บทที่ 4.1 - ตีสองหน้า (วางแผน)

1113 Words
“คุณแม่คะ คุณแม่!” เสียงแหลมสูงของบุตรสาวเรียกมารดาดังลั่นบ้าน ร่างอรชรวีนเหวี่ยงใส่บ่าวไพร่ทุกคนที่ขวางทางเจ้าหล่อน ความหงุดหงิดมากล้นจนไม่อาจดับกระหายลงได้ น้ำเสียงและคำด่าทอของนังกาฝากยังคงดังก้องอยู่ในหู มันชัดเจนจนเธอต้องกำหมัดแน่น “นังบุญ แม่ฉันอยู่ไหน” ถามความจากสาวใช้คนสนิท “คุณนายท่านคุยอยู่กับคุณกฤตที่ห้องรับแขกค่ะคุณหญิง” บุญมีตอบเสียงลนลาน ไม่ชอบเวลานายสาวเสียงดังอารมณ์ร้าย เพราะรู้ฤทธิ์เดชของเจ้าหล่อนดีนัก เธอยังเคยถูกตบหน้ามาแล้วเวลาไม่ได้ดั่งใจ ถ้าไม่ติดว่าประจบสอพอแล้วได้เงินได้ทองใช้สอยมากกว่าผู้อื่นล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าจะคอยรองมือรองตีนอย่างทุกวันนี้ “อะไรลูกหญิง เสียงดังเอะอะโวยวาย คุณปู่กำลังนอนอยู่เดี๋ยวท่านก็ตื่นกันพอดีลูก” เสียงของมารดาดังขึ้นพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาลูบศีรษะลูกรัก “คุณแม่ยังมัวแต่ห่วงคนอื่นอยู่อีกเหรอคะ!” บุตรสาวตะคอกเสียงขุ่น “อะไรกันลูก แม่งงไปหมดแล้ว” ภัคคิณีไม่เข้าใจ แต่ผู้เป็นแม่ก็ยิ้มสู้เพราะไม่อยากให้ลูกสาวสุดที่รักโมโหไปมากกว่านี้ “ก็ที่นังกาฝากมันด่าหญิง คุณแม่ยังนิ่งเฉยได้ยังไงคะ หญิงเกลียดมัน ชาติตระกูลมันก็ต่ำกว่าหญิง แต่กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับหญิง” คนพูดกำหมัดแน่น ความโกรธเกลียดแล่นพล่านดุจเพลิงร้อน ไม่อาจดับลงโดยง่าย มารดาถอนหายใจเฮือกใหญ่… “แม่ไม่มีวันอยู่เฉยๆ หรอกนะลูก” ภัคคิณีลูบศีรษะหญิงสาว “แม่เองก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกของแม่ได้อยู่สุขสบาย และอยู่เหนือกว่ามัน” แววตาผู้พูดทอประกาย รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบนริมฝีปาก “หญิงอยากแก้แค้นมัน อยากทำให้มันสำนึกว่าไม่ควรมาอวดดีกับหญิง!” มาริษาเอ่ย “แล้วหญิงจะทำยังไงลูก นังนั่นมันระวังตัวแจ อีกทั้งวันๆ ยังอยู่แต่ในครัวในสวน ไม่ค่อยได้เสนอหน้าออกมาให้เราเห็น” ภัคคิณีว่าไปตามความจริง เธอเองก็อยากจะหาวิธีบีบให้นังกาฝากออกไปให้พ้นๆ ทางใจแทบขาด “หญิงมีแผนค่ะคุณแม่ แต่คุณแม่ต้องช่วยหญิง!” “คุณพ่อคะ ภัคมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณพ่อค่ะ” หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จสิ้น ภัคคิณีก็รีบหาจังหวะพูดคุยกับประมุขของบ้าน ใบหน้าเหี่ยวย่นแปลกใจเล็กน้อย ปกติลูกสะใภ้ไม่เคยอยากจะเสวนากับตนเท่าไหร่นัก นอกจากขอเบิกค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่นั่นล่ะ… อย่าเรียกว่าค่าใช้จ่ายเลยจะดีกว่า ต้องเรียกว่าค่าช็อปปิ้งของแม่หลานสาวตัวดีถึงจะถูก “ว่ามาสิ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ย แม้จะแหบพร่าตามวัยแต่ทว่ากลับสุขุมนุ่มลึกจนผู้ฟังหวั่นสะท้าน ยามที่ต้องพูดคุยกับพ่อสามีตามลำพังภัคคิณีจะสำรวมเป็นพิเศษ “พรุ่งนี้ลูกหญิงได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม แกอยากชวนหนูนิดไปด้วย แต่คงจะไม่กล้าเลยให้ภัคมาขออนุญาตกับคุณพ่อค่ะ” “อะไรกัน จะชวนอีกคนแต่มาอนุญาตกับอีกคน มันไม่ประหลาดไปหน่อยหรือไง” ชายอาวุโสขมวดคิ้ว “แหม คุณพ่อคะ ทำยังกับไม่รู้นิสัยหลานสาวคนนี้เสียนี่ ยัยนิดเขาเป็นเด็กเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยอยากจะออกไปสมาคมที่ใดนัก วันๆ เอาแต่อยู่ในครัวหรือไม่ก็ในสวน ลำพังเพื่อนตัวเองชวนไปเดินห้างยังไม่ไปเลย ลูกหญิงก็คงกลัวว่าถ้าไปชวนด้วยตัวเองแล้วน้องจะปฏิเสธน่ะค่ะ” ภัคคิณีร่ายยาว “อ๋อ…” คนฟังพยักหน้า วินาทีแรกหวั่นใจพลางมองใบหน้าสวยจัดจ้านของลูกสะใภ้ ทั้งที่รู้ว่าสองแม่ลูกตั้งแหง่กับหลานสาวคนเล็ก แล้วทำไมวันนี้ถึงคิดอยากจะชวนไปไหนมาไหนด้วย “มองหน้าภัคแบบนี้คงไม่ไว้ใจกันสินะคะ” ภัคคิณีเอ่ยอย่างรู้ทัน “มันก็เป็นของธรรมดา ปกติเธอและยัยหญิงเอาแต่ก่นด่านิดทุกวี่วัน อยู่ๆ มานึกคิดพิศวาส ใครมั่งจะไม่สงสัย” ชายชราว่าไปตามความจริง “ก็เพราะแบบนี้ไงคะภัคถึงต้องมารบกวนให้คุณพ่อช่วยเป็นคนบอกกับยัยนิด เพราะภัคและลูกหญิงรู้ดีว่าถ้าไปชวนด้วยตัวเอง ยัยนิดคงไม่ไปแน่” ภัคคิณีได้ทีจึงแสร้งทำหน้าเศร้า “ภัคกับลูกก็แค่รู้สึกผิดที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอาแต่รังเกียจยัยนิด ทั้งๆ ที่เด็กคนนั้นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของธนาศินเหมือนกับเรา” ลูกสะใภ้เอ่ยเสียงเศร้า หล่อนพยายามแสดงออกทุกทางเพื่อให้พ่อสามีเห็นว่าเธอสำนึกแล้วจริงๆ “ถ้าคิดได้เช่นนั้นก็ดี เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยมันไปเสียบ้าง เก็บเอามาคิดมาชังให้ตกเป็นตะกอนใจกันซะเปล่าๆ” น้ำเสียงแหบพร่าสอนไปในตัว ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยท่าทีปลงตก “เดี๋ยวฉันจะบอกหลานให้แล้วกัน” ภัคคิณีดีใจเผยรอยยิ้มกว้าง ยกมือไหว้บุคคลตรงหน้า “ขอบพระคุณค่ะคุณพ่อ” หญิงวัยกลางคนพอใจในคำตอบยิ่งนัก พ่อสามีเธอผู้นี้แม้ภายนอกจะดูเฉลียวฉลาดและรู้เท่าทันทุกคนในบ้าน แต่ไฉนเลยกลับตกม้าตายด้วยมุขตื้นๆ ที่ลูกสาวสุดที่รักของเธอเป็นคนคิด หากรู้ว่าถูกหลานสาวตัวเองหลอกใช้ล่ะก็ คงทำหน้าไม่ถูกกระมัง ยิ่งคิดก็ยิ่งสะใจ “ได้ไหมคะคุณแม่” มาริษาที่รอคำตอบของมารดาอยู่ในห้องเอ่ยถาม มารดายิ้มกว้างแววตามีชัย “ระดับแม่มีหรือจะพลาด” น้ำเสียงโอ้อวดเต็มที “คุณแม่ของหญิงเก่งที่สุดเลยค่ะ” บุตรสาวโผเข้ากอดมารดาแน่น เรียกเสียงหัวเราะได้ดีจากอีกฝ่าย “เพื่อความสบายใจของลูกหญิง แม่ยินดีทำทุกอย่าง!” ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะทุยของลูกรัก “คุณนิดคะ ท่านให้มาเชิญคุณนิดขึ้นไปรับประทานอาหารบนตึกใหญ่ค่ะ” กระถินเรียนผู้เป็นนายให้ทราบ คนถูกเชิญขมวดคิ้วเรียวเป็นปม “ทำไมจู่ๆ คุณปู่ถึงให้ฉันขึ้นไปทานที่ตึกใหญ่ ก่อนหน้านั้นฉันก็คุยกับท่านแล้วว่าขอทานข้าวกับพวกพี่ๆ” เสียงหวานคล้ายจะรำพึงกับตนเองมากกว่า บรรดาสาวใช้มองหน้ากันอย่างงุนงง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD