บทที่ 4.2 - ตีสองหน้า (อิจฉา)

1109 Words
“ไปเถอะค่ะคุณนิด คุณท่านอาจมีเรื่องสำคัญต้องการคุยกับคุณนิดก็ได้นะคะ” น้อยเอ่ย กระถินเองก็เห็นด้วย “ใช่ค่ะคุณนิด ไปเถอะนะคะ ไม่แน่นะอาจจะคุยเรื่องยกสมบัติ” พูดจบเจ้าคนจอมยุ่งก็ถูกตีแขนไปหนึ่งที “โอ๊ย! อะไรกันจ้ะพี่แป๋ว ฉันก็แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง” “แกนี่นะนังกระถิน เห็นคุณนิดเธอเอ็นดูเข้าหน่อยก็ชักลามปามไปกันใหญ่ จะพูดจะจาอะไรให้มันรู้นายรู่บ่าวเสียบ้าง” คำติเตียนจากสาวใช้รุ่นพี่ที่อยู่มานานจนมากล้นด้วยประสบการณ์ “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่แป๋ว กระถินยังเด็กก็พูดไปตามประสา” ฐิติวรดาไม่ถือความ กระถินเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบเก้าปีเท่านั้น ความยากจนในชนบททำให้เจ้าตัวที่ความรู้ทางการศึกษาน้อยนิดต้องตรากตรำทำงานในเมืองใหญ่ หญิงสาวเองก็เคยพบพานความลำบากสมัยอยู่กับมารดาเพียงลำพัง ทำให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจเป็นพิเศษ อีกทั้งกระถินเป็นเด็กกตัญญู ทำให้ฐิติวรดายิ่งรักและเมตตา “เห็นไหม พี่น่ะจริงจังเกินไป คุณนิดเธอจิตใจดีไม่เหมือนพี่หรอก” ว่าแล้วก็ค้อนใส่คนเบื้องหน้า “นังกระถิน!” “เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะจ้ะ มื้อนี้พี่ๆ ทานกันได้เลยนะ ไม่ต้องรอฉัน” นายสาวหันไปบอกสาวใช้คนอื่นๆ หลังจากคล้อยหลังร่างบาง คู่ปรับตัวฉกาจก็ตั้งป้อมถกเถียงกันเป็นการใหญ่ “ฉันว่านะ คุณท่านต้องมีแผนอะไรอยู่แน่ๆ ถึงได้ให้คุณนิดขึ้นไปทานข้าวบนตึกใหญ่ ปกติไม่เคยเห็นบังคับ มาวันนี้กำชับนักกำชับหนาว่าต้องไปให้ได้ เห็นทีงานนี้คุณนิดของอีกระถินคงจะได้รับสมบัติมหาศาลเชียวละเว้ย!” “นังกระถิน นี่แกจะไม่จบเรื่องสมบัติใช่ไหม หืม” ไม่พูดเปล่า แป๋วหันไปหยิบสากกะเบือขึ้นมาชูด้วยท่าทีข่มขู่ ทำเอาคนมองกลืนน้ำลายลงคอ “แหมๆ พี่แป๋วก็ ฉันแค่คิดเล่นๆ เฉยๆ แล้วอีกอย่างนะ ถ้าคุณนิดเธอจะได้สมบัติจริงพี่ไม่ดีใจกับเธอเหรอ” กระถินย้อนถาม คนฟังลดมือลงพลางถอนหายใจ “ดีใจสิวะถามได้” กระถินและคนอื่นๆ ยิ้มร่า แต่ประโยคถัดมากลับต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน “แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ข้าเป็นห่วงคุณนิดเธอมากกว่า ลำพังทุกวันนี้ก็ตัวหลีบตัวแบนจะแย่แล้ว ถ้าได้สมบัติจากคุณท่านเข้าไปอีกเห็นทีคงถูกกลั่นแกล้งไม่จบไม่สิ้น!” แววตานั้นหนาเดือดดาลแทนผู้เป็นนาย ทุกคนมองหน้ากันอย่างรู้ว่าหัวหน้าแม่บ้านหมายถึงผู้ใด “อ้าว มาแล้วเหรอ” ชายชรายิ้มอ่อนโยนยามเห็นหลานสาวคนเล็ก มือใหญ่ผายมือไปที่เก้าอี้ว่างข้างมาริษา ฐิติวรดายืนนิ่งอย่างประหม่าไม่กล้านั่งเคียงข้างอีกฝ่าย ดวงตาคมเข้มจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของสาวเจ้า ชยกฤตค่อนข้างเป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่าย “นั่งลงสิ” เสียงของผู้มีพระคุณเอ่ย ร่างบางไม่อาจปฏิเสธได้จึงจำใจนั่งลงข้างๆ คนที่ตั้งแหง่กับเธอตลอดเวลา หากในวันนี้ทั้งสองกลับยิ้มแย้มเสมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ฐิติวรดาไม่ชอบบรรยกาศแบบนี้เลย สู้ให้สองแม่ลูกทำท่าทีรังเกียจเธอเหมือนเคยยังจะอึดอัดน้อยกว่า “น้องนิดทานนี่สิจ้ะ พะแนงไก่ร้านดังที่น้องชอบ พี่จำได้เลยให้คนขับรถไปซื้อมาให้” มาริษาจัดการตักเมนูโปรดให้กับอีกฝ่าย ฐิติวรดาทำหน้าไม่บอกบุญ แต่ก็พยายามฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท “ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานกล่าว ภาพตรงหน้าสร้างความสุขสมใจให้ประมุขของบ้านยิ่งนัก ในที่สุดเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง หลานสาวทั้งสองคนลงรอยซึ่งกันและกัน จะมีสุขใดเล่าเท่าคนในครอบครัวปรองดองหันหน้าเข้าหากัน “ทานของคาวเสร็จป้ามีของหวานคือทับทิมกรอบนะจ้ะ ได้ข่าวว่าหลานชอบ” ภัคคิณีเอ่ยอีกแรง สองแม่ลูกแลดูเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษจนเจ้าตัวสงสัย และไม่ใช่แค่เธอที่ระแวง ชยกฤตเองก็รู้สึกแปลกประหลาดเช่นกัน ทำไมจู่ๆ ถึงได้ดูรักใคร่เป็นพิเศษ “ขอบคุณค่ะคุณป้า” ฐิติวรดาส่งยิ้มบางเบา อาหารตรงหน้าระรานตาเหมือนทุกวันยามที่เธอจัดสำรับส่งขึ้นมาบนตึกใหญ่ เพียงแต่วันนี้อะไรๆ ก็ดูยิ่งใหญ่ไปเสียหมด ร่างบางนั่งตัวเกร็งไม่กล้าแม้จะขยับเขยื้อนร่างกายเท่าใดนัก แม้แต่ลมหายใจยังแทบขาดห้วง เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย ดวงตากลมโตคอยกวาดมองไปรอบๆ อย่างระวังตัว และเป็นช่วงจังหวะที่ชยกฤตเงยหน้าขึ้นพอดี ตาสองตาจึงได้สบมองกันโดยบังเอิญ ชายหนุ่มลอบยิ้มละไมส่งให้หญิงสาว ราวกับต้องการบอกเธอทางอ้อมว่าอย่ากลัว ‘นังหน้าด้าน! ขนาดนั่งอยู่ต่อหน้าฉันแท้ๆ แกยังกล้ามองพี่กฤต’ มาริษาที่ลอบมองทั้งคู่เจ็บแค้น หากต้องพยายามระงับอารมณ์เดือดดาลที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในใจ แล้วแทรกแซงด้วยรอยยิ้มหวานสยบทุกความเคลื่อนไหว “ทานเยอะๆ นะจ้ะน้องนิด ดูเสียเนี่ย ผอมแห้งแรงน้อยจนเหลือแต่กระดูแล้วนะเราน่ะ” คนพูดแสร้งทำติเตียนอย่างเอ็นดู “นั่นน่ะสิหลาน ปู่ก็ว่าเราซูบไปนะช่วงนี้” ผู้เป็นปู่เอ่ย “ช่วงนี้หนูทานอะไรไม่ค่อยลงน่ะค่ะ” หญิงสาวบอกกับชายชราที่นั่งประจำการอยู่ที่หัวโต๊ะ “ไม่ลงก็ต้องทานนะหลาน ปู่เป็นห่วงเรานะ” น้ำเสียงสั่นพร่าบอกกับเจ้าตัว ฐิติวรดาอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่รับรู้ว่ามีคนห่วงใย ฝ่ายมาริษาเองลอบกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะ แม้ใบหน้าสวยเฉี่ยวจะฝืนยิ้มจนปากแทบฉีกแต่ใครเล่าจะรู้ว่าหล่อนนั้นต้องกล้ำกลืนเพียงใด ทั้งชยกฤตและคุณปู่ต่างสนอกสนใจนังกาฝาก ยิ่งชายหนุ่มนั้นหนา พอเห็นมันขึ้นมาร่วมรับประทานอาหารบนตึกเข้าหน่อยก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คิดหรือว่าเธอไม่รู้ไม่เห็น น่าขันนัก! นังลูกผู้หญิงน่ารังเกียจมันมีอะไรดี ทำไมต้องให้ค่ากันขนาดนี้ด้วย เธอเสียอีกที่ควรได้รับความรู้สึกเหล่านั้น!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD