“นินทร์!”
หญิงสาวหันขวับกลับมาเมื่อถูกเรียก สีหน้าของอธินินทร์ดูไม่ได้ตกใจอะไรที่เห็นสามี เพียงแค่เลิกคิ้วมอง ท่าทางเฉยเมยจนเขางุนงงว่า เมื่อตอนเย็นยังร้องไห้คร่ำครวญ ตอนนี้ออกมากับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ มันจะง่ายไวไฟอะไรเบอร์นั้น
อธินินทร์หันไปสบตากับชายหนุ่มหุ่นล่ำที่เธอเดินออกมาด้วย สายตาผู้ชายคนนั้นดูขรึมเช่นเดียวกับใบหน้า ต่างจากผู้ชายอีกคนที่ดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟ
“มีอะไร”
“เธอจะไปกับใคร”
“เกี่ยวอะไรกับคุณ”
“หึ ถามมาได้ว่าเกี่ยวอะไร”
“นั่นสิ เกี่ยวอะไรยังไง ฉันเป็นอะไรกับคุณ ถึงได้เข้ามาขวางฉันไม่ให้ไปกับคนอื่น”
อธินินทร์ยิ้มมุมปาก น้ำเสียงท้าทาย
“ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นอะไรกับเธอ แต่ตอนนี้มันยังเป็นอยู่ไง”
“อ้อ... ก็รู้นี่ว่าตอนนี้ยังเป็นอยู่” ทีตัวเองทำได้แต่คนอื่นทำบ้างกลับมาทำท่าไม่พอใจ
“ถ้าไม่อยากเป็นก็ทำให้เรื่องมันจบ ๆ เธอจะได้ไป...” เหลือบตามองไปที่ผู้ชายอีกคนที่กำลังยืนมองเขาอยู่เช่นกัน “ทำอะไรที่เธออยากทำ”
“ฝันไปเถอะ ถ้าฉันไม่ได้ตามที่ฉันต้องการ ฉันก็ไม่มีทางส่งใบมอบอิสรภาพให้คุณ” เธอหันไปยิ้มและยกมือขึ้นเกาะแขนชายหนุ่มที่ยืนข้างกัน พูดเสียงหวาน "เราไปต่อกันที่อื่นเถอะค่ะ หาที่เงียบ ๆ คุยกัน”
แต่เพียงจะหมุนตัวเดินออก ต้นแขนข้างหนึ่งก็ถูกดึงกระชากให้กลับคืนมา
“โอ๊ย” อธินินทร์เจ็บแปลบที่ต้นแขนซึ่งถูกกระชากอย่างแรง
“อย่าทำรุนแรงกับนินทร์ ไม่งั้นผมแจ้งความแน่”
ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงดุ แต่ปรศุก็ไม่มีท่าทีเกรงกลัวเหมือนกัน
“หึ อย่าเสือกเรื่องของผัวเมีย...กลับบ้าน!”
ออกแรงเพิ่มอีกนิดเดียวร่างบอบบางก็ปลิวติดมือเขามา เพราะชายอีกคนไม่กล้ายื้อเธอไว้เกรงว่าหญิงสาวจะเจ็บ เพียงแต่ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“น้องนินทร์โอเคมั้ยครับ”
“ค่ะ พี่วิทย์ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราค่อยนัดเจอกันใหม่นะคะ”
ได้ยินเท่านั้นปรศุก็เหมือนมีไฟลุกขึ้นมาบนศีรษะ จ้องตาผู้ชายที่เธอเรียกชื่ออย่างสนิทสนมเหมือนจะจดจำใบหน้ามันไว้ ก่อนจะกระชากเธอไปขึ้นรถ จัดการโทร. บอกเพื่อนว่าจะไม่กลับเข้าไปแล้วให้มันหาคนมานั่งดื่มด้วย
พอขับออกมาโดยมีอธินินทร์นั่งข้าง ๆ ปากเขาก็พ่นคำผรุสวาทออกมา
“ร่านนะ”
“ใครร่าน” หันมาถามหน้างง
“ยังมีหน้ามาถาม”
“ถ้าคุณจะหมายถึงฉันล่ะก็ มันไม่ใช่ เพราะฉันกับพี่วิทย์เรารู้จักกันมานานแล้ว” คำนี้คงต้องเก็บไว้ใช้กับเลขาของเขาถึงจะตรงตามความหมายของคำกระมัง แต่ก็นั่นล่ะ เธอไม่ได้มีความดีงามอะไรในใจเขาอยู่แล้ว
“นานกว่าฉันอีกเหรอ”
“ก็น่าจะได้”
“แล้วทำไมไม่แต่งงานกับมันไปเสียเลยล่ะ หย่ากับฉันสิจะได้ไปหามันอย่างที่ใจเธอต้องการ”
“ก็เอามาสิร้อยล้าน”
“ให้แค่สิบ” เขาบอกเสียงเรียบ
“งั้นก็ไม่ต้องพูด”
“ตราบใดที่เธอยังเป็นเมียในทะเบียนสมรสกับฉันอยู่ ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้เธอไปยุ่งกับผู้ชายคนไหน”
“เหอะ ย้อนแย้งในตัวนะคะ พูดแบบนี้เหมือนกั๊ก หรือต้องบอกว่าหวงก้าง ในเมื่อคุณเองก็มีเลขาใกล้ตัวไว้บำเรอความสุขในที่ทำงาน ทำไมฉันจะออกมาหาความสุขบ้างไม่ได้”
“พูดไม่รู้เรื่องใช่มั้ย” เขาหมายถึงเรื่องลีลาวดี ที่เคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าไม่มีอะไรกัน แต่เธอยังเอาเรื่องนี้มาพูดอีกจนเขารำคาญเต็มที
“หึ ฉันคงฟังที่คุณสั่งหรอก ถ้าไม่ได้ร้อยล้านก็อย่าหวังจะได้ใบหย่า”
“งั้นก็กอดมันไว้ให้แน่นแล้วกัน ไอ้ใบนั่นน่ะ”
“ฉันไม่กอดไว้อย่างเดียวหรอก ฉันใช้ประโยชน์จากมันได้ด้วย คอยดูแล้วกัน”
ทั้งคู่เงียบ ปล่อยให้ความอึมครึมปกคลุมจนกระทั่งขับรถมาถึงบ้าน คราแรกอธินินทร์คิดว่าต่างคนก็ต่างแยกห้องนอนเหมือนทุกครั้ง ปรศุไปนอนอีกห้องปล่อยให้อธินินทร์นอนห้องที่เคยเป็นห้องหอของพวกเขาเพียงลำพัง โดยไม่รับรู้เลยว่าแต่ละคืนกว่าที่เธอจะหลับได้มันทรมานแค่ไหน บางคืนต้องพึ่งยานอนหลับก็ยังหลับไม่ลง
แต่เขาคงไม่สนหรอก
ทว่าคืนนี้เขากลับเดินตามเธอเข้ามาถึงหน้าห้องด้วย พอหญิงสาวจะหันไปถามร่างสูงก็ดันตัวเธอเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูพร้อมกับกดล็อก
“อะไร”
“ทำไมต้องถามเหมือนสาวใสซื่อบริสุทธิ์”
“หึ อย่าบอกนะว่าดื่มแล้วเกิดอารมณ์”
“ไม่ได้เหรอ ก็มันเป็นเรื่องปกติ จะมาทำสะดีดสะดิ้งทำไม”
ก่อนที่เขาจะย้ายออกไปนอนห้องอื่น เขาก็บอกกับเธอแล้วว่าวันไหนที่เขาเข้ามาเหยียบในห้องนี้นั่นหมายความว่ามีสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาจะทำ สิ่งนั้นก็คือ
วงแขนแกร่งรัดร่างบางเข้ามาระดมจูบ แรก ๆ มันเหมือนจะรุนแรงแต่พอผ่านไปก็เริ่มอ่อนเบาลงเมื่อหญิงสาวไม่ดื้อรั้นขัดขืนจนเขารำคาญ ริมฝีปากหยักบดจูบลงมาที่กลีบปากนุ่มละมุนพร้อมกับแทรกปลายลิ้นอุ่นเข้ามาเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กที่กึ่งสู้กึ่งถอย มือเรียวที่วางอยู่แผ่นอกแน่นตึงทำท่าจะผลักเขาออกในตอนแรกค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปกอดลำคอที่โน้มศีรษะลงมาซุกอยู่กับซอกคอเธอ เดรสคล้องคอถูกเขาดึงปมเชือกด้านหลังออกและหลุดร่วงลงไปกองอยู่ปลายเท้าในพริบตา เหลือไว้แต่บราปีกนกที่แนบปิดทรวงอกกับแพนตี้ตัวจิ๋ว
เสียงหอบหายใจรุนแรงขึ้นเมื่อมือหนาลากไล้ผ่านเคล้นคลึงอยู่ที่ก้นเด้ง ก่อนจะตวัดเรียวขางามข้างหนึ่งขึ้นมาเกาะไว้ตรงสะโพกสอบของเขา ลำกายแข็งขึงดุนเป้าออกมาจนเสียดสีกับส่วนอ่อนไหวกลางกายของเธอ
อธินินทร์แหงนหน้าเปิดเปลือยลำคอให้เขาซุกไซ้ตามใจอยาก พร้อมกับการที่เขาแกะบราปีกนกออกจากทรวงอกของเธออย่างผู้เชี่ยวชาญจนหญิงสาวแทบไม่รู้สึก มารู้สึกอีกทีก็เมื่อถูกอุ้งปากร้อนครอบครองลงมาดูดดึง
“อื้อ อย่าแรง เจะ เจ็บ อ๊ะ”
“เจ็บหรือเสียว บอกมาดี ๆ ถ้าเจ็บจริง ๆ จะไปดูดจุดอื่น”
สามีใจร้ายเล่นบทโหดและห่ามเสมอเวลาเขาพาเธอขึ้นมาอยู่บนเตียง ปรศุเคยบอกเธอในครั้งแรกที่มีอะไรกันว่า ไม่ต้องทำอาย รู้สึกอย่างไรก็ขอให้พูดออกมา จะได้ทำถูกจุด มัวแต่ทำตัวเขินอายสนิมสร้อยเขาไม่ชอบ และเขาชอบทำแรง ๆ
nc เต็ม ๆ cut ก่อนนะคะ เดี๋ยวถูกอันดับอีก
อีกสองวันต่อมาทั้งสองคนได้รับเชิญไปงานเลี้ยงฉลองให้กับผู้บริหารคนใหม่ของห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงสังคมด้วยกัน ภายนอกพวกเขายังต้องรักษาหน้าตาของวงศ์ตระกูลไว้ทั้งสองฝ่าย
อธินินทร์จึงโทร. ถามสามีว่าเขาจะสวมชุดสูทสีอะไรเธอจะได้แต่งตัวให้เข้ากับเขา ทว่าคำตอบที่ได้ยินกลับทำให้หญิงสาวนิ่งไปชั่วขณะ กลืนก้อนขม ๆ ลงคอ
“เธอจะไปทั้งที่สภาพมีรอยเต็มคอแบบนั้นเหรอ รอยที่ฉันสร้างให้มันเข้มมากนะ อีกกี่วันกว่าจะหาย ไม่ต้องไปฉันไปคนเดียว”
อ๋อ ที่เขาเข้ามาร่วมหลับนอนกับเธอคืนนั้นเพราะแค่จุดประสงค์ที่จะไม่ให้เธอควงคู่ไปงานสังคมกับเขาแค่นั้นเหรอ
“แล้วคุณจะไปกับใคร”
“...ก็เลขาผมไง เขาต้องไปด้วยอยู่แล้ว”
“หึ ฉันจะไปกับคุณ เจอกันเย็นนี้ที่งานนะคะคุณสามี”
“เธอไม่อะ...” คำว่าอายยังพูดออกมาไม่เต็มคำ อธินินทร์ก็กดวางสายไม่รอฟังคำพูดทิ่มแทงของเขาให้เสียเวลาและกระทบความรู้สึกมากไปกว่านี้ ปรศุคงหัวเสียไม่เบาที่แผนสกัดกั้นไม่ให้เธอไปงานเลี้ยงกับเขาไม่สำเร็จ
เรื่องอะไรเธอจะยอมให้เขาไปงานกับผู้หญิงคนอื่น ถึงจะไปในฐานะเลขาก็เถอะ ถึงยังไงเธอก็ยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา คิดจะมาใช้วิธีนี้ทำให้เธอออกงานคู่กับเขาไม่ได้น่ะเหรอ หญิงสาวเหยียดยิ้ม
“ดูถูกคนอย่างอธินินทร์เกินไปแล้ว”
^
^
^
***อยากอ่านต่อวันละสองตอน ส่งใจ กดเม้นมาเยอะๆนะคะ