ตอนที่ 2 ต้นหญ้าพักพิงต้นไม้

1616 Words
หว่าอิ๋งสลบไสลไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว หยี่หานอุ้มนางมาจนถึงบ้านพักท้ายหมู่บ้านของเขา แล้ววางนางไว้ที่เตียงนอนภายในบ้านที่มีสภาพเก่าและทรุดโทรมของเขา บัณฑิตหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้า เขานึกในใจอย่างเป็นกังวลที่พานางกลับมาด้วย เพราะไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า บางทีนางอาจเป็นนางนกต่อของพวกโจรเขาก็ลืมคิดไป ‘แต่บ้านเราไม่มีของมีค่าอันใด ไยจะต้องระแวงนางด้วยเล่า’ เขานึกในใจแล้วหาผ้ามาชุบน้ำเพื่อเช็ดเนื้อตัวให้นาง หว่าอิ๋งเริ่มรู้สึกตัว นางกะพริบตาถี่ๆ จ้องมองใบหน้าของหยี่หานที่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วพอนึกได้ถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เจอ หว่าอิ๋งก็ร้องลั่นเสียงดัง พร้อมทั้งใช้มือไม้ทุบตีเขา จนหยี่หานต้องจับมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ “ไอ้โจรใจชั่ว ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้าไปชั่วชีวิต ข้ายอมตายดีกว่าที่จะอยู่อย่างทรมานเช่นนี้ ออกไปนะ” นางผลักไสเขา แล้วร้องไห้ออกมาเมื่อนึกว่าตนเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว “หยุดก่อนแม่นาง ข้าช่วยเจ้าไว้ต่างหากเล่า” เสียงนุ่มทุ้มสุภาพและใจเย็นนั่น ทำให้หว่าอิ๋งหยุดชะงัก นางเพ่งพิจารณาดูชายตรงหน้าอีกครา หาได้เป็นหนึ่งในโจรใจโฉดที่หวังคร่าพรหมจรรย์ของตนเองไม่ “ทะ ท่าน ชะ ช่วยข้าเอาไว้หรือ” “ใช่แล้ว ข้าผ่านมาพอดี เลยได้ไปช่วยเจ้าไว้ได้ทัน ก่อนที่พวกมันจะ...” บัณฑิตหนุ่มเว้นเสียงเล็กน้อยแล้วกระแอมขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน เพราะนางเริ่มหน้าแดงเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ “เจ้ามาจากที่ใดกัน ข้ามิเคยเห็นหน้า” “ข้าชื่อหลิวหว่าอิ๋ง มาจากหมู่บ้านทางทิศใต้ ห่างออกไปหลายลี้ เดินทางรอนแรมขึ้นเหนือมาเรื่อยๆ หวังจะไปพักพิงยังหมู่บ้านข้างหน้า แต่ไม่คิดเลยว่าระหว่างทางจะเจอพวกโจรป่าเหล่านั้น” หว่าอิ๋งลุกขึ้นมานั่งเล่าเรื่องราวของตนแล้วทำหน้าเศร้า “แล้วทำไมเจ้าถึงได้เดินทางตามลำพังเล่า” “ข้าหนีมา ท่านเจ้าบ้านจะส่งข้าไปเป็นอนุของคหบดีในเมืองนั้น ข้ายอมตายเสียดีกว่ายอมไปเป็นอนุให้เขาข่มเหง พอเบื่อหน่ายแล้วส่งไปขายยังซ่องชำเลา” หว่าอิ๋งพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นลูกสาวของบ้านนั้น เพราะอย่างไรก็ไม่เคยอยู่ในสถานะนั้นเลย ป่านนี้บิดาของนาง เขาคงรู้แล้วว่านางหนีออกจากบ้านมา และคงหัวเสียอยู่มากเป็นแน่ “งั้นเจ้าพักผ่อนที่นี่เถิด พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ” หยี่หานบอกนางแล้วยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงท้องร้อง “ขออภัยคุณชาย” หว่าอิ๋งเอ่ยเสียงเบา รู้สึกอับอายที่ท้องร้องทำเอานางขายหน้าเยี่ยงนี้ “ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ถือ ข้าเองก็พึ่งกลับมาถึงยังมิทันได้เตรียมหุงหาอาหาร เจ้ารอข้าสักประเดี๋ยวก็แล้วกัน” “ถ้าคุณชายไม่รังเกียจ ข้าจะอาสาทำครัวให้ท่านเอง” หว่าอิ๋งเอ่ยขึ้นมา “ข้าแซ่กัว กัวหยี่หาน เรียกข้าว่าหยี่หานเถิด” “ข้าเรียกท่านว่าคุณชายกัวจะเหมาะกว่า” หว่าอิ๋งพูดแล้วเดินเข้าไปยังห้องครัว ลงมือก่อไฟทำครัวโดยที่มีหยี่หานลอบมองนางอยู่ด้วยความกังวลใจ เพราะในบ้านของตนนั้นไม่มีอะไรให้ทานมากนัก หว่าอิ๋งทำอาหารเสร็จแล้วยกมาที่โต๊ะทานอาหาร นางใช้ผักในสวนที่ปลูกเอาไว้มาผัด แล้วปรุงอย่างน่าทานจนหยี่หานอดทึ่งไม่ได้ “ข้าไม่รู้ว่าจะถูกปากคุณชายหรือไม่” หว่าอิ๋งพูดอย่างสุภาพ ไม่ได้ทำท่าทางรังเกียจบ้านที่ดูว่างเปล่าและดูข้นแค้นของเขา แล้วหนำซ้ำนางยังไม่แตะต้องปลาแห้งที่เขามี เหมือนรู้ว่าเขาต้องเก็บมันไว้กินวันอื่น หยี่หานใช้ตะเกียบทานอาหารเพียงอย่างเดียวตรงหน้าแล้วยิ้มให้นางอย่างชื่นชม “เจ้าทำครัวได้ดี ถูกปากข้ายิ่งกว่าข้าทำเองทั้งชาติเสียอีก” เขาชื่นชมนางแล้วผายมือให้นางทานอาหารไปพร้อมกันกับเขา ทำให้หว่าอิ๋งนั้นยิ้มรับด้วยความยินดี ทั้งสองพูดคุยกัน จนหว่าอิ๋งรู้ว่าหยี่หานคือบัณฑิตที่สอบผ่านในระดับท้องถิ่น หรือ ซิ่วไฉ่ ซึ่งยังไม่มีสิทธิ์เข้ารับราชการเขาจะต้องสอบผ่านระดับ จวี่เหริน(ตำแหน่งของผู้สอบผ่านบัณฑิตในระดับมณฑล) ต่อด้วยการสอบก่งเซิ่ง(การสอบรอบสุดท้ายเพื่อรอรับบรรจุงานราชการ) แล้วเข้าสอบจิ้นซื่อ(สอบระดับขุนนาง) เพื่อที่จะชิงตำแหน่งจอหงวน แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น เขาต้องสอบผ่านเป็นจวี่เหรินให้ได้เสียก่อน ซึ่งเป็นการสอบครั้งที่สองในระดับนี้ของเขา ที่กำลังจะมีการจัดสอบในอีกหกเดือนข้างหน้า เนื่องจากการสอบครั้งที่แล้วเมื่อสามปีก่อน มารดาของเขาป่วยหนักและดูแลมารดาจนไม่มีเวลาทบทวนตำรา จึงทำให้สอบตก พอกลับมาจากการสอบมารดาก็มาเสียชีวิตในปีนั้น ทำให้เป็นปีที่หนักหนาสำหรับหยี่หานเป็นอย่างมาก และได้รับขนานนามว่า ‘บัณฑิตสอบตก’ เมื่อทั้งสองทานอาหารตรงหน้าจนแล้วเสร็จและวางตะเกียบลงแล้ว หว่าอิ๋งจึงตัดสินใจที่จะขอความเมตตาจากเขา “คุณชายกัว ข้าขอพักอาศัยอยู่กับท่านที่นี่ได้หรือไม่” หว่าอิ๋งถามบุรุษตรงหน้าด้วยน้ำเสียงและแววตาที่อ้อนวอน “ข้าเกรงว่าชายหญิงสองคนอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมันคงไม่เหมาะ อีกอย่างบุรุษเพศนั้นจะเกิดความกำหนัดขึ้นมาเมื่อใดก็ยากจะคาดเดาได้ ข้าไม่อย่างล่วงเกินเจ้าในยามที่ข้าเมามาย ไม่ได้สติ ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆ” หยี่หานพูดออกไป เพื่อให้นางเข้าใจ เขาคนเดียวก็ใช้ชีวิตลำบากแล้ว ถ้ามีนางเข้ามาอีกคน เขาคงไม่สามารถเลี้ยงดูนางได้ “ข้ามั่นใจว่าท่านคงไม่ใช่คนแบบนั้น และข้าอยากตอบแทนท่านที่ช่วยเหลือข้าเอาไว้ ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่รบกวนเวลาท่านอ่านหนังสือ ทำงานบ้านงานเรือนตอบแทนท่าน ไม่ให้ท่านต้องสิ้นเปลืองกับข้า” นางพูดออกมาทุกอย่าง หวังให้เขาใจอ่อนและยอมให้นางอยู่ต่อ เมื่อเห็นว่าหยี่หานเริ่มเงียบคิดไป หว่าอิ๋งก็รีบพูดเพื่อให้เขาเห็นประโยชน์ของการที่มีนางอยู่ด้วย “ข้าจะทำงานบ้าน หุงหาอาหาร และปักเย็บผ้า พร้อมทั้งดูแลคุณชายทุกเรื่องไม่ให้ต้องหยิบจับอะไรในบ้าน หน้าที่เดียวของท่านคือการอ่านหนังสือเตรียมสอบเท่านั้น คิดเสียว่าข้าเป็นดั่งต้นหญ้าที่พักพิงต้นไม้อย่างท่าน” นางบอกเขาแล้วยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่ดูใสซื่อและน่าเวทนาเพราะไม่มีที่ไป หยี่หานเห็นว่าข้อเสนอนางนั้นเข้าท่า จึงรับปากนาง แต่เขาก็มีข้อแม้ “ข้าจะให้เจ้าอยู่ที่นี่ด้วย แต่ว่าข้าให้อยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเจ้ามีที่ไป เจ้าจะต้องไปจากที่นี่ อย่างช้าคือตอนที่ข้าต้องไปสอบที่เมืองหลวง เพราะข้าไม่สามารถให้เจ้าติดตามข้าไปทุกที่ได้” “ข้ารับปาก” หว่าอิ๋งยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพียงแค่หกเดือนที่เขาให้นางอาศัยอยู่ด้วย ก็เพียงพอแล้ว หยี่หานให้นางนอนห้องนอนเก่าของมารดาเขาในคืนนี้ หว่าอิ๋งรีบทำความสะอาดและเข้าไปนอนพักด้วยความดีใจที่ตนเองมีที่พักพิง ไม่ได้ระหกระเหินเดินทางต่อให้ต้องเจอกับอันตรายอีกต่อไป ********************** ในตอนเช้าหยี่หานตื่นมาพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารที่หว่าอิ๋งเตรียมเอาไว้ให้ แล้วไล่สายตามองหานาง จนพบว่านางกำลังรดน้ำแปลงผักในสวนของเขาอยู่ “หว่าอิ๋ง มาทานข้าวเถิด” เขาร้องเรียกนาง หว่าอิ๋งวางมือจากงานในสวนเดินมาหาเขาแล้วมองหน้าด้วยความฉงน “คุณชายเรียกข้า มีอะไรให้รับใช้หรือไม่เจ้าคะ” “ที่เจ้าเดินมาเพราะไม่ได้ยินที่ข้าบอกงั้นหรือ ข้าแค่เรียกเจ้าให้มาทานอาหารด้วยกัน” บัณฑิตหนุ่มพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี ความรู้สึกที่ตื่นเช้ามามีคนเตรียมข้าวปลาอาหารไว้ให้ มันทำให้เขารู้สึกนึกถึงตอนที่มีมารดาอยู่ด้วย “ข้าทานแล้ว สำรับนั่นข้าเตรียมให้คุณชายคนเดียว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ข้าต้องรีบรดน้ำก่อนที่แดดจะแรงจนใบผักเฉาเสียก่อน” หว่าอิ๋งรีบพูดแล้วเดินกลับไปที่แปลงผักอย่างรวดเร็ว หยี่หานส่ายหัวเบาๆ พลางยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะนึกได้ว่านางบอกว่าปักผ้าเป็น แล้วตัดสินใจว่าจะเข้าไปในหมู่บ้านซื้อผ้ามาให้นางตัดเย็บและปักผ้าขาย อย่างน้อยนางก็จะมีรายได้แล้วเก็บเงินสักก้อนเพื่อไปตั้งตัวใหม่ตอนที่เขาไปสอบในเมืองหลวง หรือไวกว่านั้นถ้านางต้องการ **********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD