วิป...นอนด้วยหน่อย กอดด้วย

1917 Words
“ก็ไม่ใช่แค่ผู้ชายหรอกครับ ผู้หญิงเขาก็มีสิทธิ์ ถึงแม้ว่า โอเคผมรู้ว่าในสังคมเราถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาผู้หญิงจะเสียหายมากกว่า แต่ก็อยากให้เข้าใจว่าชายหญิงที่บรรลุนิติภาวะแล้วเขามีสิทธิ์ที่จะคบกับใครหรือมีความสัมพันธ์กันแบบไหนก็ได้โดยที่ไม่ควรถูกมองว่าใครผิดใครถูก ก็ยืนยันว่าไม่มีเรื่องของการหลอกให้สาวมารักอะไรแบบนั้น ผมก็ตรงไปตรงมานะ” ถึงแม้จะคิดว่ามันไม่น่าใจเรื่องยาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ยากเหมือนกันกับการที่จะต้องมาหาคำอธิบาย “แฟนคลับค่อนข้างตกใจเพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิง เรียกว่าปิดเงียบเลย มันเหมือนกับเราสร้างภาพหลอกแฟนคลับหรือเปล่าที่ทำให้มองภาพว่าเราเป็นสุภาพบุรุษ” “ก็...ผมไม่รู้ว่าพี่ๆ ตีความคำว่าสุภาพบุรุษแบบไหนนะครับ แต่ผมคิดว่ามันไม่เกี่ยวกัน ก็อย่างที่บอกว่าไม่ได้ไปหลอกใคร ก็ตกลงกันชัดเจนในความสัมพันธ์” “แต่เราก็ไม่เคยเล่าที่ไหนว่าชอบความสัมพันธ์แบบนี้ คนเลยคิดว่าเราโสดสนิทมาตลอด” “มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่อยากป่าวประกาศอะไรแบบนั้น” ผมพยายามพูดติดตลก ทั้งๆ ที่เริ่มเครียดแล้วเหมือนกัน “เครียดไหมคะกับข่าวที่เกิดขึ้น” “ประมาณหนึ่งนะครับ พี่ลองนึกภาพว่าถ้าผมเป็นฝ่ายถ่ายรูปแบล็คเมล์ฝ่ายหญิงนี่ผมโดนด่าเลวเลยนะครับ ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่ควรถูกทำแบบนี้ ผมไม่ได้ยินยอมให้เปิดเผย ทั้งตอนถ่ายรูปก็ไม่ได้ยินยอมให้ถ่ายด้วย” “เรารู้ตัวคนปล่อยไหมครับ” “รู้ตัวคนถ่ายครับ แต่ไม่รู้ว่ารูปหลุดจากไหน” “แต่เห็นในเพจที่ลงรูปครั้งแรกเขาบอกว่าฝ่ายหญิงส่งให้ บอกว่าเราหลอกเขา เขาเป็นแฟนคลับ” “ไม่เลยครับ ไม่มีการหลอกอะไร ถ้ามีจริงคงเห็นหลักฐานหลุดมาแล้วจริงไหมครับ กับแฟนคลับนี่ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ กับฝ่ายหญิงคือก็เจอกันตอนปาร์ตี้ทั่วๆ ไป คุยกันได้ประมาณหนึ่งเดือนก็เกิดเรื่องที่เขาถ่ายรูปโดยที่ผมไม่ได้ยินยอมนั่นแหละครับ” “จะบอกว่าระดับเราไม่จำเป็นต้องหลอกผู้หญิงมากิ๊กกั๊กด้วยหรอกใช่ไหมครับ” “ไม่หรอกพี่ ไม่เกี่ยวกับว่าผมเป็นใครหรือระดับไหน ไม่มีใครควรไปหลอกใครทั้งนั้น อยากคบใคร คบแบบไหนก็แค่บอกกับเขาตรงๆ แล้วก็ไม่มีใครควรถูกแฉกับเรื่องแบบนี้” “เราอยากฟ้องไหมคะ” “ก็ยังไม่คิดถึงเรื่องฟ้องนะครับ ก็ขอดูก่อน แต่ก็ไม่อยากให้มีการแชร์ภาพอะไรๆ ออกไปมากกว่านี้ ถ้าหยุดได้ก็หยุดเถอะนะครับ ต่อให้ผมเป็นผู้ชายแต่มันก็แพนิคเหมือนกัน” “แล้วเรื่องนี้มีผลประทบกับคู่จิ้นไหมคะ ได้คุยกับน้องดรีมหรือยัง” “ออ ยังไม่ได้คุยกันครับ ไม่ได้คุยกับน้องมานานแล้วครับตั้งแต่ถ่ายละครจบ มีแค่กดไลก์หรือแซวไอจีกันไปตามประสา แต่เดี๋ยวเดือนหน้าเรามีงานด้วยกันอีก อย่างที่ผมกับน้องก็บอกมาตลอดว่าเราสองคนเป็นแค่พี่น้องที่ดีต่อกันเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้มีปัญหาอะไรกันแน่นอน” “โอเคค่ะน้องปลื้ม แล้วตอนนี้เรามีผลงานอะไรให้แฟนๆ รอติดตามไหมคะ หายจากจอไปนานเลย” “ออ มีละครที่เพิ่งถ่ายจบไปรอออนแอร์ แล้วก็มีหนังหรือเปล่ากำลังดูบทอยู่” ผมหันไปถามวิปครีมที่ยืนอยู่ด้านหลัง ไม่ได้ต้องการให้เธอช่วยตอบอะไรหรอก แค่อยากหันไปเจอให้รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ ตอนแรกว่าไม่เครียดแต่เครียดมากเลยตอนนี้ ปวดหัวตุบๆ เหมือนกันที่ต้องมาหาคำอธิบายกับคำถามพวกนั้น “ตอนนี้เบลอๆ ครับ” ผมหันไปถามวิปครีมแล้วก็มาเล่นกับนักข่าวต่อ มีเสียงหัวเราะเกิดขึ้น “โอเคครับปลื้ม ขอบคุณมาก” “ขอบคุณพี่ๆ มากครับ” แล้วผมก็จูงแขนวิปครีมออกมาจากวงล้อมของนักข่าว พอออกมาด้านหน้าก็มีแฟนคลับสิบกว่าคนรอเจออยู่ “เหนื่อยไหมคะน้องปลื้ม” พี่แฟนคลับที่ติดตามกันมาตั้งแต่แรกๆ ทักทายและยื่นขนมให้ผม คนอื่นๆ ก็ให้ของฝากมาด้วย ผมกับวิปครีมช่วยกันถือไว้ “นิดหนึ่งครับ ขอบคุณทุกคนนะครับที่มาเจอ” “มาให้กำลังใจ ไม่เครียดเนอะ” “ตอนแรกไม่เครียด แต่เจอนักข่าวรัวคำถามก็เครียดนิดหน่อย” ผมตอบแฟนคลับอย่างอารมณ์ดี “วิปครีมอย่าให้ปลื้มเขาเครียดมากนะ” แล้วก็หันไปพูดเล่นกับ วิปครีมที่ก็สนิทกับแฟนคลับผมเหมือนกัน “ซื้อขนมมาฝากพี่ครีมด้วยนะคะ” “ขอบคุณมากค่ะ ยังไงเดี๋ยวขอตัวพาปลื้มกลับก่อนนะคะ ตอนนี้น่าจะอยากซัดพาราซักกระปุกแล้วนอนยาวหลับไปเลย” “แต่พี่ครีมน่าจะเอาสักสองกระปุก ถ้าดื้อมากๆ พี่ครีมตีได้เลยนะคะ” แฟนคลับผมกับวิปครีมเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย “ได้ค่ะ เดี๋ยวตีให้ ทุกคนถ่ายรูปกันอีกไหมคะ” “ถ่ายพอแล้วจ้ะ ขับรถดีๆ นะเด็กๆ” ผมไหว้และโบกมือลาแฟนคลับก่อนจะเดินออกจากโซนที่เขาให้แฟนคลับมารอเจอดาราไปที่โรงจอดรถ วิปครีมเป็นคนขับส่วนผมนั่งเบาะข้างๆ เธอ “ถึงกับเอามือก่ายหน้าผาก” เธอแซวผมโดยไม่ยอมหันมามองหน้า ผมถอนหายใจแรงๆ ให้เธอได้ยิน หันไปมองคนข้างๆ เธอก็ไม่มีทีท่าจะหันมาสนใจหรือพูดอะไรต่อ “ของีบแป๊บหนึ่งนะ” ผมบอกแล้วก็หลับตาลง ปกติถ้าทำงานเหนื่อยๆ ผมก็หลับบนรถแบบนี้แหละ วิปครีมเป็นคนขับรถให้ตลอด ผมไม่ได้หลับอย่างที่ตั้งใจ สมองมีเรื่องให้คิดตลอดเวลาจนถึงห้อง เราสองคนแยกย้ายเข้าห้องตัวเอง ผมรีบอาบน้ำให้สมองโล่งแต่ก็ไม่ได้ขึ้นนอนในทันที หยิบหมอนหนึ่งใบไปห้องวิปครีม “วิป นอนด้วยสิ นอนไม่หลับอะ เครียด” ห้องวิปครีมมีหมอนเผื่อผมแหละ แต่รู้สึกว่ากอดหมอนมาขอนอนด้วยแบบนี้มันดูน่ารักดี “ไม่ต้องมาสำออย” “วิป จริงๆ นะ” ผมส่งสายตาอ้อนๆ วิปครีมถอนหายใจ เธอไม่ไล่ผม อารมณ์แบบให้ผมตัดสินใจเอง ซึ่งผมก็เดินขึ้นไปนอนบนเตียงเลยเหมือนกัน ที่บอกว่าสนิทก็สนิทแบบนอนด้วยกันได้ ไม่ใช่นอนได้แบบไม่คิดอะไรนะ แค่ไม่เกิดอะไรเกินเลย...ยกเว้นว่าวิปครีมจะอนุญาต แล้วเรื่องที่ผมนอนไม่หลับก็ไม่ใช่ข้ออ้างลอยๆ มันเป็นปัญหาที่ติดตัวผมแบบรักษาไม่หาย ผมเลยชอบปาร์ตี้ หรือนัดผู้หญิงเพื่อให้เวลายามค่ำคืนผ่านพ้นไป บางครั้งก็ไปนอนอยู่กองเวลารอเข้าฉากบ้าง เพราะมันกลายเป็นง่วงตอนกลางวันแทน แล้วอีกวิธีหนึ่งก็หาคนมานอนเป็นเพื่อนนี่แหละ ไปนอนห้องเพื่อนบ้าง แต่ส่วนมากก็นอนกับวิปครีม...มันสบายใจและหลับง่ายกว่าวิธีอื่นเยอะเลย วิปครีมยอมเพราะเธอก็เห็นว่าผมเป็นแบบนั้นจริงๆ และเธอรู้ว่ามันมีปัญหากับการทำงานในวันรุ่งขึ้นและอาจสะสมไปเรื่อยๆ...วิปครีมดูแลผมดีมากๆ เลยนะ จัดการให้ได้ทุกเรื่อง และอีกส่วนอาจเพราะเธอรู้ต้นเหตุของมันเธอเลยสงสารผมก็ว่าได้ “ไปปิดไฟก่อนปลื้ม” พอเธอสั่งผมจึงลุกไปปิดไฟจนห้องมืดสนิทแล้วค่อยขึ้นมานอนบนเตียง ความจริงแล้วผมไม่ได้ชอบให้ไฟในห้องมืดสนิท แต่วิปครีมจะนอนไม่หลับถ้ามีแสงรบกวน ก็เลยต้องปิดไฟทุกดวง ส่วนผมก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเพราะได้นอนกับเธอ เรานอนกันคนละฝั่งของเตียง เว้นพื้นที่ไว้พอประมาณ กำลังชั่งใจว่าจะขอกอดดีไหม “วิป กอดด้วยสิ” ได้ยินคำตอบเป็นเสียงถอนหายใจก็ลองเลื่อนตัวลงไปซุกกอดเธอ วิปครีมไม่ผลักไส ผมก็หายใจโล่งๆ แล้วก็หลับตาลง “ตอนแรกไหนบอกชิล” พอเห็นว่านานพอสมควรแต่ผมยังไม่หลับวิปครีมก็ถามไถ่ “ก็น่าจะเพราะอ่านข่าวเยอะมั้ง อ่านจนฉันรู้สึกว่าตัวเองแย่ขนาดนั้นจริงๆ เหรอ แล้วตอนสัมภาษณ์มันอึดอัดมากเลย มันควรเป็นเรื่องที่ตอบได้ง่ายๆ แต่โคตรยากว่ะ ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ยิ่งอธิบายเหตุผลก็ยิ่งไม่มั่นใจเข้าเรื่อยๆ เพราะรู้ว่ายังไงก็จะมีคนไม่เข้าใจฉันอยู่ดี ก็จะยังมีคนคิดว่าฉันนิสัยไม่ดีอยู่ดี ทั้งๆ ที่มันเป็นก็เรื่องส่วนตัว” ผมอยู่วงการมานาน ผมรู้ดีนั่นแหละว่าเรื่องส่วนตัวของดารามันคือจุดขายอย่างหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ที่ผ่านๆ มาผมจะพยายามที่จะไม่ขายเรื่องส่วนตัว และก็รู้ดีว่าเวลามีดรามาต่อให้เราชี้แจงด้วยเหตุผลหรือหลักฐานชัดเจนแค่ไหน ความคิดคนก็เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้อยู่ดี แต่แม้จะรู้ก็ใช่ว่าจะรับมือกับมันได้ไปทุกอย่าง “ไม่คิดว่าวันหนึ่งภาพแบบนั้นของตัวเองจะปลิวว่อนในเน็ตและถูกคนวิจารณ์ไปทั่ว แล้วยังต้องไปอธิบายเรื่องในที่ลับให้คนอื่นฟังอีก” มันค่อนข้างจะเซนสิทีฟเลยแหละเอาจริงๆ ยิ่งผมเองก็ไม่ได้ชอบนำเสนอเรื่องส่วนตัวของตัวเองมาตั้งแต่แรก และกับเรื่องแบบนั้นด้วย “ไม่ต้องดูข่าวนี้อีกแล้วนะ ไม่ต้องตามฟี้ดแบ็กวันนี้ด้วย มีอะไรเดี๋ยวฉันบอกเอง” วิปครีมไม่ได้ปลอบอะไรผม แต่สิ่งที่เธอบอกมันทำให้รู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจได้เสมอ เธอเอามือมาจับผมผมเล่นเหมือนต้องการกล่อมนอน ก็เลยทำให้โล่งขึ้นมาบ้าง ผมหลับตาลงอีกครั้ง กอดเธอแน่นสักหนึ่งทีแล้วคลายออกเหมือนต้องการดูดพลังจากเธอ “วิปจะนอนแล้วนะ” ผมอ้อนเธอด้วย “อืม ก็นอน” เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มาหลายปีแล้วนะ มันไม่ใช่ผมไม่คิดอะไรกับเธอหรอก มันคิดมาตลอดเผื่อฟลุคตามนิสัยผู้ชายนั่นแหละ นานๆ ผมก็หยอดทีซึ่งแน่นอนว่าวิปครีมไม่เคยเซเยสสักครั้ง ซึ่งผมไม่ล้ำเส้นแน่ๆ เพราะผมเป็นคนดี ก็ใช่...และผมก็ไม่มีวันทำให้ความสัมพันธ์ของเรามันพังลงเพราะเรื่องแบบนั้นแน่นอน เดี๋ยวไม่มีให้กอดแล้วจะหายใจไม่ออกเอาได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD