@เช้าวันใหม่
ปลายรุ้งกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับการมองเห็น เธอควานหาโทรศัพท์มือถือแต่ไม่พบ
"หานี่อยู่ใช่มั๊ย?" เป็นแดนไตรที่ถามขึ้น
"ค่ะ เมื่อคืนเผลอหลับไม่รู้ตัวเลย" แฮร่.. ว่าแล้วสาวเจ้าทำท่าจะก้าวขาลงจากเตียง
"จะไปไหน จะพาไป"
"จะไปเข้าห้องน้ำค่ะ ปวดฉี่" คนตัวเล็กตอบแบบกล้า ๆ กลัว ๆ
"มะ จะพาไป" แดนไตรพูดพร้อมกับทำท่าช้อนปีกเพื่ออุ้มเธอในท่าเดิม แต่ทว่าหญิงสาวเบี่ยงตัวหลบ
"ทำไม ไม่มีใครอยู่แล้ว ไม่ต้องอายหรอก" แดนไตรยืนก้มหน้าคุยกับหญิงสาวในท่าเท้าเอว
"คือ.. แผลหนูแห้งแล้ว แล้วก็ไม่เจ็บแล้วด้วย" คนตัวเล็กบอกอ้อมแอ้ม
"หรอ?" คนตัวโตนั่งทับส้นแล้วเอื้อมมือไปบีบเท้าบริเวณที่เป็นแผล
โอ๊ย! สาวเจ้าร้องเสียงดังพร้อมกับสะดุ้งโหยง
"ไหนว่าไม่เจ็บแล้วไง?"
"คือ.." ปลายรุ้งคิดในใจแต่เผลอทำหน้าตึงออกไปจริง
หึ่.. "โกรธล่ะซิ หรือว่าที่ผ่านมาเฮียใจดีเกินไปเราเลยได้ใจ" แดนไตรพูดพร้อมกับย่างสามขุมเข้าหาสาวเจ้า
ทางด้านปลายรุ้งรู้ทันทีว่าพลาดแล้วรีบยกมือไหว้ขอโทษคนตัวโต
"ปลายขอโทษ ปลายไม่ได้ตั้งใจ ปลายแค่คิดว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ปลายอยากทำเองบ้าง" ปลายรุ้งพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
"ตามใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ! เอาที่สบายใจเลย!" คนตัวโตกระแทกเสียงใส่แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นตามด้วยเสียงปิดประตูเสียงดังเพื่อระบายอารมณ์
ปัง! เสียงประตูปิดดังกึกก้องตามมา โชคดีที่ชั้นนี้เป็นส่วนของเขาทั้งหมดจึงไม่มีใครต้องตกอกตกใจกับเสียงปิดประตูของเขา
_____________________
"นายครับ" เป็นเกมอีกเช่นเคยที่เอ่ยขึ้น
"อืม.. เฮียเกมมีอะไรหรือเปล่า" แดนไตรพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุด
"ทะเลาะกันเหรอครับ?"
"คงเป็นผมคนเดียวเท่านั้นละมั๊งที่ทะเลาะด้วย" แดนไตรตอบอย่างน้อยอกน้อยใจ
"นายกำลังน้อยใจเธอ?"
"ผมใช้คำนั้นได้ด้วยเหรอ?"
"...…" เกมเลือกที่จะเงียบและอยู่เป็นเพื่อนเจ้านายหนุ่มอย่างระแวดระวังภัยให้ต่อไป
ทางด้านปลายรุ้ง หลังจากคนตัวโตเดินออกไปและปิดประตูเสียงดังปลายรุ้งรู้สึกโหวง ๆ อึดอัด อย่างบอกไม่ถูก ได้แต่อดทนและเดินกระย่องกระแย่งเข้าห้องน้ำอย่างยากลำบาก
หลังจากอาบน้ำอย่างทุลักทุเลปลายรุ้งเปิดประตูห้องน้ำออกมาพบว่าคนตัวโตยืนกอดอกอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว
"แผลเปียกน้ำรึเปล่า"
"……" เงียบ
"ถามว่าแผลเปียกน้ำหรือเปล่า!" แดนไตรถามเสียงกร้าวทำเอาอีกคนถึงกับเกร็งตัวสั่นงันงกกันไปใหญ่
"ปะ..เปียกนิดนึงค่ะ ดะ..เดี๋ยวล้างเปลี่ยนผ้าทำแผลใหม่ค่ะ"
"มานั่งนี่" แดนไตรกระชากข้อศอกคนตัวเล็กให้มานั่งบนเตียงแล้วเขาลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นข้างเตียงเหมือนเช่นเคย แต่จังหวะที่คนตัวโตใช้แรงกระชากทำให้คนตัวบางเบาเสียหลักเกือบหงายท้องลงบนเตียง แต่คนตัวเล็กรีบเด้งตัวกลับมาในท่านั่ง และจังหวะที่แดนไตรเองก็พยายามจะลุกไปประคองสาวเจ้าให้ลุกขึ้นมานั่งพอดีทำให้หน้าผากของทั้งสองชนกันจนเกิดรอยแดง
อู่ย! ปลายรุ้งลูบหน้าฝากป้อย ๆ
"ขอโทษ เจ็บมั๊ย?" คนตัวโตเอ่ยถาม
"คุณก็คงจะเจ็บเหมือนกันกับปลายนะแหละ ปลายก็ต้องขอโทษคุณด้วยเหมือนกัน" ปลายรุ้งบอกอย่างตรงไปตรงมา
"เฮียไม่ได้หมายความถึงเรื่องเมื่อกี้ แต่เฮียหมายถึงเรื่องก่อนหน้านี้" แดนไตรพยายามอธิบาย
"หนู..ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ หนูต้องเรียนให้สูง ๆ กว่านี้เพื่อจะปกครองคนได้หนูต้องกลับบ้านไปดูแลคุณป้า เพราะท่านอายุมากแล้ว" ปลายรุ้งอธิบายอย่างใจเย็น
"โอเค เข้าใจ เธอสามารถทำทุกอย่างที่เธออยากทำได้ แต่เรายังเป็นเหมือนเดิมได้ใช่มั๊ย?"
"ค่ะ เราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม" ปลายรุ้งคิดในใจ
"หมายความว่าไง?" แดนไตรถามย้ำ
"เราไม่เคยรู้จักกันค่ะ"
"เฮียบอกเธอไปแล้วเมื่อคืน"
"หนูไม่เห็นรู้เลย"
..เฮ๊อ..ฟูว์..
"ปลาย ฟังนะ เฮียจะเล่าเรื่องของตระกูลของเราให้เธอฟังอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้าย พี่เป็นลูกชายเจ้าของฟาร์มดวงเดือน ฟาร์มของเราอยู่ติดกัน ครอบครัวของเราบาดหมางกัน บรา..บรา..บรา.."
"...…" ปลายรุ้งเงียบฟังอย่าตั้งใจ
"ปลาย ฟังแล้วปลายมีความคิดเห็นยังไงบ้าง?"
"ปลายว่าเราไม่ควรรู้จักกันค่ะ" ทันทีที่ได้ยินแดนไตรรู้สึกหูอื้อ มันอื้ออึงไปหมด นึกไว้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่พูดหรือแสดงออกมา
"ทำไมล่ะ?" แดนไตรเอ่ยถามอย่างรู้สึกอึดอัด
"เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ เหนื่อยเปล่า เสียเวลาชีวิต" ปลายรุ้งเอ่ยขึ้นอย่างคนมองไม่เห็นหนทาง
"……." แดนไตรเงียบ ทันทีที่ชายหนุ่มได้ยินคำพูดของหญิงสาวที่พึ่งบรรลุนิติภาวะได้ไม่ถึงปีถึงกับอึ้งและเขาเลือกที่จะนิ่งฟังต่ออย่างมีสติ
"ปล่อยหนูไปเถอะค่ะ หนูจะไม่เอาความใด ๆ ทั้งสิ้น หรือไม่ก็ฆ่าหนูเลยถ้ามันจะชดใช้ความผิดที่คุณพ่อของหนูทำได้" ปลายรุ้งพูดอย่างเย็นชา
"ปลาย.…" แดนไตรเดินถอยหลังไปสองก้าวแล้วทรุดเข่าและเท้าฝ่ามือทั้งสองลงกับพื้น
"มันต้องมีทางซิ มันต้องมีทาง เฮียรักเธอตั่งแต่แรกพบนะ เฮียมั่นใจในเซ้นส์ของเฮียคือเธอ เธอคือคนที่เฮียรอเพื่อจะรัก" แดนไตรพูดความในใจอย่างหมดเปลือก
"ขอบคุณนะคะที่รักปลาย แต่ปลายคงไม่กล้ารั้งคุณไว้กับปลายหรอกค่ะ กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมของคุณเถอะ" ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกที่อีกฝ่ายพยายามทำให้เห็นว่าจริงใจขนาดไหน เพียงแต่อยากตัดไฟแต่ต้นลมเท่านั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าหนทางข้างหน้ามันริบหรี่เหลือเกินสำหรับความคิดเธอในตอนนี้
"เฮียถือว่าเธอได้รู้ความจริงแล้วนะ รอรับผลการกระทำนั้นด้วยแล้วกัน"