ตอนที่5 Outdoor

1639 Words
ณ ห้างกลางนา “รินจำเป็นต้องเอาข้าวมาให้มันด้วยเหรอพ่อ” “เออ! เดี๋ยวบักยอดมันก็มาพักกินข้าวที่ห้างนี้แหละ เอ็งก็เอาข้าวนี้ให้มันกินแล้วกัน” “แล้วทำไมรินต้องอยู่รอมันด้วย” “วางทิ้งไว้เดี๋ยวหมาก็คาบไปแดก เอ็งอยู่รอเจอมันก่อน นั่งกินข้าวกันคุยกันไปสักหน่อยก็ดี ไม่เจอหน้าค่าตากันตั้งหลายปีแล้วนี้” “เห้อ...” น้ำรินกลอกตาใส่แบบไม่ปิดบัง พ่อเรียกตัวให้กลับมาหาแต่ไม่ใช่เพราะคิดถึงนะจ๊ะ เรียกมาจับคู่กับลูกชายกำนันแย้ “หมามันเปิดปิ่นโตเป็นมั้งพ่อ เดี๋ยวรินไลน์บอกมันไว้ว่าแม่ทำข้าวมาให้ก็สิ้นเรื่อง” น้ำรินอธิบาย นี้มีปีพุทธศักราชที่เท่าไรกันแล้ว การติดต่อสื่อสารกันมันง่ายดายจะตายชัก “เอ๊ะ! พ่อสั่งอะไรเอ็งก็ทำตามเถอะ” “พ่อ! รินกับไอ้ยอดรู้จักกันตั้งแต่ปอสาม ถ้าจะลงเอยกันป่านนี้แต่งงานมีลูกมีหลานให้พ่อกับแม่ไปนานแล้ว” ตำบลเล็กๆ มีครอบครัวไม่กี่ครัวเรือน โรงเรียนก็มีแค่ที่เดียว ห้องเรียนก็มีไม่มาก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักกัน “ลุงรวยสวัสดีครับ!!” เสียงเจ้าตัวกล่าวทักคนอาวุโส น้ำรินกลอกตาเอือมระอา ไอ้ยอดแกจะรีบมาทำไมวะ มาตอนนี้เธอก็ไม่อาจปฏิเสธพ่อได้น่ะสิ “สวัสดีบักยอด มาๆ ลุงให้รินเอาข้าวมาให้” “โอ้โห ขอบคุณมากครับ” “ไม่เป็นไรๆ เอ้าๆ คนหนุ่มคนสาวนั่งกินข้าวกันไปนะ คนแก่ๆ ขอตัว” ตาจรวยพ่อของน้ำรินละตัวเองออกจากห้างกลางนา คร่อมรถเครื่องแล้วทิ้งลูกสาวไว้กินลูกชายกำนันแย้ น้ำรินในวัยยี่สิบสองกำลังโลดแล่นในเมืองหลวงก็ไม่ค่อยชอบใจนัก “อะ เอาไป” น้ำรินส่งปิ่นโตที่บรรจุอาหารฝีมือแม่จำรัส พ่อกับแม่และกำนันแย้พยายามจับคู่พวกเราสองคนอย่างไม่ปกปิด “กินด้วยกันก่อนสิ” “ไม่เอาอะ ยอดกินเถอะ” “แล้วรินจะนั่งมองเรากินข้าวเหรอ” “อดทนหน่อยแล้วกันนะ เดี๋ยวอีกสักพักพ่อเราก็มารับแล้ว” น้ำรินประชด มองไปทางไหนก็เจอตัววัวแต่ควายกับผู้ชายดำแดดไทบ้านไม่เจริญหูเจริญตาและน่าอภิรมย์สักนิด อากาศร้อนๆ กลางทุ่งนาโล่งๆ แม้จะมีลมเย็นๆ พัดโชยมา แต่มันก็นำพาไอความร้อนติดมาด้วยเช่นกัน “เย็นชาจัง” ชายหนุ่มแอบน้อยใจไม่ได้ ท่าทีของน้ำรินดูห่างเหินเย็นชา อาจเป็นเพราะเธออึดอัดละมั้งที่ถูกผู้ใหญ่จับคู่ หนุ่มชาวไร่ไถนาอย่างเขาคงไม่เหมาะกับสาวเมืองกรุง น้ำรินเรียนจบแล้วก็เข้าไปทำงานได้ไม่ถึงปีแต่เธอเปลี่ยนไปมากทีเดียว “ปกติเราก็ไม่ได้สนิทกันป้ะ” “แต่เราก็เข้ากันได้ดีทุกครั้ง” “ไอ้ยอด...” น้ำรินตวาดแต่ทว่าแก้มทั้งสองข้างกลับแดงและเห่อร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ หญิงสาวกลบเกลื่อนอาการด้วยการกอดอกแล้วหันมองไปทางอื่นที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากวัวควายและต้นข้าว “ป้าจำรัสทำหมกหัวปลีมาให้เหรอเนี้ย” “อืม..” “ข้าวเหนียวยังร้อนๆ อยู่เลยนะ ริน! มานั่งกินข้าวด้วยกันนะ อิ่มแล้วเดี๋ยวเราไปส่งเอง” “เออ! กินก็กิน” หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธ น้ำรินยอมปีนขึ้นนั่งบนห้างกลางนา ปั้นข้าวเหนียวจ้ำกินกับห่อหมกหัวปลีใส่ไก่แล้วก็มีเนื้อแดดเดียวทอด แกล้มด้วยน้ำพริกรสเด็ดกับผักต้ม อาหารพื้นเมืองที่เธอคุ้นชินมาแบบนั้น “นี้ถ้าแม่เรายังอยู่นะ แกคงทำข้าวใส่ปิ่นโตมาให้เรากินแบบป้าจำรัส” “โตแล้วแกก็หาข้าวกินเองสิยอด จะทำตัวเป็นภาระแม่อีกทำไม” “ริน! อาหารที่เมียหรือเมียทำให้กินน่ะ มันอร่อยและดีที่สุดในโลกนะ” “เหรอ...งั้นแกก็ซวยหน่อยนะที่ไม่มีทั้งเมีย ไม่มีทั้งแม่” ... “ยอด! รินปากหมาเองแหละ ขอโทษนะ” เห็นยอดหน้าถอดสีที่ถูกแซวแรง น้ำรินรู้ตัวว่าพูดแรงไปจึงรีบเอ่ยปากขอโทษ ปากไวกว่าสมอง พ่นวาจาออกไปแล้วเพิ่งคิดได้ “อืม...ไม่เป็นไรหรอก” “หื้ย...นี้แกโกรธจริงเหรอ ขอโทษแล้วไง รินไม่ตั้งใจนะปากมันหมาไปเอง” “มันก็จริงอย่างที่รินพูดนั่นแหละ เราไม่มีทั้งเมีย ไม่มีทั้งแม่” น้ำเสียงของยอดฟังดูเศร้าสร้อยแบบนั้น น้ำรินก็ยิ่งรู้สึกผิด “ป้าแกไปสบายแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก ส่วนยอดก็ ไม่ได้คุยกับสาวบ้านไหนบ้างเหรอ” น้ำรินพยายามปลอบใจและเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะเธอปากไม่ดีไปพาดพิงมารดาของเพื่อนที่ตายจากไปแล้ว “หนุ่มๆ สาวๆ ในตำบลเราก็ไปทำงานในกรุงเทพฯกันหมด มีแต่คนแก่แล้วก็เด็กเท่านั้นแหละริน” “ก็ดูสิที่นี่มันมีอะไรบ้าง” น้ำรินเติบโตมาในที่แบบนี้ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ คนหนุ่มคนสาวพอเรียนจบก็เข้าไปล่าฝันในเมืองหลวง ไม่มีใครอยากอยู่ทำไร่ไถนากับวัวกับควาย “แล้วรินล่ะ สบายดีใช่มั้ย” “อืม...ก็ดีแหละ เพิ่งได้งานประจำ” “เหรอ ยินดีด้วยนะ” “ขอบใจ” การกลับมาสนทนากับเพื่อนเก่าอย่างยอดไม่ใช่เรื่องแย่ ไอ้หนุ่มไร่มันตากแดดจนตัวดำปี๋ ทำงานใช้แรงจนร่างกายใหญ่โตไร้ไขมันมีแต่กล้ามเนื้อ แตกต่างจากผู้ชายในกรุงเทพนัก น้ำรินเผลอมองสำรวจรูปร่างชายหนุ่มตรงหน้า เสื้อยืดแขนสั้นเผยให้เห็นกล้ามแขนใหญ่โต หลังมือมีเส้นเลือดปูด ตอนที่ยอดยกชายเสื้อเช็ดเหงื่อเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวย ส่วนน้ำรินนั้น... “ใส่แบบนั้นไม่ร้อนเหรอ” “ร้อนสิแต่กลัวดำทำไงได้” น้ำรินใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวแถมยังยืมผ้าขาวม้าพ่อมาห่มตัว ผู้หญิงผิวขาวเป็นสัญญาลักษณ์ว่าเติบโตในเมืองไม่ใช่ลูกชาวสวนชาวไร่ “กลับเลยมั้ย” “เดี๋ยวก่อนก็ได้ แดดแรงขนาดนี้รินไหม้แน่ๆ” คนต่างจังหวัดใช้รถเครื่องเป็นยานพาหนะ รถเครื่องที่ว่าก็เป็นมอไซค์คันเก่าๆ หรือไม่รถอีตุ๊กหรืออีแต๋น “เดี๋ยวเรานั่งเป็นเพื่อนแล้วกันนะ” “ไม่กลับไปทำงานต่อเหรอ” “ช่างมันก่อนก็ได้ รินอุตส่าห์เอาข้าวมาให้ จะทิ้งรินนั่งคนเดียวได้ยังไงเล่า” ยอดแอบยิ้มมุมปากนิดๆ รู้สึกเคอะเขินจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำไงได้ในเมื่อชีวิตประจำวันเจอแต่วัวแต่ควาย ไม่ได้เจอสาวๆ ที่ไหนเลย “ยิ้มอะไร” “เปล่า” “เฮอะ! นี้อะไรอะ” น้ำรินเหลือบเห็นกล่องมันๆ เหลื่อมๆ อยู่บนคานหลังคาห้างกลางนา แปลกใจที่แม้แต่ไฟฟ้ายังเข้ามาไม่ถึงแต่ทำไมจึงมีไอ้เจ้าสิ่งนี้เหน็บอยู่บนนั้น น้ำริมหรี่ตามองลูกชายกำนันแย้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ยอดมันจงใจรึเปล่า...จงใจใช่ไหม “ริน! อย่าไปหยิบมั่วซั่วสิ” “ของยอดเหรอ” “เปล่า...” “ห้าสิบสอง ว๊าว! ยังไม่แกะซะด้วย ตั้งใจจะใช้ที่นี่สินะ” น้ำรินหยิบกล่องถุงยางที่ใครบางคนเอาไปวางไว้บนคานหลังคาห้าง สายตาจับผิดมองหนุ่มนั่งข้างๆ จะมีใครถ้าไม่ใช่ฝีมือยอด “กะฟันเราที่นี่เหรอ” “หื๋ย...ก็บอกว่าไม่ใช่ของเรา” “โกหก” “จริงๆ นะริน ห้าสิบสองไม่ใช่ไซซ์เรา เราจะซื้อมาทำไม” “สี่สิบเก้า?” น้ำรินแกล้งเย้ารอดูว่ายอดจะแก้ตัวว่าอะไรอีก “เราโตแล้วนะริน มันก็ขยายตามตัวด้วย” ชายหนุ่มพูดจาอ้อมแอ้ม ยอดไม่ได้โอ้อวดขนาดของตัวเอง แต่มันก็โตตามตัวและตามวัย “อะๆ เชื่อก็ได้” น้ำรินแกล้งเมิน เธอกำลังเอื้อมแขนเก็บกล่องถุงยางไว้ที่เดิม ในเมื่อยอดบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ “รินไม่เชื่อเราเหรอ” ยอดคว้ามือของน้ำรินไว้ ในมือเขาเองก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเปียกชื้น “เรื่องขนาดหรือเรื่องถุงยาง?” เธอเอ่ยถาม เพราะใจจริงแล้วเธอไม่เชื่อทั้งสองเรื่องเลย “ก็ทั้งสองอย่างนั้นแหละ” “โหยยอด...ฉันจำของแกได้หรอกนะ” น้ำรินแกล้งทำมือว่าของของ ยอดนั้นมีขนาดเล็กจิ๋วเดียว “เราก็จำได้ ว่าตอนนั้นรินแตกตั้งหลายครั้ง” ชายหนุ่มเริ่มเอาอดีตขึ้นมาพูดบ้าง ใครจะยอมถูกหักหน้าเพียงฝ่ายเดียวได้ “ก็ตอนนั้นฉันเด็กไง ทำนิดทำหน่อยก็เสร็จ” น้ำรินหน้าชาแก้มแดง ถูกแล้ว ในวัยเด็กกำลังอยากรู้อยากลอง เราทั้งสองคนเคยมีประสบการณ์เสียวๆ ร่วมกัน “ตอนนี้เราว่าเราก็ทำให้รินแตกได้นะ” “ขี้โม้วะ” “ลองดูมั้ย” “เพื่ออะไร” “รินกล่าวหาเราเรื่องขนาดและก็เรื่องถุงยาง จะไม่ให้โอกาสเราแก้ผ้า เฮ้ย! แก้ตัวเลยรึไง” ยอดปากสั่นพะงาบลนลานไปหมด เขาพูดในสิ่งที่คิดจนพูดผิดพูดถูก “กล่าวหาอะไร ตอนสิบแปดแกอันเท่านี้จริงๆ” น้ำรินตั้งนิ้วก้อยของตัวเองเปรียบเทียบขนาดของยอดอย่างย่ามใจ สี่ห้าปีผ่านไปจากหนอนชิเมโจได๋จะกลายเป็นงูยักษ์อนาคอนดาไปได้เหรอ ไม่มีทาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD