หลายวันต่อมา…
การมีตัวตนอยู่ของเจียงหลีคล้ายจะถูกทุกคนในค่ายหลอมจันทร์ลืมไปเสียสนิท แต่ยังโชคดีที่นางยังนับว่ายังไม่ถึงอดตาย เพราะแม้ว่าสภาพที่นางอยู่จะคล้ายกับนักโทษคนหนึ่ง แต่ทุกมื้อก็จะมีหมั่นโถลอยเข้ามาภายในห้องเก็บฟางแห่งนี้อยู่ทุกวัน คล้ายกับผู้ที่จงใจโยนมานั้นยังไม่ปรารถนาให้นางตายในค่ายแห่งนี้เสียเลยทีเดียว
หลายวันแล้วที่นางถูกขังไว้ในโรงเลี้ยงม้านี้โดยไร้ซึ่งอิสรภาพใดๆ แต่ทว่าความเคลื่อนไหวและข่าวสารภายในค่ายโจรแห่งนี้ก็ยังพอจะเล็ดลอดเข้าหูหญิงสาวอยู่บ้าง เนื่องจากคนเฝ้ายามที่รับผิดชอบในโรงม้าแห่งนี้คอยแอบนินทาเรื่องเจ้านายลับหลังอยู่ทุกวัน เจียงหลีจึงรู้ว่าวันนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับสาวงามเกิดขึ้นภายในค่าย ผู้คนในค่ายสามารถเข้ามาร่วมชื่นชมยินดีกับราตรีดอกท้อของหัวหน้าโจร หากคาดเดาไม่ผิดสตรีต่างเผ่าพวกนั้นที่ขึ้นรถม้าร่วมกันกับตนคราก่อนคงเป็นของเล่นไว้อุ่นเตียงหัวหน้าโจรในคืนนี้กระมัง
ดวงตาคู่งามฉายแววตื่นตระหนก โชคดีที่นางปลอมกายเป็นบุรุษและรู้วิชาแปลงโฉมอยู่บ้าง มิเช่นนั้นคืนนี้ตัวนางคงไม่แคล้วประสบชะตากรรมเฉกเช่นกับสตรีเหล่านั้นเป็นแน่ คงไม่มีสตรีนางใดปรารถนาที่จะเป็นของเล่นให้ผู้อื่นเชยชม แม้ว่าเจียงหลีจะไม่มีฐานะคุณหนูตระกูลดังมาคอยค้ำจุนเฉกเช่นเดิม ทว่าสายเลือดตระกูลเจียงของนางกลับไหลเวียนอยู่ในร่างกาย หากไม่ถูกบีบให้จนตรอก ชีวิตในตอนนี้แม้จะถูกหยามหยันแต่ไม่เคยคิดจะต้องขายศักดิ์ศรีของตนเอง
แม้ว่าโลกนี้จะทอดทิ้งนาง ชีวิตเคยผันผ่านเดินก้าวข้ามชื่อเสียงเกียรติยศเงินทอง เคยผ่านวันคืนที่รุ่งเรืองและตกต่ำภายในเวลาเดียวกัน ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ หญิงสาวได้ลิ้มรสชาติของความทุกข์ทรมานและการสูญเสียที่มากมายเหลือเกิน จู่ๆ หยดน้ำตาสายหนึ่งพลันร่วงหล่นลงจากใบหน้างามราวกับคอยย้ำเตือนความจริงของโลกใบนี้
“นี่เจ้าหนุ่มน้อย บุรุษอกสามศอกมีใครบ้างหลั่งน้ำตาได้ง่ายดายเฉกเช่นสตรีแบบเจ้า!” เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดขึ้น ดูจากท่าทางการแต่งตัวและบุคลิกของเขาคล้ายว่าจะมีตำแหน่งอยู่บ้างในรังโจรแห่งนี้ ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่ยังคงเค้าโครงว่าเป็นคนเด็ดขาดทว่าก็ยังดูคล้ายกับจะเป็นคนใจดีอยู่สามส่วนเอ่ยขึ้น
เสียงของชายผู้นั้นเรียกสติให้เจียงหลีฟื้นสติจากอาการเหม่อลอย ดวงตาคู่งามภายใต้ใบหน้าราบเรียบของหน้ากากหนังมนุษย์พลันเบิกกว้าง เจียงหลีพยายามสงบสติอารมณ์ความหวาดระแวงรอบกายเงยหน้ามองชายวัยกลางคนเบื้องหน้าด้วยท่าทางระแวดระวัง
“ฮ่าๆ เจ้าหนู ข้าไม่ใช่ยักษ์ใช่มารเสียหน่อย ดูหน้าเจ้าสิจ้องเสียข้าขาดความมั่นใจในรูปโฉมของตัวเอง เจ้ารู้ไหมว่าสมัยตอนข้าหนุ่มๆ ฉายาของข้าคือคุณชายหน้าหยกเชียวนะ เฮ้อ! เอาเถอะๆ ข้าพูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ ข้าได้ข่าวว่าพวกเขาเก็บหนุ่มน้อยผู้หนึ่งได้จากหมู่บ้านหลิ่งเหอ ข้าก็เลยแอบมาดูสักหน่อย จุ๊ๆ ท่าทางไม่เลว แต่เสียอย่างเดียวผอมไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร พอดีตำแหน่งเด็กรับใช้ของข้ายังว่างอยู่ เจ้าหนุ่มน้อยเจ้าสนใจไหม?”
“…” คำพูดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาใบหน้าเรียบนิ่งของเจียงหลีถึงกับแข็งค้างงงเป็นไก่ตาแตก
คนผู้นี้เป็นใครกันแน่? อยู่ๆ ก็มาทึกทักเอาเองว่าจะรับตัวนางเป็นเด็กรับใช้ของเขา ตาลุงผู้นี้ท่าทางจะเสียสติไปแล้วกระมัง แต่เมื่อสายตาคมของเจียงหลีลอบกวาดสำรวจเขาอีกครั้ง ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้น คิวเรียวเลิกขึ้นคล้ายกำลังประมวลผลความคิดและตัดสินใจลึกๆ
“ท่านเป็นใคร?” เสียงทุ้มต่ำที่หญิงสาวพยายามกดให้คล้ายกับบุรุษเอ่ยถามขึ้น
“ฮ่าๆ ไม่เลวๆ แม้ว่าหน้าตาจะจืดชืดตัวก็ผอมกะหร่อง แต่แววตาที่เฉียบคมฉายแววเฉลียวฉลาดคู่นั้นข้าเห็นแล้วรู้สึกถูกชะตากับเจ้าเป็นพิเศษ ไม่เลวๆ” เฟยอวี่ นายท่านใหญ่ที่มีศักดิ์เป็นอาของเฟยหลิง ผู้ที่มีฉายาว่าเป็นนายท่านใหญ่ผู้ว่างงานแห่งค่ายหลอมจันทร์แห่งนี้ ใบหน้าที่ยังคงเค้าความหล่อเหลาเมื่อช่วงวัยหนุ่มเผยรอยยิ้มราวกับคนเสียสติ หากแต่ความจริงกลับซ่อนไว้ด้วยแผนการมากมายนัก
“…” เจียงหลีหมดคำจะกล่าว ท่าทางท่านลุงผู้นี้จะเป็นคนสติไม่สมประกอบเป็นแน่กระมัง ถามอย่างตอบอีกอย่าง เมื่อครู่นี้นางตัดสินใจติดตามคนผู้นี้จริงๆ นะหรือ? หญิงสาวเองในตอนนี้ก็เริ่มจะรู้สึกลังเลในความคิดของตัวเองอยู่บ้างแล้ว
คล้ายจะอ่านสีหน้าของเจียงหลีออก เฟยอวี่กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าเด็กน้อย ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ มาๆ ตามข้ามา วันนี้ค่ายหลอมจันทร์ของพวกเรามีงานเลี้ยงฉลอง ในฐานะคนใช้ของข้าเจ้าต้องอยู่คอยปรนนิบัติข้าเข้าใจหรือไม่?”
“ขอรับ” เจียงหลีก้มหน้านิ่งอย่างงงๆ ดูจากรูปการณ์แล้วการอยู่ปรนนิบัติคนบ้าก็คงน่าจะดีกว่าอยู่ในกรงเลี้ยงม้าเป็นไหนๆ ดูแล้วท่าทางท่านลุงผู้นี้น่าจะมีตำแหน่งอยู่ในรังโจรแห่งนี้ไม่มากก็น้อย
“ถ้าอย่างงั้นก็ไปกันเถอะ” ร่างในอาภรณ์สีเลืองทองสะบัดแขนเดินออกจากคอกม้าอย่างง่ายดาย แม้แต่เหล่าม้าพยศยังต้องรีบหลีกทางเขาราวกับหวาดกลัว
ร่างบอบบางนิ่งอึ้งงุนงง ไยม้าพวกนั้นถึงได้มีอาการหวาดกลัวท่านลุงผู้นั้น
“รีบตามมาอย่ามัวชัดช้า!” ราวกับมีตาหลังเฟยอวี่พูดขึ้นขณะเดินก้าวผ่านประตูคอกม้า
“ขอรับๆ”