บทที่ 1 ก่อนจะเป็นเจสซี่

1540 Words
เจสซี่ หรือเจต์ หนุ่มหล่อหน้าสวย คณะวิศวะปีสาม เขาเป็นดาวเด่นตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะใบหน้าที่ทั้งหล่อทั้งสวย แถมใบหน้าใสกิ๊กของเขาที่ตกได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมานักต่อนักด้วยรูปลักษณ์ที่ดึงดูดชวนฝันนี้ “เป็นอะไรของมึง ทำหน้าเซ็งอย่างกับอดแดกผู้มาเป็นปี” เสียงของคิงส์ดังขึ้น หนึ่งในเพื่อนสนิทแก๊งวิศวะสายเปย์เอ่ยถาม “แม่ง! พี่เทียรโคตรน่ารำคาญเลยตามกูอยู่ได้ กูบอกก่อนดิวแล้วนะว่าแค่วันไนท์ๆ แต่เสือกอยากแหกกฏเฉย พอกูไม่ตอบก็ทำตัวโรคจิตใส่ โคตรน่ากลัวสัส” “คนที่มึงลากไปจากคลับแถวเอกมัยอะนะ” “ก็เอ่อ ไอ้ที่น่าหล่อๆ หุ่นแซ่บๆ นะ” “ป๊าด~คนเราบ่น่าไว้ใจแท้ เห็นน่าตาดีโรคจิตเฉย” เพื่อนสนิทอีกคนที่เป็นตัวแม่ไม่แพ้กันอย่างเอสซี่ส่ายหน้าด้วยความเหลือเชื่อ “แล้วมึงหลาบจำแล้วรึยัง กูบอกแล้วอย่าดิวมั่ว เช็กประวัติความชั่วดูก่อน” “แหม๊~ คนมันเ****นคงมีเวลาเช็กประวัติความชั่วอยู่หรอก จะว่าไปมึงว่าผู้ชายที่นั่งหน้าบาร์พอจะดับความทุกข์ในหัวใจกูได้มะ” “โอ๊ย~กูสิบ้า บักเจตต์มึงบ่หลาบแม๊” “กูไม่ได้อยากกินลาบ อยากกินผู้ชายย่ะอีเอส แล้วคุณมึงช่วยเรียกกูว่าเจสซี่ด้วย เรียกเจตต์แล้วมันแสลงหู ” เสียงแหลมบาดหูโวยวายใส่เพื่อนยกใหญ่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอส หรือเอสซี่คอยขัดแข้งขัดขาการดิวผู้ชายของเขา ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่ความเ****นมันห้ามใครได้ซะที่ไหน นี่เขาอุตส่าห์เบาลงแล้วนะจากวีคละคนเป็นสองวีคต่อหนึ่งคนแทน แต่ก็ไม่วายโดนมองด้วยหางตา “มึงไม่สนใจผู้หญิงบ้างเหรอไอ้เจส กูเห็นมึงเป็นได้ทั้งรุกทั้งรับ” “ไม่สนอะ ชะนีมันเชื่อไม่ได้ หลอกลวง น่ารังเกียจ” ที่บอกออกไปแบบนั้นใช่ว่าเจสซี่จะไม่เคยคบผู้หญิงมาก่อน ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวในชีวิตที่เขาคบด้วยเป็นรุ่นพี่มอหก สาวสวยคนดังของโรงเรียนที่เขาได้คบแบบงง เพราะพี่เขาเดินเข้ามาจีบเอง เจตต์ในตอนนั้นเป็นที่น่าอิจฉาของคนทั้งโรงเรียน จนรุ่นพี่มอหกที่จบไปแล้วเราก็ยังคบกันอยู่ แต่ความจริงคือยิ่งคบเหมือนยิ่งแย่ รุ่นพี่เริ่มงี่เง่าใส่เขาทุกวัน หาว่าเขามีคนอื่นบ้างแหละ ติดเพื่อน ติดเกมบ้างแหละ สรุปง่ายๆ ก็คือรุ่นพี่กล่าวหาว่าเขาติดทุกอย่างยกเว้นเธอ ที่เป็นแบบนั้นเพราะเขาเองก็อยู่มอหกแล้ว ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ด้วยความกดดันจากที่บ้านส่วนหนึ่งทำให้เขาต้องตรากตรำอ่านหนังสือทุกวัน วันละหลายชั่วโมงเลิกเรียนก็ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนต้องไปเรียนพิเศษนู่นนี่นั่นสารพัดอย่าง ที่เจตต์ยอมทุ่มสุดตัวขนาดนั้นก็เพราะพ่อบอกว่าจะให้อิสระในการใช้ชีวิตหลังจากเข้ามหาลัยคณะวิศวะได้ เป็นใครจะไม่อยากได้บ้างล่ะ คนที่อยู่ในกรอบมาตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่อนุบาลยันมอหกก็ต้องรีบคว้าโอกาสไว้นะสิ แต่รุ่นพี่คนนั้นก็ไม่ได้เข้าใจเลยแม้แต่น้อยเอาแต่โทษเขา โยนความผิดทุกอย่างมาที่เขา จนวันหนึ่งมหาลัยแห่งหนึ่งที่เขาเล็งไว้เปิดโอแพนเฮาท์ให้เข้าไปดูคณะที่เราอยากเรียน วันนั้นทำให้เขาตาสว่างว่าที่รุ่นพี่พยายามโยนความผิดมาให้เขาตลอดหนึ่งปีที่แท้เธอกำลังเลี้ยงควายตัวหนึ่งอยู่ ภาพของเธอที่กำลังหัวเราะคิกคักชอบใจ เอียงคอซบไหล่ผู้ชายคนหนึ่งอย่างไม่อายทั้งๆ ที่เป็นมหาลัย ภาพที่ทำให้เขาแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี รักแรกที่ใครบอกว่ามันช่างลืมยาก เอ่อแม่ง! โคตรลืมยากของจริง เจ็บจริง ไม่ใช่ตัวแสดงแทน เจตต์ยืนนิ่งพร้อมเผชิญหน้า แต่ความเป็นจริงเขาก้าวเท้าไม่ออกต่างหากจึงได้แต่ยืนแน่นิ่ง รอให้ทั้งสองเดินมาถึงเอง “น้องเจตต์” เสียงเรียกแผ่วเบาจากสาวรุ่นพี่ ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบปล่อยแขนออกจากชายหนุ่มอีกคน ก่อนจะเดินมาคว้าแขนของเขาบีบหนักๆ “ใครเหรอมายด์” ซัมมายด์พยายามส่งซิกทางสายตาให้เจตต์เห็นใจช่วยอยู่เงียบๆ ก่อน “รุ่นน้องที่โรงเรียนค่ะ สวยมั้ยคะพี่ทาม” “หือ!” ทามขมวดคิ้วกันเป็นปม พลางเพ่งมองเจตต์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็สวยจริงตามที่แฟนสาวเขาบอก ทำให้เขาค่อยๆ คลายปมที่คิ้วลงแล้วยิ้มทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร “นี่ เจสซี่ ค่ะ” เจสซี่เหรอ เจตต์ปรายตามองรุ่นพี่ที่ย้ายมายื่นข้างเขา จำไม่ได้ว่าตัวเองชื่อนั้นตอนไหน แต่บอกตรงๆ ตอนนั้นเขามันควายตัวพ่อ เขายาวเป็นกิโลเห็นจะได้ ความซื่อความโง่มันอันตรายต่อคนเราจริงๆ “นี่พี่ทาม ฟะ…แฟนพี่เองจ๊ะ” คำว่าแฟนที่พูดได้ไม่เต็มปากของรุ่นพี่ ทำให้เจตต์ตวัดสายตามองเธอสลับกับคนที่เป็นแฟนด้วยความเจ็บปวดแต่ยังฝืนส่งยิ้มโง่ๆ ให้ทั้งคู่ “รุ่นน้องของมายด์สวยจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นผู้ชาย” สีหน้าและท่าทางที่เปลี่ยนไปของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของแฟนตัวเองอีกที ตอนนั้นเจตต์ไม่ได้คิดอะไรยิ้มรับคำชมด้วยความเจ็บปวด พร้อมน้ำตาที่ตกอยู่ด้านในหัวใจอันบอมซ้ำ ตกดึกเจตต์และบรรดาเพื่อนๆ พากันมาฉลองที่ร้านอาหาร บรรดาพ่อแม่ทั้งหลายออกเงินให้พวกเขาเปิดห้องคาราโอเกะขนาดใหญ่ที่บรรจุได้ถึงสามสิบคน เพื่อฉลองการเรียนจบมอหก แต่สำหรับเจตต์นี่คือการย้อมใจที่แตกสลายไม่เหลือชิ้นดี อกหักไม่พอยังเสือกเป็นควายมาทั้งปีอีก มันน่าโมโหชิบหาย เจตต์นั่งนิ่งเงียบอยู่คนเดียวตรงมุมห้อง มือยกคอกเทลรสหวานที่ผสมแอลกอฮอล์เพียงน้อยนิด แต่คนไม่เคยกินก็คออ่อนหน้าแดงก่ำได้ง่ายดาย ภาพรุ่นพี่คนรักเก่าฉายเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาอยากจะถามว่าทำไม เขาทำอะไรผิด แต่หลังจากแยกกันรุ่นพี่ก็บล็อกการติดต่อเขาทุกช่องทาง “กูไปห้องน้ำนะ” เจตต์เอ่ยบอกเอสที่กำลังเต้นตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน “อืม” เอสตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ถึงแม้จะเห็นอาการของเจตต์ที่เซื่องซึมมาตลอดตั้งแต่กลับมาจากงานโอเพนเฮาท์ที่มหาลัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามเพราะรู้นิสัยว่าเดี๋ยวมันพร้อมมันก็เล่าเอง “ชีวิตเฮงซวยชะมัด มาอกหักตอนเรียนจบเนี่ยนะกู” “อ้าว น้องเจสซี่” เจตต์แหงนหน้ามองในกระจกด้วยความมึนงง คนเรามันจะซวยชิบหายอะไรขนาดนี้ได้ในวันเดียวถามหน่อย ชายหนุ่มรูปหล่อที่เป็นเสี้ยนหนามตำใจตอนนี้ปรากฏตัวผ่านกระจกเงาที่สะท้อนว่าเขากำลังเดินมาภายในห้องน้ำด้วยรอยยิ้มแสนประหลาด “เจอกันอีกแล้ว” “ครับ ขอตัวก่อนนะครับ” เจตต์สะบัดหยดน้ำที่เกาะอยู่บนมือออก เท้าหนักกำลังจะก้าวออกจากตรงนั้นเพราะไม่อยากเห็นหน้า ทว่าแขนของเขาก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนจะได้ก้าวต่อ “เจอกันครั้งเดียวเขาเรียกบังเอิญ เจอครั้งที่สองเรียกพรมลิขิตนะครับน้องเจส” “ครับ?” “น้องเจสมองใกล้ๆ แล้วสวยจังเลยครับ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของทามสร้างความประหลาดใจให้เจตต์ไม่น้อย หรือตอนนี้มันเป็นภาพลวงตา เขากำลังเมาอยู่เหรอ แต่เมาเหี้ยอะไรจะเสมือนจริงขนาดนี้ “พี่จะทำอะไรครับ ปล่อยผม” ดวงตาคมเบิกกว้าง เมื่อทามโน้มใบหน้าเข้าหาในระยะประชิด เจตต์สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่กำลังเป่ารดต้นคอของเขาอยู่ มันขนลุกจนอยากจะตีตัวออกห่าง แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อ นอกจากเขาจะเป็นควายที่โง่แล้ว ยังเป็นควายที่ใฝ่รู้ซะไม่มี “น้องเจสไปต่อกับพี่ไหมครับ” เสียงกระเส่าเอ่ยกระซิบข้างใบหู นี่มันบ้าอะไรกัน คนที่เมื่อเช้าทักทายเขาในสถานะแฟนของแฟนตอนนี้ขอให้เขาไปต่อด้วยเนี่ยนะ “พี่พูดอะไร เมาเหรอครับ” เจตต์สะบัดแขนที่ถูกกอบกุมออกและเริ่มถอยตัวออกห่าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD