อยู่ดีๆ เสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องก็ดังขึ้นรัวๆ ในเวลาเกือบๆ เที่ยงคืนที่ผมกำลังนอนเล่นเกมอยู่บนเตียง มันก็น่าสงสัยอยู่นั่นแหละแต่ผมก็ยังไม่คิดจะเอื้อมมือไปหยิบมัน จนมีเสียงโทรเข้านี่แหละ เลยต้องยอมปล่อยเกมไปรับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นเบอร์ของไอ้ซันเพื่อนผมเอง
“มึงโทรมาอะไรเวลานี้วะ เสียเวลากูเล่นเกม” ผมเปิดก่อนเลย
“ไอ้เชี่ยปลื้ม มึงมัวแต่เล่นเกม รู้ไหมตอนนี้แฮชแท็กมึงขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งแล้ว เพจต่างๆ ก็เล่นข่าว รูปลับคลิปลับมึงปลิวว่อนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไปทำอีท่าไหนให้หลุดวะ”
“อะไร” ผมถามอย่างงงๆ แต่ก็เริ่มเดาๆ ไว้แล้วว่าภาพกับคลิปลับที่ว่ามันน่าจะเป็นเรื่องอะไร
“ก็ภาพที่มึงกำลังมะกึ๊กๆ กับสาวไง” นั่นไง ปกติผมก็ไม่ใช่พวกชอบถ่ายรูปเก็บไว้ แต่มันมีเหตุการณ์หนึ่งแว่บเข้ามาในหัว
“บ้าน่า ภาพตัดต่อเปล่า กูไม่เคยถ่ายไว้” ผมพูดออกไปทั้งๆ ที่มั่นใจว่าเป็นภาพตอนนั้นชัวร์
“ตัดไม่ตัดมึงก็เข้าไปดูเองแล้วกัน”
ผมวางสายจากไอ้ซันแล้วเข้าทวิตเตอร์ดูแท็กตัวเอง ภาพที่เด้งเข้าตาทำให้ปวดหัวตุบๆ เหมือนกัน เป็นผมแน่ๆ ในสภาพเปลือยท่อนบน แบบไม่ได้ตัดต่อ มีคลิปเป็นภาพเคลื่อนไหวอีกราวๆ สิบวินาที
เลื่อนดูรูปและอ่านข้อความต่างๆ ที่ชาวเน็ตพูดถึงผมแล้วปวดหัวจี๊ดเหมือนกัน ผมลุกจากเตียงเปิดประตูห้องนอนตัวเองและเคาะประตูห้องนอนอีกห้อง ผมยืนรอความเคลื่อนไหวอยู่ครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเจ้าของห้องอยู่ในห้องไหม คอนโดผมมีสองห้องนอน อีกห้องผมยกให้เธอ จะมานอนตอนไหนก็มาเลย ซึ่งส่วนใหญ่เธอก็มานอนกับผมนี่แหละ แต่บางวันก็อาจกลับบ้านแม่หรือบ้านพ่อของเธอ
รู้สึกว่าจะรอนานเกินไปจึงลองเปิดประตู ห้องไม่ได้ล็อก แต่ไฟในห้องก็เปิดอยู่แล้วเห็นวิปครีมนั่งอยู่โซฟาตัวเดียวภายในห้องซึ่งอยู่ใกล้ๆ โต๊ะทำงาน เธอหันมามองผม มือยังถือสายโทรศัพท์ สายตาที่เย็นชาเป็นปกติดูเย็นยะเยือกกว่าเดิมอีก รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเลย
“ค่ะพี่ ยังไม่ได้คุยกับปลื้มเลยค่ะ” เธอวางสายแล้วก็กอดอกมองผมนิ่งๆ ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย แบบนี้น่าจะรู้เรื่องแล้วละ
“เพิ่งเห็นข่าวเหรอ”
“อืม นอนเล่นเกมตั้งแต่ทุ่มหนึ่ง ไอ้ซันโทรมาบอก”
“ฉันรับสายนักข่าวเป็นสิบๆ สายแล้ว” แม้น้ำเสียงจะเหมือนนิ่งๆ แต่ก็รู้ว่าคงอารมณ์ไม่ดีอยู่เหมือนกัน ผมทำหน้าหงอย เดินคอตกเข้าไปนั่งเบียดเธอบนโซฟา
“ทำยังไงดีวิป เครียดอะ” แกล้งๆ เอามือไปกอดเอว เอาหัวซุกไหล่ให้ดูน่าสงสาร ได้ยินเสียงเธอถอนหายใจ
“อย่ามาแสดง” แน่นอนว่าวิปครีมย่อมรู้ทันผมอยู่แล้ว วิปครีมเป็นผู้จัดการส่วนตัวผม น่าจะหกเจ็ดปีแล้วตั้งแต่ผมเข้าวงการบันเทิงมา แต่ถ้าให้นับตั้งแต่เป็นเพื่อนกันก็ตั้งแต่อนุบาล มีแค่ช่วงมอปลายที่เรียนคนละโรงเรียน แล้วก็กลับมาเจอกันอีกตอนเรียนมหาวิทยาลัยเอกเดียว
เราสองคนอยู่ในแวดวงบันเทิงมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อกับแม่ผมเป็นดาราและตอนนี้พ่อผมก็เป็นผู้จัดละคร ส่วนพ่อกับแม่วิปครีมก็ทำงานเบื้องหลัง แม่เธอเป็นผู้จัดการดารา ส่วนคุณพ่อเมื่อก่อนก็เป็นช่างภาพมือต้นๆ ของวงการ และมีธุรกิจในวงการหลายอย่าง
ผมเริ่มทำงานในงานการตั้งแต่มัธยม มีถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา หรือเล่นหนังบ้าง แต่มาคิดว่าจะอยากทำงานในวงการนี้จริงจังตอนเรียนปีสามปีสี่ มีคุณอาน้องสาวของพ่อช่วยดูแลกับวิปครีมที่คลุกคลีกับงานเบื้องหลังตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วยงานพ่อกับแม่เธอ และหลังจากเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาในระดับหนึ่ง คุณอาผมก็ให้วิปครีมดูแลผมเต็มตัว
“แกเคยหลอกแฟนคลับมานอนด้วยเหรอปลื้ม” วิปครีมถามขณะที่สายตาไล่อ่านข่าวผมในมือถือ
“เฮ้ย ไม่เคย” ถึงผมจะชอบนอนกับผู้หญิงแต่ไม่ทำนิสัยแบบนั้นกับแฟนคลับแน่นอน พอวิปครีมถามผมก็ไล่อ่านเรื่องตัวเองอีกครั้ง
“ดูเหมือนภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์สร้างไว้ดิบดีจะไม่เหลือแล้วนะ” วิปครีมประชดผม ด้วยอาการที่เธอก็ไม่ได้ดูเครียดมาก มันก็ไม่ถึงกับสร้างภาพอะไรหรอก เรื่องผู้หญิงผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการแล้ว เพียงแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอามาป่าวประกาศ...ส่วนอื่นๆ ผมก็ว่าตัวเองนิสัยดีอยู่นา ไม่ได้สร้างภาพอะไร
ข่าวที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ถึงกับทำให้เครียดมาก แน่นอนว่าถ้ามันเกิดในยุคก่อนหน้านี้อนาคตในวงการผมอาจดับได้ แต่ทุกวันนี้แม้มันจะมีสื่อให้คนได้วิจารณ์กันสนุกปากแต่มันก็ทำให้คนเกิดการถกเถียง มีช่องทางให้เราได้อธิบาย และคนเข้าใจเรื่องส่วนตัวของมากขึ้น
อีกอย่างผมในวัยยี่สิบเจ็ดก็ผ่านจุดที่พีกที่สุดในวงการมาแล้ว มันก็ลอยตัวประมาณหนึ่ง ผมคิดว่าการที่ผู้ชายไปนอนกับผู้หญิงคงไม่ใช่เรื่องที่คนจะมาสาปส่งผมขนาดนั้น แม้ในแท็กจะด่าหรือเมกฟันกับเรื่องของผมเป็นส่วนใหญ่ แต่คิดว่ามันสามารถเคลียร์ได้
จบกัน สามีแห่งชาติของฉัน ก็ว่าอยู่ทำไมไม่เคยมีแฟนสายกินเงียบนี่เอง
โอ๊ย ปลื้มสหรัฐเหรอ เขาก็แบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เราเองแหละไปอินกับภาพผู้ชายอบอุ่นน่ารักๆ ของเขา ฟาดเรียบจ้ะ
มันก็ปกติป่ะ พวกแกเก็บเวอร์จิ้นไว้ชิงโชคหรือไง
ปลื้มสหรัฐนี่ใครๆ ก็ได้เขามาแล้วทั้งนั้นแหละ ปล. ฟังคนอื่นบอกมาแต่นี่ยังไม่ได้นะ อยากได้สักครั้งจะเป็นบุญชีวิตมาก แก เสียงในคลิปเซ็กซี่มาก
“อันนี้ใจร้ายมากเลย ที่บอกว่าใครๆ ก็ได้ฉันเนี่ย” ผมหันไปทำหน้าตาน่าสงสารใส่วิปครีม ถามว่าเธอสนไหมก็ไม่นั่นแหละ ไม่แม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมามองด้วยซ้ำ แต่อันนี้พูดเวอร์ไปหรือเปล่า ขนาดคนที่อยากให้ได้เขายังไม่ยอมเอาผมเลย
ก็ไม่ได้อะไรนะถ้ากับแค่ไปนอนกับผู้หญิงน่ะ เรื่องธรรมดามาก แต่เห็นบอกว่าแอบหลอกฟันแฟนคลับอันนี้ไม่ไหว
ประเด็นนี้แหละที่น่าเครียดหน่อย
“แกมีงานอีเวนต์มะรืน จะให้นักข่าวสัมภาษณ์เรื่องนี้ไหม”
“ก็สัมเลย”
“เอาไว้สัมทีเดียว ไม่ต้องโพสต์อธิบายอะไร”
“อืม” ช่วงนี้ผมไม่มีถ่ายละครก็เลยว่างๆ หน่อย ปีสองปีมานี้ผมรับงานแค่ปีละเรื่องสองเรื่อง แต่ยังมีอีเวนต์ พรีเซนเตอร์ และงานอื่นๆ เข้าตลอด
“ให้ตอบแบบไหนอะ”
“ก็ตอบแบบที่แกคิดนั่นแหละ แล้วก็อย่าลืมประเด็นหลอกแฟนคลับ” วิปครีมค่อนข้างจะเชื่อใจผมเวลามีข่าวอะไร เธอไม่เคยเขียนสคริปต์ให้ ซึ่งที่ผ่านๆ มามันก็ไม่เคยมีข่าวอะไรเสียหาย ก็ตอบไปตามสิ่งที่ผมคิดและสิ่งที่ผมเป็น แต่ถ้าเรื่องไหนซีเรียสหน่อยเธอก็อาจจะย้ำบ้างว่าควรตอบหรือไม่ตอบอะไร
นอกจากด่ากับแซวผมแล้วก็ยังมีแฟนคลับคู่จิ้นอีกกลุ่มที่ดูจะผิดหวังเยอะหน่อย ผมเคยเล่นละครกับน้องสองเรื่อง และไม่ได้ร่วมงานกันมาสองปีแล้ว เจอกันแค่งานอีเวนต์หรือพรีเซนเตอร์และงานช่อง แต่กลุ่มแฟนคลับบ้านคู่ก็ยังเหนียวแน่น แม้ผมจะไม่ได้ทำคอนเทนต์ขายจิ้นอะไรก็ตาม
“น่าจะถูกถามเรื่องน้องดรีมด้วยนะ เนี่ยงานคู่ที่รับไว้ลูกค้าจะเอาไหมไม่รู้” วิปครีมทำเป็นพูดตึงๆ ใส่ผม ได้แต่ทำหน้าสำนึกผิด
“คิดยังไงถ่ายรูปเก็บไว้” หลังจากที่ก้มตอบข้อความต่างๆ ในมือถือมาได้สักพักวิปครีมก็เงยหน้ามาซักฟอกผม
“ไม่ได้ถ่าย เขาแอบถ่าย”
“แอบยังไงถ่ายใกล้ขนาดนั้น”
“ก็เมา มึนๆ”
“จำได้ไหมว่าใครเป็นคนถ่าย”
“อืม จำได้แหละ เพราะมีคนเดียวที่ทำแบบนั้น”
“แล้วแกทำยังไงตอนเห็นเขาถ่าย”
“ก็...หยุด บอกให้เขาลบ แล้วฉันก็ใส่เสื้อผ้าออกมาจากห้องเลย” จำได้ว่าโมโหมากจนเกือบสร่างเมา แล้วก็หนีกลับคอนโดเลย ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ คืนนั้นผมไปปาร์ตี้กับเพื่อนปกติ นัดสาวที่คุยๆ อยู่ตามไปทีหลัง พอเริ่มกรึ่มๆ ก็ไปต่อกันที่ห้องวีไอพีของผับ ผมเมามากตอนนั้น แต่พอเห็นว่าถูกถ่ายก็ถอยเหมือนกัน
“ต่อไปแกควรจะรู้ว่าไม่ควรหิ้วสาวขึ้นห้องตอนเมามาก”
“อืม ถ้าไม่ได้ดื่มสักหน่อยมันก็ไม่มีอารมณ์ไง มันต้องบิ้วท์นิดหนึ่ง” ผมเถียงอย่างลืมตัว พอเห็นสายตาที่ปาดมองมาอย่างระอาก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ
“อย่ามองฉันแบบนั้นสิวิป เออๆ ต่อไปจะไม่ให้มีเรื่องผู้หญิงอีกแล้ว” ซึ่งวิปครีมก็ทำหน้าแบบไม่เชื่อผมหรอก
“จริงๆ นะ เจอแบบนี้ฉันก็ขยาดเหมือนกัน ไม่กล้าไว้ใจผู้หญิงคนไหนแล้ว...ไว้ใจแกคนเดียว” ผมยิ้มประจบ วิปครีมส่ายหน้าระอาแบบรู้ทันว่าผมกำลังอ้อล้อเธออยู่ ซึ่งผมก็หยอดเป็นประจำ ตั้งแต่เธอมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ก็สนิทกันมากขึ้น แบบมากๆ เลยละ กล้าเล่นกล้าหยอก แล้วก็กล้า...
“แกกลับห้องเถอะ จะนอน” แต่พอโดนไล่ก็คิดว่าไม่กล้าดีกว่า วิปครีมอารมณ์ไม่ดี เห็นนิ่งๆ แบบนั้นแต่คงเคืองผมอยู่มากทีเดียว
ปกติวิปครีมจะไปงานกับผมตลอด ซึ่งแม้เธอจะเป็นคนเงียบๆ แต่ก็เข้ากับทีมงานหรือลูกค้าได้ดี เป็นผู้จัดการดาราที่ไม่เยอะสิ่ง ทำตัวเงียบๆ ไม่ออกสื่อ และยังสามารถช่วยงานเบื้องหลังได้ด้วย บางงานเธอก็ช่วยแต่งหน้าให้ดาราคนอื่น
“เอ่อ พี่วิปครีมพี่ปลื้ม ถ้านักข่าวจะขอสัมภาษณ์เรื่องที่กำลังเป็นกระแสอยู่พี่ๆ สะดวกกันไหมคะ” ทีมงานเข้ามาถามผมสองคนในห้องแต่งตัวขณะที่วิปครีมกำลังแต่งหน้าให้ผมอยู่
“ครับ สัมภาษณ์ได้ เตรียมตัวมาตอบแล้วนี่” ผมพยายามพูดติดตลกให้ผ่อนคลาย
“โอเคค่ะ อีกยี่สิบนาทีงานเริ่มนะคะ”
เป็นงานเปิดตัวน้ำหอมแบรนด์หนึ่ง ผมไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์แต่มาร่วมงานเปิดตัว เดินแบบ ถ่ายรูป ซึ่งหลังจากเสร็จในส่วนของงานนักข่าวก็รอสัมภาษณ์อยู่ เขาขอคิวผมเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งการสัมภาษณ์ก็ตามสเต็ปทั่วๆ ไป คือถามถึงงานวันนี้ก่อน แล้วแน่นอนว่าสุดท้ายก็ต้องจบที่ประเด็นที่เชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากรู้มากในเวลานี้
“น้องปลื้มเห็นข่าวตัวเองวันสองวันก่อนแล้วเนอะ ติดเทรนด์มาสองสามวันแล้วตอนนี้ก็ยังอยู่”
“ครับ คิดว่าสัมภาษณ์วันนี้ก็น่าจะขึ้นอันดับหนึ่งอีก” ผมพยายามตอบให้ผ่อนคลาย นักข่าวก็มีเสียงแซวบ้าง แล้วก็เริ่มยิงคำถามกันรัวๆ
“มีอะไรอยากอธิบายไหมคะ ภาพหลุดมาได้ยังไง ตัดต่อหรือเปล่า”
“ไม่ตัดต่อหรอกครับ ผมนั่นแหละ” พอผมตอบแบบทันควันนักข่าวก็แกล้งทำเสียงฮือฮา
“เราแอบซุกแฟนไว้จริงๆ หรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ ไม่ใช่แฟน”
“เอ แบบนี้ที่เขาบอกว่าเราเจ้าชู้เงียบ แล้วเพิ่งเผยธาตุแท้นี่ใกล้เคียงไหมคะ”
“อืม ก็ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเจ้าชู้นะครับ คือมันก็เป็นสไตล์หรือรสนิยมที่ผมอาจจะไม่ได้อยากมีแฟน แต่เรื่องแบบนั้นมันก็น่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติ”
“จะบอกว่าธรรมชาติของผู้ชายที่ต้องมีสาวบ้างอะไรอย่างนั้น”