เดหลีเข้ามาในชีวิตของปรศุช่วงที่เขาสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้หนึ่งเดือน หลังจากที่เขาได้เจอเธอเพราะเธอเดินตัดหน้ารถตอนที่เข้าไปหารุ่นน้องในมหาวิทยาลัยนานาชาติเพื่อรับไปดื่ม ปรศุรู้สึกสะดุดตากับท่าทางซื่อ ๆ ไร้จริตมารยาของเธอ และยิ่งสะดุดใจเมื่อเธอหายจากอาการตกใจแล้วรีบถามเขาว่า
“รถคุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” แทนที่เธอจะโวยวายว่าเกือบถูกรถเขาชน กลับรีบแสดงความรับผิดชอบ
“หลีมัวแต่เหม่อคิดถึงการบ้านวันนี้เลยเดินไม่ระวังค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
ปรศุยิ้มให้เธอ ผู้หญิงตัวเล็ก ตาโต เครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม เห็นแล้ว อดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้
“ไม่น่าจะเป็นอะไรนะครับ น้องล่ะเป็นอะไรมั้ย”
“หลีไม่เป็นไรค่ะ หลีซุ่มซ่ามแบบนี้จนถูกคุณแม่ดุบ่อย ๆ เอ่อ ถ้ายังไงเกิดเจอว่ารถเป็นอะไรหลังจากนี้ หลีจะรวบรวมเงินมาซ่อมให้นะคะ”
และด้วยเหตุนี้ปรศุจึงแลกเบอร์โทรศัพท์และช่องทางการติดต่อกับเธอไว้ด้วยความเต็มใจของเขา
เดหลีเป็นคนจิตใจดีและเข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ เมื่อรู้ว่าปรศุเพิ่งจะสูญเสียบิดามารดา เธอก็ช่วยปลอบโยนและเป็นกำลังใจให้เขา
“หลีก็ไม่มีพ่อค่ะ คุณแม่หลีบอกว่าถ้าไม่เจอเรื่องร้ายเราก็จะไม่รู้ว่าเรื่องดีเป็นยังไง ถ้าเราไม่ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินเราก็อยู่กับที่ ไม่มีเรื่องแย่ที่สุด มีแต่ดีน้อย เพราะในเรื่องแย่ก็ยังมีเรื่องดีเพียงแต่มันน้อยเท่านั้น ถึงคุณพ่อคุณแม่ของพี่รามจะไม่อยู่แล้ว แต่พี่รามก็ยังมีคนที่ห่วงใยพี่รามอยู่ ถ้าพี่รามเหงาโทร. คุยกับหลีได้ตลอดเลยนะคะ หลีอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ยินดีแล้วก็เต็มใจช่วยเท่าที่ทำได้ค่ะ”
ตลอดสองปีที่ได้รู้จักกับเดหลีความรู้สึกดี ๆ ที่เธอส่งให้มันเข้ามาเกาะกุมหัวใจจนแน่นหนา ปรศุคิดว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้แล้วจริง ๆ และในคืนพระจันทร์เต็มดวงเมื่อเกือบห้าปีที่แล้วขณะที่ทั้งสองนั่งคุยกันเขาจึงเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับเธอ ทว่าก็เป็นวันเดียวกับที่เธอบอกลา
“หลีขอโทษนะคะพี่ราม” หญิงสาวน้ำตาคลอ “ตอนนี้คุณแม่หลีป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเพราะโดนสามีใหม่ทำร้ายมาตลอด หลีต้องพาคุณแม่ไปรักษาตัวก่อน”
“แล้วหลีจะพาคุณแม่ไปรักษาตัวที่ไหน” ชายหนุ่มทั้งตกใจและใจหาย
“หลีตัดสินใจว่าจะพาคุณแม่ไปต่างประเทศค่ะ เพราะคุณแม่กลัวสามีใหม่มาก แล้วหลีก็กลัวว่าจะถูกเขาตามคุกคาม”
“ใครเป็นคนทำร้ายคุณแม่ของหลี” ปรศุรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นแทนคนรักและมารดาของเธอ
“ไม่ใช่แค่คุณแม่หรอกค่ะพี่ราม” ทั้งสีหน้าและแววตาของเธอเหมือนต้องยินยอมเป็นผู้ถูกกระทำอย่างไม่มีทางเลือก
“หลีเองก็ถูกลูกสาวสามีใหม่ของแม่กดขี่ข่มเหงทำร้ายจิตใจมาตลอดตั้งแต่พวกเราแม่ลูกย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา ยังดีที่ตอนนี้เธอไปเรียนอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ยังโทร. มาหาเรื่องเล่นงานหลีกับแม่บ่อย ๆ แล้วถึงตัวจะไม่อยู่แต่ในบ้านก็เป็นคนของเธอทั้งนั้น เราสองคนแม่ลูกจะขยับจะทำอะไรก็ต้องระวังไม่ให้ขวางหูขวางตาใคร”
เดหลีหยุดพูดแล้วสะอื้นออกมา ก่อนจะเอ่ยต่อ
“คุณแม่จิตใจบอบช้ำมาก ร่างกายก็อ่อนแอลงทุกที ตอนนี้ในหัวหลีไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย คิดแต่จะพาแม่ออกไปจากบ้านหลังนั้นให้เร็วที่สุด” หญิงสาวมองสบตาเขา สายตาบ่งบอกถึงความจนใจที่ไม่อยากยอมรับ แต่จะฝืนต่อต้านก็ไม่มีกำลังพอ
“หลีไม่อยากอยู่ห่างจากพี่ราม แต่ตอนนี้หลีคงทำอะไรที่เห็นแก่ความสุขส่วนตัวไม่ได้ แม่มีหลีคนเดียว เหมือนกับที่หลีก็มีแค่แม่คนเดียว เรามีกันแค่สองคนแม่ลูก”
“พี่เข้าใจ แล้วหลีจะไปเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้าค่ะ”
“แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่”
“อาจจะปี สองปี หรือมากกว่านั้น แล้วแต่ว่าคุณแม่จะดีขึ้นพร้อมจะกลับมาเมื่อไหร่ค่ะ หลีอยากให้แม่ได้พักผ่อนเต็มที่ อยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีอะไรมากระทบจิตใจอีก”
เดหลีมีสีหน้าเศร้าหมอง แววตาเจ็บปวดเหมือนกำลังทำในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกอย่างที่สุด
“ถ้าพี่บอกว่าพี่จะรอหลีล่ะ”
น้ำตาเม็ดโตร่วงรินลงมาจากดวงตากลมโตที่ดูใสซื่อเสมอในสายตาของปรศุ
“พี่ราม หลีไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร หลีไม่กล้าบอกให้พี่รามรอ เพราะการรอคอยมันทรมานหลีรู้ดี แล้วหลีก็ไม่อยากให้พี่รามต้องไม่มีความสุขเพราะหลี ขอแค่พี่รามมีความสุข หลีก็มีความสุขแล้ว”
ความรู้สึกดีที่ปรศุมีต่อเดหลียิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เดหลีเป็นผู้หญิงที่แสนดี เธอใส่ใจและคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ แต่กลับโชคร้ายเจอคนใจคอต่ำช้าที่ทำร้ายเธอกับแม่ไม่หยุดหย่อน
“พี่ไม่เป็นไร พี่จะรอ ขอแค่รู้ว่าวันหนึ่งหลีจะกลับมา พี่ก็จะรอวันนั้น”
เดหลีสะอื้นฮัก ทำเอาปรศุสงสารจับใจ รู้สึกเจ็บแค้นคนที่ทำให้เธอต้องเป็นทุกข์ขนาดนี้
“ตอนนี้หลีไม่กล้าพูดให้ความหวังกับพี่ราม” เธอส่ายหน้าอย่างจำยอมต่อโชคชะตา “เพราะหลีเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะหวัง แต่... แต่ถ้าหลีได้กลับมาแล้วพี่รามยังรักยังรอหลี นั่นคงเป็นวาสนาของหลี ถึงตอนนั้นหลีจะกอดพี่รามไว้ให้แน่นไม่จากพี่รามไปไหนอีก...หลีรักพี่รามนะคะ พี่รามเป็นผู้ชายคนแรก...ที่หลีรักและมอบหัวใจให้”
เขามองเธอด้วยแววตาเศร้า หัวใจแทบสลายที่คนรักต้องห่างหายไปไกล ทั้งสองบรรจงจูบกันอย่างดูดดื่มก่อนจะถอนออกอย่างอ้อยอิ่ง แล้วเขาก็ไปส่งเธอที่บ้านโดยที่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น
ทุกครั้งเดหลีจะให้เขาส่งที่ปากซอยแล้วเธอจะเดินเข้าไปในบ้านเอง ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากให้คนในบ้านรู้แล้วพูดจาเหน็บแนม แต่เขาก็สืบรู้จนได้ว่าเธออาศัยอยู่ในบ้านหลังไหน และรู้ว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นคืออธิป คนที่ครอบครัวของเขาก็รู้จักดี รวมไปถึงลูกสาวคนเดียวของบ้านนี้ด้วย
...อธินินทร์
การที่เขาบอกว่าเขาจะรอเดหลี ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรออยู่เฉย ๆ ให้เวลาผ่านไปโดยไม่ทำอะไร ในเมื่อรู้อยู่ว่าผู้หญิงที่ทำให้คนรักของเขาต้องเจ็บปวดใจเป็นใคร ทำไมเขาจะทำให้เธอคนนั้นต้องเจ็บปวดบ้างไม่ได้ ตอนที่เจอกับอธินินทร์ครั้งแรก ปรศุไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรในตัวเธอนัก ท่าทางไว้ตัวแบบนั้นทำให้เขารู้สึกขัดตา ยิ่งผู้ใหญ่ทำท่าเหมือนพยายามจะจับคู่ให้เขากับเธอเขาก็ยิ่งขัดใจ ยามที่เจอกันตามงานสังคมเขาจึงเพียงรักษามารยาทไม่ได้ให้ความสนิทสนมอะไรเป็นพิเศษ ยิ่งครั้งหนึ่งเขาบังเอิญเห็นเธอกำลังต่อว่าเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันที่เดินมาชนเธอและทำน้ำหวานหกใส่ชุดกระโปรงสวยของเธออย่างโกรธจัดทั้งที่มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยและก็เป็นอุบัติเหตุ ภาพจำของเธอจึงยิ่งติดลบ ในสายตาของเขาเธอเป็นคนเอาแต่ใจไร้เหตุผลเพราะเป็นลูกคุณหนูที่ถูกประคบประหงมตามใจมาตลอดตั้งแต่เกิด เมื่อรวมกับท่าทางถือตัวของเธอที่เขาขัดหูขัดตา ปรศุก็ยิ่งมีอคติกับเธอ
อธินินทร์ทำให้คนรักของเขาต้องเจ็บปวดและทำให้เขาต้องพรากจากคนรัก เขาก็จะทำให้เธอต้องชดใช้ ดังนั้นปรศุจึงยอมแต่งงานกับเธอตามคำขอของลุงซึ่งเป็นญาติคนเดียวของเขาเช่นกัน เขาตัดสินใจยอมแต่งงานในวัยยี่สิบเก้าปีซึ่งสำหรับคนที่ยังรักสนุกถือว่าเร็วเกินไปสำหรับการสร้างครอบครัว แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดอยากจะสร้างครอบครัวกับอธินินทร์ การแต่งงานครั้งนี้นอกจากจะได้แก้แค้นแทนคนรักแล้วยังถือว่าเขาได้ผู้หญิงมาฆ่าเวลาระหว่างรอหญิงอันเป็นที่รักกลับมา ผ่านไปสองปีและเขาก็กำลังจะหย่ากับเธอ แล้วจากนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เขาจะได้ใช้มันกับผู้หญิงที่เขารัก
...ความรักกับความใคร่ผู้ชายแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน
“พี่รามคิดอะไรอยู่คะ”
เห็นเขานั่งเงียบไปนานเหมือนคนกำลังใช้ความคิด เดหลีไม่อาจอ่านรู้ไปถึงหัวใจเขาได้ แต่บางอย่างในแววตาของเขาที่มองเธอ หญิงสาวต้องยอมรับว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก นี่เธอพยายามกลับมาเร็วที่สุดแล้วนะ
“เปล่า” เขาถอนหายใจหันมายิ้มบาง ๆ ให้
“แล้วพี่รามยังรอหลีอยู่มั้ยคะ พี่รามยังคงเหมือนเดิม เหมือนหลีหรือเปล่า”
น้ำเสียงเจือความสั่นเครือเบา ๆ แววตาไหวระริก
“หรือว่า...”
“พี่กำลังคุยเรื่องหย่ากับเขาอยู่”
“เขาไม่ยอมตกลงง่าย ๆ เหรอคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า แววตานิ่ง
เดหลียิ้มเหมือนเข้าใจดี “ก็นั่นแหละค่ะ นิสัยของคุณหนูนินทร์ เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ”
“ดึกแล้ว พี่ว่าหลีกลับไปนอนเถอะ พี่จะไปส่ง”
ร่างสูงลุกขึ้นพร้อมกับดึงมือเธอให้ลุกขึ้นมาด้วย ในขณะเดียวกันอธินินทร์ที่ออกมายืนดูพระจันทร์อยู่ริมระเบียงก็เห็นภาพอันแสนโรแมนติกของทั้งคู่มาตลอดสักพักหนึ่ง แต่เธอก็ทนดู ดูให้ความเจ็บมันกัดกินหัวใจจนไม่เหลือพื้นที่ให้เจ็บ จนกระทั่งตอนสุดท้ายพวกเขาสองคนกอดกันเธอจึงหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง