เวลา 11:30 น.
มาเฟียหนุ่มตื่นขึ้นมาก็ควานมือคลำหาร่างหญิงสาวผู้เป็นคู่นอน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า บนที่นอนด้านข้างเย็นเยียบราวกับไม่มีคนนอนอยู่มาสักพัก
มาร์คัสผงกศีรษะขึ้นมามองก็ไม่พบกับร่างของคนตัวเล็ก เขารีบลุกขึ้นนั่ง ป้องมือนวดขมับตัวเองเพื่อให้สายตาปรับรับกับแสงแดดจ้าที่สาดส่องเข้ามา ก่อนจะเหลือบมองไปทางห้องน้ำ เพราะคิดว่าหญิงสาวอาจจะอยู่ในนั้น แต่ทุกอย่างกลับดูเงียบสนิทราวกับในห้องนั้นมีเพียงแค่เขา มาเฟียหนุ่มเดินไปผลักประตูห้องน้ำเปิดเข้าไปก็ไม่พบร่างเล็กแม้แต่เงา
“ชิท!!” เขาอุทานออกมา
“หายไปไหนวะ เงินก็ยังไม่ได้” มาเฟียหนุ่มเดินวนไปวนมาอย่างใช้ความคิด ค่าตัวเธอ เขาก็ยังไม่ได้จ่ายซึ่งมันผิดปรกติของผู้หญิงขายบริการ แถมข้อตกลงก็ยังไม่ได้ยื่นเสนอมาร์คัสรีบเดินตรงไปยังเสื้อผ้าตัวเองที่ถอดกองไว้ ก่อนจะล้วงหยิบมือถือราคาแพงพร้อมกับนาฬิกาแบรนด์แอปเปิลแหว่งที่เขาสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษในราคาสองหมื่นดอลลาร์ขึ้นมา นิ้วเรียวยาวรีบกดโทรออกหามือขวาคนสนิท
Calling…
(“ครับนาย”)
“ผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน”
(“คนไหนครับ”) น้ำเสียงงุนงงเอ่ยถามกลับ
“ก็คนที่มึงหามาให้กูไง” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
(“คนที่ผมหามาให้นาย เธอกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนี่ครับ”)
“กลับห่าอะไร กูเอายันเช้า”
(“ครับ?”) บอดีการ์ดหนุ่มขมวดคิ้วสับสนเมื่อได้ยินปลายสายพูดมาแบบนั้น
(“แต่เธอบอกผมว่า...นายล็อกประตู เธอเข้าไปไม่ได้จึงโทรมารายงานผม แล้วขอตัวกลับ ผมก็คิดว่านายไม่เอา เลยยอมให้เธอกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ”) บอดีการ์ดคนสนิทรีบอธิบายขึ้นมาอีกครั้งแล้วเหลือบตามองคู่หู
“เวรเอ๊ย แล้วกูเอากับใครวะ”
(“ผมไม่รู้ครับ”)
“กูไม่ได้ถาม”
(“ครับ”)
“มึงนี่เก่งเรื่องฆ่าคนอย่างเดียวจริง ๆ”
เมื่อปลายสายตอบมาเพียงแค่นั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดจนอดที่จะพูดถากถางออกไปไม่ได้
(“ครับ”)
“ครับเหี้ยอะไร ไปตามหาผู้หญิงที่นอนกับกูเมื่อคืนมา”
(“หาที่ไหนครับ”)
“ถ้ากูรู้กูจะโทรมาหามึงทำไม ไอ้เวรเอ๊ย” พูดจบมาเฟียหนุ่มก็กดตัดสายลูกน้องทิ้งด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“นายเอากับใครมาวะ”
เมื่อลุยจิวางสายคนเป็นนายไป อัลโดก็หันมาถาม
“กูก็เวียนเทียนอยู่กับมึง”
“ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่กับเรา แล้วนายได้ใครไปวะ” ใช่ทั้งสองเวียนเทียนกับหญิงที่หามาให้คนเป็นนาย เพราะสาวเจ้ามา แล้วอ้างว่าไม่อยากเสียเที่ยว สองหนุ่มก็เลยจัดให้สลับหมุนเวียนผัดกันกระทุ้งหน้ากระทุ้งหลัง จนบัดนี้ก็ยังคงหลับใหลอยู่ข้าง ๆ อัลโด
“ไม่รู้โว้ย ไปแยกช่วยกันตามหาก่อน” ลุยจิพูดพร้อมกับคว้าเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มมาใส่ ก่อนจะวางเงินปึกหนึ่งไว้บนปลายเตียง
ทั้งสองบอดีการ์ดหนุ่มตรงลงมายังแผนกต้อนรับของโรงแรมเพื่อที่จะขอดูกล้องวงจรปิดชั้นสิบห้า แต่พนักงานใหม่ที่เพิ่งมาทำงาน เธอไม่รู้จักทั้งสองจึงปฏิเสธออกไป ลุยจิจึงหยิบปืนออกมาวางเพื่อขู่ แค่หวังให้เธอกลัวเพียงเท่านั้นไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอ แต่หญิงสาวก็ยังยืนยันด้วยน้ำเสียงสั่นกลัวว่าเปิดให้ไม่ได้ มันเป็นกฎของทางโรงแรม
จนกระทั่งผู้จัดการโรงแรมเดินเข้ามา เมื่อเห็นสัญลักษณ์แก้งที่ข้อมือ เธอก็รีบบอกให้พนักงานก้มหัวขอโทษบอดีการ์ดทั้งสองทันที หลังจากนั้นผู้จัดการโรงแรมก็พาสองหนุ่มไปยังห้องด้านหลังเพื่อดูกล้องวงจรปิดตามที่ต้องการ
ภาพจอเล็กถูกกรอไปเรื่อย ๆ จนถึงตอนแปดโมงเช้า
“นายโดนเปิดซิงแล้วเหรอวะ”
“เดินขาโก่งขนาดนั้นแทงด้วยนิ้วมั้ง”
“ครั้งแรกของนาย นายก็เล่นหนักเลยหรอวะน่ะ”
“เดินสภาพนั้น มึงยังกล้าถาม”
ผู้จัดการโรงแรมอดที่จะรู้สึกเขินแทนหญิงสาวในวิดีโอไม่ได้ ถ้าไม่ใหญ่ก็คงจะเอาทั้งคืน สภาพลูกค้าถึงได้ยับเยินขนาดนั้น
“ซูมเข้าไปที่ใบหน้า แล้วกดบันทึก” สั่งน้ำเสียงเรียบ ผู้จัดการโรงแรมรีบคลิกเมาส์ซูมเข้าไปยังใบหน้าของหญิงในวิดีโอแล้วกดบันทึก ก่อนจะส่งเข้ามือถือชายหนุ่มชุดเทาเข้ม
เมื่อทั้งสองได้รูปของหญิงสาวที่นายต้องการ ก็รีบขึ้นไปรายงานกับเจ้านายทันที ทั้งสองยืนประสานมือไว้ลอบสังเกตบนเตียงนอนที่มีรอยเลือดสีแดงจาง ๆ ก่อนจะหันมองหน้ากันเล็กน้อย
“มองเหี้ยอะไรกัน” เขาถามขณะที่เดินไปหยิบผ้าห่มมาคลุมปิดร่องรอยบริสุทธิ์ที่เธอฝากทิ้งไว้ จากนั้นก็หยิบนาฬิกาเรือนหรูมาสวมใส่ข้อมือก่อนจะเดินนำทั้งสองออกไป
“เลือดนายเหรอวะ” อัลโดโน้มเข้าไปกระซิบถามคู่หู
“จิ๊” ลุยสิมองเพื่อนด้วยสีหน้ารำคาญ ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามเจ้านายไป
“หาประวัติเธอมาให้ได้ก่อนเย็นวันนี้ แล้วไปตามหาเธอให้เจอ”
“ครับนาย”
Rrrr Rrrr
ทันทีที่ประตูรถตู้คันหรูสีดำปิดสนิท เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น
“โทรมาทำเหี้ยอะไรไอ้เวร”
(“ฮ่า ๆๆ หงุดหงิดอะไรของมึง เมื่อคืนของไม่ถึงเหรอวะ”)
“ฟัค อย่าให้ถึงทีกูนะมึง”
(“แหมไอ้สัส กูแค่อยากเห็นมึงลองของจริงดูบ้าง เอาแต่ปากจะไปสนุกห่าอะไร”)
“เสือก”
(“แล้วสรุปเมื่อคืนดีไหมวะ”)
“มึงก็ลองเองสิไอ้เวร จะได้รู้”
(“ไม่อ่ะ กูชอบแบบมีสติ”)
“…”
(“นี่กูก็ว่าจะเอาไปทดลองกับไอ้มาร์โคดูอีกคน”)
(“เดี๋ยวกูเตรียมสั่งซื้อชุดดำไว้รอ”)
หลังจากได้ยินน้ำเสียงเรียบนิ่งพูดมาแบบนั้น ลูคัสก็ลั่นหัวเราะออกมาทันที ที่มาร์คัสพูดก็ไม่เกินความจริง เพราะเพื่อนคนนี้เอะอะฆ่าอย่างเดียว จะเพื่อนพ้อง น้องพี่ ใครทำให้หงุดหงิดคือฆ่าทิ้งหมด
(“แล้วนี่มึงอยู่ที่ไหน”)
“กำลังกลับเกาะ”
(“ว่าแต่ ครั้งแรกเป็นยังไงบ้างวะ เสียวเจี๊ยวเปล่าวะ”)
“ไอ้เวรแค่นี้แหละ”
มาร์คัสกดตัดสายเพื่อนทิ้ง สมองของเขาพลันคิดถึงเสียงครางกระเส่าของหญิงสาวคนเมื่อคืนขึ้นมา ร่างบางที่บิดเร้าอย่างเซ็กซี่ ใบหน้าเหยเกที่ดูราวกับทรมานตอนโดนเขากระแทก และสุดท้ายจูบรสหวานที่ยังตราตรึงจนไม่อาจลืมมันได้
มือหนายกขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเอง ก่อนที่สายตาจะมองไปประสานกับสายตาลูกน้องคนสนิทตรงกระจกมองหลัง มาเฟียหนุ่มรีบเอามือลง พร้อมกับกล่าวขึ้นน้ำเสียงเรียบ
“กลับไป ไปฝึกยิงปืนแปดชั่วโมงห้ามพัก”
“ค ครับ” อัลโดที่นั่งข้าง ๆ ร้องเสียงหลงก่อนจะหันมาหาคนเป็นนายด้วยสีหน้างง ๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรผิด
“กูบอกไอ้ลุยจิ” อัลโดถอนหายใจโล่งทันที
“ผมทำอะไรผิดครับนาย”
“มึงจ้องหน้ากูในกระจก”
“ผมขอลดเหลือสี่ชั่วโมงครับ”
“หรือมึงจะไม่เอาพักร้อน”
“ครับแปดชั่วโมงครับ” เมื่อรับคำสั่งลงโทษเรียบร้อย ลุยจิก็เหยียบเร่งเพิ่มความเร็วทันที โดยไม่กล้ามองกระจกหลังอีกจนกระทั่งรถขึ้นไปจอดบนเรือเพื่อมุ่งตรงกลับไปยังเกาะปาแลร์โม