งสามคนอย่างเย็นชา พลางขยี้บุหรี่ที่พึ่งทิ้งอย่างเชื่องช้า เหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้เขาค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะท่าทางและน้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้น เมื่อนึกถึงจึงทำให้เขายกยิ้มมุมปากอย่างเฉยเมย และแค่นเสียงตอบ “ไม่รู้ไม่ได้สนใจมอง” คำตอบแสนเย็นชาของรามิลทำให้เพื่อนทั้งสามต่างแสดงสีหน้าผิดหวังและเบือนหน้าหนีอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาควรรู้ว่าคนอย่างรามไม่คิดสนใจใครโดยเฉพาะผู้หญิง ตอนแรกเห็นว่าหญิงสาวดูประหลาดและน่าสนใจดี แต่ไม่คิดว่าสำหรับรามแล้วเธอไม่นับว่าอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ “ตอบเย็นชาสัด!” อาไกแค่นเสียงขึ้นจมูก “แต่กูว่าดูจากมุมไกล ๆ ก็น่ารักนะ” แบร์เอ่ยตามที่เห็น ก่อนจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบ จึงหันกลับไปมองถึงรู้ว่ากำลังโดนเจ้าของนัยน์ตาคมกริบจ้องอยู่ “มึงมองทำไม หรือกูพูดอะไรผิด?” “…” รามไม่ตอบยังคงสีหน้าเรียบเฉย จนอาไกแทรกขึ้นมา “เออจริง กูเห็นด้วยเว้ยแบร์มองไกล ๆ ยังน่ารักตัวเล็กตัวน้อย” “หุบปากไปเลยเลิกพูดถึงยัยนั่นสักที กูคนโดนรองเท้ากระแทกหัวยังเจ็บไม่หายเลย” ลูแปงโว้ยวายพลางชี้ไปยังรองเท้าผ้าใบที่นอนแอ่งแม่งบนพื้นหญ้าอย่างน่าสงสาร “มึงตัวโตอย่างกับควายขนาดนี้ อีแค่รองเท้าจิ๋วเจ็บเหี้ยไรหนักหนาวะ!” แบร์กระชากเสียงอย่างรำคาญเพราะรู้สึกว่าเพื่อนโวยวายไร้สาระ “ไอ้สัดมึงลองมาโดนดูก่อนไหมล่ะ” ลูแปงเตรียมถอดรองเท้า “ตีกันเลยเว้ย!” อาไกเอ่ยสับทับอย่างนึกสนุก รามิลมองทุกคนอย่างเย็นชา นัยน์ตาคมกริบสีดำเบือนหน้าออกไปอีกทาง ทำให้สายตาปะทะเข้ากับรองเท้าผ้าใบของหญิงสาวคนนั้น เขามองมันเพียงชั่วครู่ด้วยประกายตาล้ำลึก ก่อนจะเดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจใยดี . ก็แค่รองเท้าข้างหนึ่งไม่มีอะไรน่าสนใจ เหมือนเจ้าของนั่นแหละ ห้างสรรพสินค้า Jolie Vie (โชลี วี) เพราะต้องรับผิดชอบพาเจแปนไปสปาเส้นผมและตัว เธอจึงกลับคอนโดค่ำมืดกว่าปกติ โชคดีที่เดือนนี้คุณพ่อคุณแม่ไปต่างประเทศ ไม่ค่อยได้ติดต่อเธอเหมือนอย่างเคย ช่วงนี้เดวาจึงเหมือนหนูติดปีก ไปไหนมาไหนไม่ต้องระแวง เพราะกลัวว่าจะไปจ๊ะเอ๋กับพ่อผู้หวงลูกสาวเขาไส้ ตอนนี้เธอเรียนแพทย์ปีสองที่มหา’ลัยคิงเวลล์ ที่เลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้บ้าน เดว่าเป็นคนอยู่ติดบ้าน แต่พอขึ้นปีสองการก็ค่อนข้างหนักจึงขอพ่อมาอยู่คอนโดแทน ต่างกับน้องสาวที่อายุห่างกันเพียงปีเดียวอย่างดาน่า ที่ไปเรียนอยู่มหา’ลัยอีกฟากของเมืองอย่าง มหา’ลัยแอล รายนั้นซุกซนและเอาแต่ใจ แม้พ่อจะรั้งมากแค่ไหนก็ยังดั้นด้นจะไปให้ได้อยู่ดี สงสัยคิดว่าไม่ใช่ถิ่นตัวเองมั้ง! ลืมเล่าไปเลยว่าพ่อวาโยของเธอนั่นจบจากมหา’ลัยคิงเวลล์รวมถึงคุณแม่ด้วย เรื่องราวความรักของทั้งคู่ทำให้เดวาประทับใจมากและวาดหวังว่าในอนาคตเธอก็อยากมีคนที่รักและทะนุถนอมให้ได้สักครึ่งของพ่อ ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายหรือเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอก็ได้ ขอแค่รักกันด้วยหัวใจจริง ๆ ก็พอ เพราะมัวแต่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเดวาจึงไม่รู้เลยว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมองมาที่เธอตาเป็นมัน หญิงสาวผู้แสนบอบบางยืนจับรถเข็นอยู่เพียงคนเดียว ใบหน้าเรียวเล็ก นัยน์ตากลมโตรับกับขนตางอนยาวทำดูอ่อนหวาน ยิ่งผสานกับจมูกเชิดรั้นและริมฝีปากจิ้มลิ้ม ยิ่งทำให้เดวาเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน มีความสวยผสานกับความน่ารักได้อย่างลงตัว จึงไม่แปลกที่จะตกเป็นเป้าสายตาของเสือ สิงห์ กระทิง แรดทั้งหลาย ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นสถานที่เที่ยวเล่นยามค่ำคืนของบรรดานักเรียนนักศึกษาในละแวกนี้อยู่แล้ว เมื่อเจอสาวสวยมาคนเดียวทุกสายตาจึงตกลงที่ร่างของเธอ “อยากกินน้ำหวานจัง ไปโซนเครื่องดื่มดีกว่า” อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกอยากกินน้ำหวาน น้ำผลไม้ขึ้นมา เดวาจะเข็นรถไปยังบริเวณโซนเครื่องดื่มที่ไม่ห่างจากตรงนี้มากเท่าไร สองตากวาดขึ้นลงเพื่อมองหายี่ห้อที่ตัวเองชื่นชอบ นิ้วเรียวเคาะลงบนที่จับรถเข็นอย่างใช้ความคิด แต่อยู่ดี ๆ กลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบและขนลุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เหมือนโดนจ้อง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD