อธินินทร์เคยรู้จักผู้หญิงสองคนที่ปรศุกำลังพาเข้ามาในบ้าน เธอถลาวิ่งออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นสองคนนี้อีกครั้ง
“พวกแกสองคนมาที่นี่ได้ยังไง”
“พี่รามช่วยเดหลีกับคุณแม่ด้วยค่ะ ผู้หญิงคนนี้เคยร้ายกับเรามาก...ฮึก”
“พวกตอแหลได้โล่ เจอกี่ทีก็ยังตอแหลเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“หยุด!” ปรศุตะคอกเสียงดัง
“ฉันไม่หยุด คุณพาสองคนนี้เข้ามาในบ้านได้ยังไง พาเข้ามาได้ยังไง รู้จักพวกมันเหรอ” อธินินทร์โกรธจัดขึ้นเสียงกลับท่าทีเกรี้ยวกราด
“ใช่ ผมรู้จักพวกเขา” ปรศุไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของภรรยา เพราะเธออาละวาดหึงหวงน่าเกลียดแบบนี้กับลีลาวดีมาหลายครั้งจนเขาเอือมระอา
“รู้จักในฐานะอะไร”
“แฟนค่ะ ลูกสาวฉันเป็นแฟนกับคุณราม”
ดาหลาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเสมือนเป็นผู้ดีคอยปกป้องลูกสาวที่กำลังโดนรังแกอย่างไม่เป็นธรรมแม้ได้ยินดังนั้นหัวใจของอธินินทร์แทบจะหยุดเต้นแต่เธอก็ต้องแสร้งตีหน้ายิ้มแล้วบอกว่า
“เหรอ แต่ฉันเป็นเมีย เมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณราม”
“นิ... นี่คุณรามแต่งงานกับผู้หญิงที่ใจร้ายกับแม่กับเดหลีขนาดนี้ยังไงคะ แต่งตอนไหนทำไม...ฮึก คุณแม่เราออกไปอยู่ที่อื่นกันเถอะค่ะ หลีกลัว...ฮือ”
เดหลีหันไปซุกเข้าอ้อมกอดผู้เป็นแม่ แสดงสีหน้าเหมือนหวาดกลัวอธินินทร์มากจนปรศุเห็นแล้วสงสาร
“แสดงละครเก่งมาก ฉันปรบมือให้เลย”
แปะ ๆ ๆ
“แต่ก็ดีใจเหมือนกันนะ ที่ได้เจออีก จะได้ไม่ต้องตามหาตัวกันนาน”
สองแม่ลูกตงิดใจในคำพูดของเธออยู่บ้าง แต่ก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องเสแสร้งเล่นละครต่อ
“คุณหนูนินทร์ น้า เอ่อ ดิฉันกับลูกไม่รู้มาก่อนว่าคุณแต่งงานกับคุณราม”
อธินินทร์เหยียดปาก เมินหน้าออกเพราะไม่อยากมองหน้าคนที่เล่นละครได้สมบทบาทยิ่งกว่านักแสดงมืออาชีพ
“ถ้าการที่ดิฉันกับลูกเข้ามาอยู่ในบ้านคุณรามแล้วทำให้คุณไม่พอใจ ดิฉันกับลูกก็จะไป”
“ไม่ต้องครับคุณน้า ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ผมมีสิทธิ์ที่จะให้ใครอยู่ใครไปก็ได้”
อธินินทร์หันขวับไปมองสามี “แต่สองแม่ลูกนี่มันโกงเงินพ่อฉันไปจนหมดตัวนะ”
สองแม่ลูกรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางน่าสงสาร
“ไม่จริงค่ะ ไม่จริง ดิฉันเคยเป็นภรรยาคุณพ่อของคุณก็จริง ดิฉันตั้งใจจะเข้ามาดูแลท่าน แต่คุณพ่อคุณต่างหากที่มีนิสัยชอบ...” ดาหลาหยุดพูดชั่วขณะทำหน้าเหมือนคนไม่กล้าพูด ในขณะที่คนเป็นลูกสาวยืนฟังด้วยความเดือดดาลใจในความปั้นน้ำเป็นตัวของอีตอแหลตัวแม่
“พูดออกมาสิ ฉันก็อยากจะรู้ว่าพวกแกจะใส่ร้ายพ่อฉันยังไง”
“ดิฉันไม่ได้ใส่ร้ายค่ะ คุณท่านอธิปชอบใช้ความรุนแรงกับดิฉัน รวมถึง...คุณด้วยที่ชอบด่าทอดิฉันมาตลอด”
อธินินทร์ได้ฟังถึงกับตะลึงด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง เธอไปทำอะไรสองแม่ลูกนี่ตอนไหน ทางด้านลูกสาวก็เสริมทัพขึ้นมาว่า
“ใช่ค่ะ แล้วคุณนินทร์ยังเคยจงใจสาดน้ำร้อนใส่คุณแม่เวลาไม่ได้ดั่งใจด้วย นี่ค่ะร่องรอยยังมีอยู่”
เดหลียกมือที่มีรอยแผลเป็นเหมือนถูกน้ำร้อนลวกที่หลังมือให้ปรศุดู
ด้านอธินินทร์หัวเราะเสียงดังเหมือนกำลังดูอะไรที่มันตลกมาก
“เก่งมาก พวกแกสองคนเก่งมาก เหลือเชื่อจริง ๆ ว่าจะมีคนตอแหลเก่งขนาดนี้อยู่บนโลก แล้วก็มีคนโง่เชื่อด้วย”
ใครฟ้องก่อนคนนั้นได้เปรียบสินะ สองแม่ลูกดูภายนอกเป็นคนน่าสงสารยิ่งบวกจริตเข้าไปก็ยิ่งทำให้คนที่เห็นเอนเอียงเข้าข้างไปกว่าครึ่งแล้ว เดหลีเป็นผู้หญิงตัวเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มกิริยาท่าทางใสซื่อและอ่อนแอจนเหมือนพร้อมจะถูกรังแกได้ทุกเมื่อดูน่าทะนุถนอมและน่าปกป้องเป็นที่สุด ส่วนคนเป็นแม่ก็ดูใบหน้าว่าเป็นคนดี พูดจาอ่อนหวาน กิริยานุ่มนวลราวกับมีเชื้อสายผู้ดีเก่า มีแต่เธอนี่แหละที่เป็นนางร้ายในสายตาทุกคนในขณะนี้ มันเป็นเรื่องช็อกโลกที่สุดของอธินินทร์ที่ได้รับรู้ว่าสองแม่ลูกนี่รู้จักกับสามีของเธอ
“ฉันไม่ได้โง่ ฉันเองก็พิสูจน์กับตัวเองมาแล้วว่านิสัยของเธอเป็นยังไง” ปรศุโต้กลับเสียงเข้ม นัยน์ตาราวกับมีประกายไฟแลบออกมา
“อ้อ คงเพราะนังดอกไม้ซ่อนพิษนี่ใช่มั้ย คุณถึงได้เปลี่ยนไป” อธินินทร์ยิ้มหยันตัวเอง ผู้ชายคงจะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งโลก พอเห็นผู้หญิงท่าทางบอบบางน่าสงสารก็พร้อมจะตาบอดเชื่อทุกอย่างที่หล่อนพูดและกระโจนเข้าปกป้องโดยไม่ต้องหยุดคิด
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะนิสัยเลวร้ายเหมือนเธอ ถึงไม่มีใคร ฉันก็ต้องการหย่ากับเธออยู่ดี”
นั่นสิ ในเมื่อเขาเชื่อไปแล้วว่าเธอนิสัยเลวร้าย ก็จะร้ายให้สมกับที่เขาคิดก็แล้วกัน หญิงสาวเหยียดยิ้ม
“หึ ฝันไปเถอะ ตอนแรกก็คิดว่าจะตกลงกันเรื่องหย่าให้นะ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว อยู่ไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะคอยดูซิว่าถ้าชู้เข้ามาอยู่ในบ้านแบบนี้จะสามารถใช้ทะเบียนสมรสทำอะไรได้บ้าง”
“พี่ราม หลีไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าเป็นมือที่สามที่มาแย่งของของคนอื่นนะคะ ถ้าหลีรู้ว่าต้องมาเจอกับผู้หญิงคนนี้ หลีคงไม่ให้พี่รามไปรอรับที่สนามบินแต่แรกหรอกค่ะ หลีกับคุณแม่จะไปหาที่อยู่ใหม่เอง”
ผู้หญิงบอบบางน่าปกป้องเอ่ยเสียงเจือสะอื้น ทำให้อธินินทร์รู้ว่าที่เขาหายออกจากบ้านไปทั้งวันกว่าจะกลับมา ส่วนหนึ่งเพราะไปรอรับสองแม่ลูกนี่เอง
“ไม่ต้องไปไหนแล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นครับ น้องหลี คุณน้า ผมให้คนจัดที่พักให้แล้วไปพักผ่อนก่อน ในบ้านนี้จะไม่มีใครทำอะไรคุณน้ากับน้องหลีได้”
เขาใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเวลาพูดกับสองแม่ลูกนั่นท่าทางประคบประหงมราวกับเป็นของมีค่า แต่พอหันมาทางเธอสีหน้าและสายตากลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
“เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
^
^
^
***โปรดติดตามต่อไปนะคะ