วันต่อมา...
Benny Condo
ร่างสวยหุ่นนางแบบที่เพิ่งเลิกงานมา เดินก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ตรงไปที่ลิฟต์โดยไม่สนใจมองหน้ามองหลัง กระทั่งชนเข้ากับแผงอกแกร่งของคนที่ยืนรอ
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นขณะเงยหน้ามองคนที่เธอชน ก่อนจะก้มหัวให้เขาเพื่อจะเดินเบี่ยงไปอีกทาง แต่ชายผู้นั้นก็ยังเขยิบขวางทางเธอ ลูเซียน่าจึงเบี่ยงซ้ายเขาก็ขยับขวางด้านซ้าย
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ขอทางฉันด้วยค่ะ” เอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจ ชายหนุ่มผู้สูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ยกยิ้มมุมปาก มองสำรวจสีหน้าแววตาทรงผมเธอผ่านแว่นตาเลนส์สีชา วันนั้นเธอเมาว่าสวยแล้ว แต่วันนี้กลับสวยยิ่งกว่าเมื่อดูมีสติ
“ลืมผัวคนแรก?”
“โรคจิตรึไง อยู่ ๆ มาถามคนอื่นแบบนี้” เธอหันหน้าไปบ่นอุบอิบกับตัวเองเบา ๆ
“ฉันได้ยิน” ขยับแว่นเล็กน้อยขณะพูด
“ฉันยังไม่มีผัว คุณจำผิดคนแล้วค่ะ หลีกทางด้วยค่ะ” เธอพูดเสียงห้วนพร้อมกับรีบก้าวเดินตรงไปที่ลิฟต์ด้วยความหวาดระแวง นึกว่าตนกำลังโดนโรคจิตตามคุกคาม ทันใดนั้นบอดีการ์ดทั้งสองก็เดินเข้ามาขวางหน้าเอาไว้
“เชิญคุยกับนายก่อนครับ”
“นี่ พะ พวกคุณ” ลูเซียนาอ้าปากค้างเมื่อเห็นบอดีการ์ดทั้งสองที่เธอพยายามหนีจากเมื่อวาน
“พวกคุณต้องการอะไรจากฉัน ฉันบอกว่าไม่สนใจไง” ทั้งสองยื่นมือขวางประตูลิฟต์ ไม่ตอบคำถามใด ๆ จนคนเป็นนายเดินเข้ามา
“ไปอยู่กับฉัน” น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้น
“คุณคือ...”
“นายผมครับ คนที่คุณบอกว่าแก่” อัลโดพูดขึ้น
“…”
เธอแหงนหน้าลอบสำรวจใบหน้าของเขาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลง หลบสายตาคมเข้มที่มองเธอทะลุผ่านเลนส์แว่น
“ฉันไม่สน”
“เธอได้ฉันแล้ว จะทิ้งอย่างงั้นเหรอ” น้ำเสียงเรียบเอ่ยถามขึ้นอย่างจริงจัง ไม่มีท่าทีล้อเล่นแต่อย่างใด
ลูเซียน่ากัดปากเบา ๆ อย่างใช้ความคิด ก่อนจะนึกถึงชายที่เธอสูญเสียพรมจรรย์ให้ ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าเขาคือผู้ชายในคืนนั้น
“ดะ ได้อะไร บ้าหรอคุณ พูดอะไรของคุณฉันไม่เห็นรู้เรื่อง” เถียงน้ำเสียงใส ไม่กล้าแหงนขึ้นสบตาเขา มือบางกำสายกระเป๋าแน่นด้วยความรู้สึกประหม่า
“หึ จำได้แล้วสินะ” เมื่อเห็นท่าทางละล่ำละลักของอีกฝ่ายเขาก็เดาออกได้ในทันที
“จะ จำอะไร ฉันไม่รู้จักคุณจริง ๆ ค่ะ ขะ ขอตัวก่อนนะคะ” รีบปฏิเสธน้ำเสียงตะกุกตะกักก่อนจะเดินเบี่ยงไปตรงบันไดหนีไฟเพื่อจะวิ่งหนี แต่บอดีการ์ดทั้งสองก็ราวกับอ่านความคิดเธอได้
“นี่! พวกคุณ ปล่อยฉันนะ นี่! ฉันไม่ได้ขโมยอะไรของคุณมาเลยนะคะ”
“หรือคุณต้องการค่าตัววันนั้นใช่ไหม คุณจะเอาเท่าไหร่” เธอหันกลับมาถามมาเฟียหนุ่มในลุคนักธุรกิจด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หึ เท่าไหร่งั้นเหรอ” มาเฟียที่รวยรองจากกษัตริย์อย่างเขาน่ะหรอจะต้องการเงินจากเธอ
“ค่ะ คุณจะเอาเท่าไหร่ เพื่อแลกกับลืมเรื่องคืนนั้นแล้วปล่อยฉันไป ฉันไม่ได้ขโมยอะไรออกมาเลย คืนนั้นฉันเมาแล้วก็เอ่อ...เอ่อ ฉันเข้าห้องผิด”
“สรุปจำได้จริง ๆ สินะ”
“ฉันจำคืนนั้นได้ แต่จำคุณไม่ได้ สรุปคุณจะเอาเท่าไหร่ เพื่อแลกกับการปล่อยฉันไป”
“สิบล้าน”
“จะบ้าหรอ ได้แค่ครั้งเดียว”
“หกครั้ง” เขาเถียงกลับทันควัน
“นะ นี่คุณ” ลูเซียน่าตกใจอ้าปากค้างทันที พลันคิดขึ้นมาว่าทำไมสภาพเธอวันนั้นถึงดูไม่ได้ เพราะแบบนี้นี่เอง ไม่รู้ชายตรงหน้าไปตายอดตายอยากมาจากไหน เล่นเธอนอนโทรมไข้ขึ้นเป็นอาทิตย์จนไม่สามารถไปทำงานได้เลย
“ฉันไม่มีหรอก มีแค่สองพันจะเอาไหม”
มาเฟียหนุ่มถึงกับแค่นหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองมีค่าตัวแค่สองพัน เด็กที่เขาจ้างมาบริการแต่ละคน เขาจ่ายไม่ต่ำกว่าสองหมื่น
“ไม่มีเงิน ก็จ่ายเป็นตัว” เป็นครั้งแรกที่มาเฟียหนุ่มยืนพูดคุยกับผู้หญิงอย่างใจเย็น
“นี่คุณจะบ้าหรอ ฉันไม่ได้ขายตัวนะ”
“ก็ขายซะสิ” ‘ฉันล่ะอึ้งในคำพูดของเขาจนไม่รู้จะตอบกลับยังไงเลย’
“งั้นขอเวลาฉันคิดหน่อยแล้วกันค่ะ” แกล้งตอบปัดๆ ไป ดวงตากลมมองล่อกแล่ก ลุ้นว่าเขาจะยอมปล่อยเธอไปไหม
“ฉันให้เวลาเธอคิดสิบนาที”
“อะไร จะบ้าหรือไงคุณ” เมื่อหญิงสาวทำท่าเนียนจะปรี่ตัวเข้าลิฟต์ที่กำลังจะปิด มาเฟียหนุ่มก็พยักพเยิดหน้าให้ลูกน้องคนสนิทเข้าไปหิ้วปีกเธอไปที่รถทันที
เมื่อตกลงตรงนี้ไม่ได้ก็จับไปตกลงในถิ่นของเขา เพราะถ้าขืนชักช้า ศัตรูทางธุรกิจมาเห็นเข้า เขาอาจจะเหลือแต่วิญญาณกลับไปแน่
บรรยากาศในรถค่อนข้างเงียบ โดยหญิงสาวได้แต่นั่งชิดติดกับกระจกอย่างหวาดระแวง รถตู้หรูติดฟิล์มสีดำทึบขับมาประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงโรงแรมในเครือของมาเฟียหนุ่ม เขาเดินนำเข้าไปด้านในโรงแรมที่ตนร่วมถือหุ้นอยู่ห้าสิบเปอร์เซ็นพร้อมกับพนักงานต้อนรับที่รีบวิ่งมากดลิฟต์ให้
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง ลุยจิก็แตะบัตรดันประตูเข้าไป พร้อมกับผายมือให้ลูเซียน่าเดินเข้าไปด้านใน หลังจากนั้นสองลูกน้องคนสนิทก็ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มเป็นคนจัดการต่อเองหลังจากนี้
มาเฟียหนุ่มวางกระเป๋าสี่เหลี่ยมสีดำหรูลงบนโต๊ะแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์พร้อมกับหยิบวิสกี้และไวน์แดงออกมาอย่างละหนึ่งขวด ก่อนจะวางเครื่องดื่มทั้งสองลงบนโต๊ะ
“จะกินอะไร” เอ่ยถามคนที่นั่งตาขวางอยู่ที่โซฟา
“ไม่กินค่ะ รีบพูดธุระของคุณมาดีกว่า ฉันอยากกลับห้อง”
“เลือกมาหนึ่งอย่าง” ลูเซียน่าจิ้ปากอย่างหงุดหงิดที่ถูกบังคับ สุดท้ายเธอตัดสินใจเลือกเพื่อปัดความรำคาญใจ
หลังจากที่เขารินเครื่องดื่มให้เธอ สถานการณ์ก็ตกอยู่ในความเงียบ มาร์คัสเอาแต่นั่งจ้องคนตรงหน้าราวกับหาบางอย่างภายในเรือนร่างของเธอ จนหญิงสาวรู้สึกอึดอัดจึงเอ่ยถามเขาไปอีกครั้ง
“คุณต้องการอะไร”
“ตัวเธอ”
“จะบ้าหรือไงคุณ ฉันบอกว่าไม่ได้ขายไง”
“ฉันอายุสามสิบสี่ปี” เขาโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขาม เมื่อหญิงสาวเอาแต่พูดห้วน ๆ ด้วย
ลูเซียน่าลอบสังเกตใบหน้ามาเฟียหนุ่มอีกครั้งหลังจากที่เขาถอดแว่นและไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น ‘นี่ฉันหน้าแก่ หรือเขาหน้าเด็กกันนะ ฉันเสียซิงให้กับคนที่หล่อขนาดนี้เลยเหรอ’ ลูเซียน่าตบหน้าตัวเองเบา ๆ เธอยังลงลอบสำรวจใบหน้าของเขา ‘จมูกโด่ง ดวงตาสีโกโก้ ปากเรียว สีปากดูสุขภาพดี ต้องยอมรับว่าดีกว่าผู้หญิงบางคนอีกนะ ลูกพระเจ้าชัด ๆ แต่หล่อโรคจิตฉันก็ไม่เอาหรอก’ ลูเซียน่านั่งตำหนิเขาในใจเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร
กระทั่งมาเฟียหนุ่มลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าที่ถือมาด้วย แล้ววางลงตรงหน้าเธอ
“อะไรคะ”
“ค่าตัวเธอคืนนั้น”
“นี่! ฉันบอกว่าให้ลืมไปไง แล้วฉันก็ไม่ได้ขายตั...”
กริ้ก!! แต่พอชายหนุ่มกดปลดล็อกเปิดกระเป๋าออกเท่านั้นเสียงหญิงสาวก็เงียบลงพร้อมกับดวงตาที่เบิกโพลง
“นี่เป็นค่าตัวคืนนั้น” เขาผายมือให้เธอตรวจสอบเงินตรงหน้า แต่หญิงสาวก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องมันเพราะกลัวว่าจะโดนหลอก แล้วกลายเป็นหนี้หัวโตขึ้นมา เธอปัดกระเป๋าหันกลับไปหาเขา
“มันเป็นของเธอ ไม่เอาก็เอาไปแจกให้กับคนอื่นซะ” เธอเหลือบตาขึ้นสบตาเขาเล็กน้อย ขณะที่เขาปัดกระเป๋าหันกลับมาหาเธออีกครั้ง ดวงตากลมมองเงินและทองคำแท่งในกระเป๋าสลับกับใบหน้าหล่อของมาเฟียหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
“แล้วลองอ่านเอกสารนี่ดู” เมื่อเห็นเธอเงียบไปจึงพูดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมเลื่อนเอกสารสัญญาไปตรงหน้า เธอ
ลูเซียน่าหลุบตามองเล็กน้อยก่อนจะยกไวน์ขึ้นจิบ เธอไล่สายตาอ่านเอกสารสัญญาแบบผาด ๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ข้อตกลงของเขา
“ถ้าฉันต้องการเมื่อไร ต้องพร้อมทันที” เธอเหลือบตามองเขา มาร์คัสผายมือยังข้อต่อไป
“ต้องนอนแค่กับฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าฉันจับได้ ตายคู่....”
“ทำไม คุณเป็นมาเฟียรึไง” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาทราวกับเป็นเรื่องตลกสำหรับเธอ มาเฟียหนุ่มยกคิ้วสูงเพื่อให้เธออ่านข้อต่อไปโดยไม่ตอบคำถาม
“จะต้องไม่มีความรู้สึกเข้ามาข้องเกี่ยว” ไม่มีวันนั้นแน่นอน
“การแต่งตัวต้องพร้อมสำหรับเอาท์ดอร์ตลอดเวลา”
“โรคจิตไม่มีเปอร์เซ็นให้หักลบเลยสินะ” เขาเหลือบมองคนที่หลอกด่าเขาอย่างไม่ใส่ใจ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องเซ็นสัญญาฉบับนี้อยู่ดี
“ห้ามทำตัวเป็นเจ้าของ สำหรับฉันเธอคือคู่นอนเท่านั้น” ‘เป็นหมารึไงต้องมีเจ้าของ’ ลูเซียน่าอ่านไปก็เบะปากไปกับข้อตกลงในสัญญาที่ถูกยื่นมาให้
“ถ้าไปหาที่คอนโดมิเนียม ต้องเจอ”
“จะบ้าหรอ คนเขาก็มีการมีงานนะคะ ใครจะมานั่งรอคุณอยู่ที่คอนโดฯ ยี่สิบสี่ชั่วโมงกัน”
“สรุปว่าเธอตกลงรับข้อเสนอ”
“เปล่า ฉันแค่ค้านกับสัญญาที่มันมากไปของคุณ"
“ออกจากงานซะ”
“คุณจะบ้าหรือไง ฉันยังต้องกินต้องใช้”
“เดือนละหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์” ลูเซียน่าตาลุกวาวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินจำนวนเงิน เธอทำงานวิ่งหาลูกค้าปีหนึ่งยังได้ไม่ถึงครึ่งที่เขาเสนอเลย
“ระยะสัญญาสามปี” แต่พอได้ยินระยะเวลาของสัญญาที่ยาวนาน สมองเธอก็ปฏิเสธขึ้นมาทันที เพราะอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้เดือดร้อนหรือลำบากอะไร พ่อแม่เธอก็ไม่มีให้ส่งเสีย
“แค่สามเดือนยังเป็นไปไม่ได้เลยคุณ”
“มาเป็นผู้หญิงของฉันแล้วเธอจะสบาย”
“สบายแต่ต้องไปรีแพร์ ฉันไม่เอาด้วยหรอกค่ะ คุณไปติดป้ายประกาศหาคนอื่นเถอะ”
“สรุปไม่สนใจ?”
“ไม่ค่ะ” เธอตอบน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมเลื่อนเอกสารกลับไปตรงหน้าเขา
มาเฟียหนุ่มแกว่งแก้วเครื่องดื่มสีอำพันไปมา จ้องมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด
“ช่วยไปส่งฉันหน่อยค่ะ”
“กินไวน์หมดฉันจะไปส่ง” เสียงถอนหายใจดังออกมาอีกครั้ง เมื่อถูกสั่งเป็นครั้งที่สอง
ผ่านไปราว ๆ สามสิบนาที มาร์คัสก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลาก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์