อธินินทร์กลับเข้ามานั่งสวย ๆ ในงานมองผู้บริหารคนใหม่ของอัครากรุ๊ปที่ขึ้นไปกล่าวคำขอบคุณแขกในงานด้วยสายตาชื่นชมจนเก็บไม่อยู่ ปรเมศวร์ดูจะเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากถ้าใครได้อยู่ใกล้คงมีความสุขไปตลอดชีวิต
“มองอะไรนักหนา”
ปรศุที่มองเห็นสายตาแบบนั้นของเธอก็ไม่ค่อยพอใจ
“มองว่าที่สามีใหม่ค่ะ”
“เหอะ ผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอไม่เหมาะสมกับผู้ชายแบบนั้นหรอก”
“แล้วผู้หญิงอย่างฉันต้องเหมาะสมกับผู้ชายแบบไหนเหรอคะ...แบบคุณ?” หญิงสาวเลิกคิ้วทำหน้ายียวน
“ไม่”
“งั้นคุณก็ไม่ต้องมาสนใจ ตอนนี้ฉันกำลังจ้องจะจับผู้ชายคนอื่นหลังได้เงินร้อยล้านจากคุณแล้ว”
“ฝันไปเถอะ”
อยู่ในงานถึงเวลาอันสมควรปรศุกับอธินินทร์ก็พากันกลับ จะว่าได้เวลาสมควรแล้วกลับก็ไม่ถูกนัก เป็นเขาต่างหากที่เป็นคนบอกให้เธอกลับเพราะไม่ชอบเวลาที่เธอเดินไปคุยทำความรู้จักกับใครแล้วมีผู้ชายอื่นมอง
ลีลาวดีเดินตามหลังคนทั้งคู่มาไม่ห่างชายหนุ่มจึงหันไปบอกกับเลขาสาวว่า
“ผมจะให้คนขับรถไปส่งคุณแล้วกัน”
“แล้วท่านประธานจะกลับยังไงคะ”
อธินินทร์ส่งรอยยิ้มออกมาพร้อมกับตอบแทนสามี “ก็กลับกับเมียไงคะ”
ปรศุหันไปมองรอยยิ้มแป้นแล้นแต่แฝงนัยบนใบหน้าเมียที่ไม่รัก ถึงจะไม่ชอบสีหน้าท่าทางของเธอในตอนนี้แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยค้าน
“ค่ะท่านประธาน”
ระหว่างทางขณะที่ชายหนุ่มกำลังคลายกระดุมเม็ดบนกับเนกไทออกหญิงสาวก็หันมายิ้มแล้วพูดกับเขา
“อยากรู้มั้ยคะว่ารอยที่คุณตั้งใจสร้างไม่ให้นินทร์ไปงานวันนี้มันหายไปได้ยังไง”
เขาหันไปมอง แม้ไม่เอ่ยอะไรแต่สายตาก็บ่งบอกว่าอยากรู้ ห้องผู้โดยสารกับคนขับมีฉากกั้นความเป็นตัวอยู่ ไม่ว่าจะคุยอะไรคนขับก็จะไม่ได้ยิน อธินินทร์จึงเฉลยให้เขาดูว่าปกปิดร่องรอยนั้นอย่างไร หญิงสาวยกกระจกที่มีอยู่ในรถออกมา แล้วก็ลอกสติกเกอร์ที่เป็นสีเดียวกับผิวบริเวณที่แปะไว้ออก ก่อนจะส่งยิ้มให้
“ง่ายนิดเดียว ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยจนล้มหมอนนอนเสื่อ นินทร์ก็สามารถไปกับคุณได้ทุกที่ค่ะ”
“เหอะ”
เขาเมินหน้าออก แล้วบรรยากาศในรถก็เงียบมาตลอดทางกระทั่งถึงบ้าน คนเย็นชาเดินนำเธอแยกไปยังห้องนอนของเขา ทิ้งให้เธอเดินเหงา ๆ ขึ้นบันไดมาอย่างเคว้งคว้างก่อนจะทอดถอนหายใจน้ำตาคลอ หลังจากที่บิดาเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนเธอคิดว่าจะมีเขาที่เป็นเสาหลักให้เธอได้เกาะยึดเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า การมีครอบครัวแม้จะมาเร็วกว่าที่เธอคาดคิดไว้ แต่ถ้ามีแล้วเธอก็อยากทำตัวเป็นภรรยาที่ดี ถ้าหากมีลูกเธอก็จะเป็นแม่ที่ดีของลูกเช่นกัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่เธอคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขาจะเปลี่ยนใจไปเร็วขนาดนี้
มันเพราะอะไรกัน หากไม่ใช่ยัยเลขานั่น มันก็ต้องมีสาเหตุอื่นที่ทำให้ผู้ชายเปลี่ยนใจ
อธินินทร์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ทรุดนั่งลงข้างเตียง สายตามองไปยังกระปุกยานอนหลับก่อนจะหยิบมันขึ้นมา ขวดยาเบาหวิวก็ทำให้หญิงสาวต้องทอดถอนลมหายใจออกมาอีกครั้ง
“ยาหมด พรุ่งนี้ต้องไปหาขอยากับพี่หมออีก”
อธินินทร์ลงมารับประทานอาหารเช้าในตอนแปดโมงก็ไม่เห็นสามีอยู่ที่โต๊ะ สอบถามจากแม่บ้านอาวุโสก็ทราบว่าเขารับอาหารเช้าแล้วก็เพิ่งออกไปข้างนอกก่อนหน้าเธอไม่นานนี้เอง วันนี้เป็นวันหยุดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหน
อธินินทร์ตักข้าวต้มใส่ปากไปไม่กี่ช้อนก็รู้สึกอิ่ม จากนั้นก็ขับรถออกไปข้างนอกโดยไม่ได้บอกใครเหมือนกันว่าจะไปไหน
หญิงสาวขับรถมาจอดหน้าคลินิกแห่งหนึ่งที่เปิดทำการในช่วงเช้าของวันเสาร์ มีคนไข้นั่งรอคุณหมออยู่หน้าเคาน์เตอร์ประมาณสิบคนและยังทยอยมาเรื่อย ๆ อธินินทร์รู้จักกับคุณหมอหญิงหรือญาณิศาเจ้าของคลินิกนี้เนื่องจากเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยม ระหว่างรอรุ่นพี่ตรวจคนไข้เสร็จเธอก็มาเล่นอยู่กับหนูน้อยวัยสามขวบซึ่งเป็นลูกสาวของคุณหมอรุ่นพี่บนชั้นสองของคลินิก
จนกระทั่งถึงเวลาปิดคลินิกคุณหมอสาวก็ขึ้นมาคุยกับเพื่อนรุ่นน้อง
“เป็นไงบ้าง ยาที่ให้ไปหมดแล้วเหรอ”
“หมดแล้วค่ะ นินทร์อยากมาขอกับพี่หมออีก”
คุณหมอหญิงทำหน้าลำบากใจ พิจารณามองใบหน้าสวยที่หม่นหมองของเธอ
“คงดื้อยาแล้วล่ะสินะ พี่ว่าเราควรพบจิตแพทย์บ้างนะนินทร์”
“นินทร์รู้ตัวเองดีค่ะว่านินทร์เป็นอะไร นินทร์ไม่ได้เป็นซึมเศร้าอะไรทั้งนั้น ปัญหาของนินทร์มีอยู่แค่เรื่องเดียว คือเรื่อง...ผัว”
“เฮ้อ! มันก็พูดยากนะ การที่คุณรามเปลี่ยนไป จับไม่ได้ว่ามีผู้หญิงอื่นรึเปล่ามันก็แปลก ๆ แล้วถ้ามันเจ็บปวดทรมานใจขนาดนี้ทำไมไม่หย่าไปเลยล่ะ” ญาณิศาถอนหายใจ ทั้งเห็นใจและหนักใจแทนรุ่นน้อง
“หย่าก็ได้แค่สิบล้านนะพี่หญิง สิบล้านกับที่เขาได้ธุรกิจของพ่อนินทร์ไป นินทร์ว่ามันไม่คุ้ม”
“แล้วนินทร์เรียกเขาเท่าไหร่”
“ร้อยล้าน”
“เยอะอยู่นะนินทร์”
“ถ้าได้นินทร์จะรีบหย่าเลย”
“ต่อรองกับเขาหน่อยไม่ได้เหรอ ลดลงมาอีกหน่อย เพื่อความสุขของเรานะนินทร์ ในเมื่อผู้ชายมันเป็นอย่างนั้นก็อย่าไปอยู่กับมันเลย เงินสิบล้านเอาไปต่อยอดอะไรได้อีกเยอะแยะ แต่ที่ยังไม่หย่า พี่ว่านินทร์ก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ใช่มั้ย”
อธินินทร์เงียบกริบ
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว เราออกไปหาอะไรกินกันข้างนอก หาคาเฟ่สวย ๆ นั่งสบาย ๆ กันดีกว่า”
“ก็ได้ แล้วยานินทร์ล่ะ พี่หมอไม่สั่งจ่ายยาให้เหรอ”
คุณหมอทอดสายตามองรุ่นน้องด้วยความเห็นใจอีกครั้ง
“สั่ง แต่พี่จะให้นินทร์ลองทำวิธีอื่นด้วย”
เที่ยวกับพี่หมอหญิงและน้องอลิสลูกสาววัยสามขวบที่กำลังน่ารักระหว่างรอพี่หมอชายทำงานที่โรงพยาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้ว ในตอนเย็นอธินินทร์ก็กลับบ้านเพื่อจะมานั่งรอกินข้าวกับสามี
วันนี้คุยกับพี่หมอหญิงแล้วได้ข้อคิดอะไรหลายอย่าง ถ้าคุยกับเขาตกลงกันเป็นที่น่าพอใจอธินินทร์ก็จะหย่าให้
เธอก็ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ แม้เธอจะรักเขามากแต่เธอก็ต้องดูแลถนอมร่างกายตัวเองที่พ่อแม่ให้มาเหมือนกัน ทั้งยังไม่ควรปล่อยให้จิตใจถูกกัดกร่อนด้วยความทุกข์จนเปราะบางพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อแบบนี้
เธอรอจนรอไม่ไหวจึงนั่งรับประทานอาหารไปก่อนอิ่มแล้วก็มานั่งไถมือถือเล่นรอที่โซฟาในห้องรับแขก จนกระทั่งสองทุ่มก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกใหญ่ เธอไม่ได้เดินออกไปต้อนรับเหมือนตอนที่ยังดีกันอยู่ แต่นั่งรอให้เขาเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะคุยกันอย่างจริงจัง
ทว่า เหมือนได้ยินเสียงคนอื่นอยู่กับเขาด้วย อธินินทร์จึงเดินออกไปดู แล้วภาพที่เธอเห็นก็ทำให้หญิงสาวแทบสติหลุด
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปนะค้า กดติดตาม เพิ่มเข้าชั้นให้มนสิด้วยน้า