บรรยกาศภายในบ้านช่างครึกครื้นเป็นพิเศษ เมื่อวันนี้ประมุขของบ้านประกาศว่าหลานชายคนโตจะกลับมายังเมืองไทย ทุกคนต่างกุลีกุจรเก็บกวาดเช็ดถู แบ่งหน้าที่กันเป็นสัดเป็นส่วนไม่ให้เกิดความสับสนปนเป ทำอาหารคาวหวานบ้าง ตกแต่งสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยงอันใหญ่โตบ้าง ทุกสิ่งอย่างดูหรูอลังการเมื่อถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้
ฐิติวรดายืนมองความวุ่นวายตรงหน้าแล้วเผยรอยยิ้มบางเบา ตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เห็นทีจะเป็นคราแรกที่ทุกคนต่างวุ่นวายเดินขวักไขว่ แม้จะดูระเกะระกะไปบ้างเล็กน้อย หากมันก็ทำให้คฤหาสน์หลังงามนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากกว่าเก่า
“พี่แป๋วจ้ะ งานเลี้ยงนี้จัดต้อนรับใครหรือจ้ะ?”
หญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นนายเอ่ยถามสาวใช้คนสนิทที่มีวัยวุฒิมากกว่าตนอยู่หลายปี
“ต้อนรับคุณชยกฤตค่ะคุณนิด” สาวใช้ตอบด้วยรอยยิ้ม
“เขาเป็นใครหรือจ้ะพี่แป๋ว” เสียงหวานเอ่ยถามต่อ คนฟังยิ้มขบขันให้กับความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าหล่อน แม้จะเป็นนายแต่เธอก็ให้เกียรติบรรดาบ่างไพร่ทุกคน ไม่เลือกแบ่งสถานะให้ขุ่นเคืองใจเหมือนมาริษา รายนั้นไม่ได้เชียว ถือยศถืออย่างจนน่าปวดหัว อะไรมากระทบกระทั่งเป็นต้องโดนดี
“เป็นบุตรชายของคุณภัคคิณีค่ะ”
ฐิติวรดาอึ้งไป ใบหน้าสวยหวานขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย
“อ้าว คุณป้าท่านไม่ได้มีคุณหญิงเป็นลูกสาวคนเดียวหรือจ้ะ นิดเข้าใจมาตลอดว่าคุณหญิงเป็นลูกคนเดียว”
ฐิติวรดาว่าไปตามที่คิด
“คุณนิดเข้าใจไม่ผิดหรอกค่ะ คุณนายท่านมีคุณหญิงเป็นบุตรคนเดียวน่ะถูกแล้ว” สาวใช้ว่าแล้วยิ้มร่า รู้สึกสนุกที่ได้เห็นสีหน้าฉงนใจของนายสาว
“โอ๊ย พี่แป๋ว พี่ก็ไปแกล้งให้คุณนิดของฉันให้ปวดหัวไปได้ บอกคุณนิดไปสิว่าที่จริงแล้วคุณชยกฤตเป็นลูกเลี้ยงของคุณนายท่าน ก็แค่เนี้ย!”
“แหม นังกระถิน สาระแนนักนะหล่อน” แป๋วโยนลูกมะนาวใส่คนปากมากที่ทำแผนของเธอแตก
“ตกลงเขาเป็นลูกเลี้ยงของคุณป้าหรือ?” ฐิติวรดาเอ่ยถามต่อ รู้สึกสับสนไปหมดว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่
“ใช่ค่ะคุณนิด คุณกฤตเธอเป็นลูกชายของเพื่อนคุณนายท่าน แต่พ่อแม่เสียตั้งแต่เด็กคุณนายท่านเลยรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ส่งเสียให้เล่าเรียนจนจบมัธยมปลาย จนกระทั่งยอมมาอยู่คฤหาสน์หลังนี้”
“ก่อนหน้านั้นคุณกฤตอะไรนี่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรือจ้ะ?”
สาวเจ้าเกิดความสงสัยขึ้นมาอีก
“คุณนายท่านอยากให้มาอยู่ด้วยกันใจจะขาด แต่คุณกฤตเธอห่วงบ้านของพ่อแม่เลยปฏิเสธที่จะมา พอเรียนจบก็ทนเสียงรบเร้าของคุณนายท่านไม่ไหว เลยตัดสินใจปล่อยบ้านที่ตนอยู่มาตั้งแต่เกิดให้คนเช่าแล้วย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะบุตรบุญธรรมของคุณนาย อีกทั้งคุณท่านเองก็รักใคร่ถูกชะตาด้วยว่าฉลาดหลักแหลม ทั้งสองเข้ากันได้เป็นอย่างดีเสมือนลูกหลานโดยกำเนิด” แป๋วร่ายยาวถึงความเป็นมา สาวเจ้าเข้าใจอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น
“ความจริงคุณกฤตเข้ามาอยู่ที่นี่ก่อนหน้าคุณนิดแค่ปีเดียวเองนะคะ” กระถินเป็นฝ่ายชี้แจ้งแถลงไข ผู้เป็นนายมองสาวใช้ช่างพูดด้วยความอยากรู้อีกครา
“แต่ตอนที่นิดมาที่นี่กับคุณแม่ครั้งแรก นิดไม่เห็นคุณกฤตเลยนะกระถิน” เจ้านายสาวเอ่ย แววตานั้นฉงนหนักเข้าไปอีก
“มาอยู่ก่อนหน้าคุณนิดปีเดียวก็จริง แต่ว่าอยู่ได้แค่ห้าเดือนคุณนายท่านก็ส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศค่ะ”
กระถินเฉลย ใบหน้าสวยพยักอย่างเข้าใจ
“อ้อ… แล้วคุณกฤตนิสัยเป็นยังไงหรือคะ?” เสียงหวานถามต่อเนื่อง ทำเอากระถินและแป๋วถึงกับหลุดเสียงหัวเราะทันที “ขำอะไรกันคะเนี่ย” สาวเจ้าทำหน้ามุ่ย
“คุณนิดกลัวคุณกฤตเป็นเหมือนคุณหญิงและคุณนายหรือคะ” กระถินย้อนถามเสียงทะเล้น
“ก็…” ฐิติวรดาทำตัวไม่ถูกเมื่อคู่สนทนารู้เท่าทัน แต่มันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือถ้าเธอจะรู้เขารู้เราเพื่อเตรียมตัวและเตรียมใจ ลำพังอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปียังบาดหมางใจกับสองแม่ลูกทุกเชื่อวัน ใช่ว่าไม่รู้ว่าเขานั้นชังตนยิ่งกว่าสิ่งปฏิกูล เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเป็นที่น่ารังเกียจถึงปานนี้
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะคุณนิด คุณกฤตเธอเป็นคนดีมีเมตตา แม้จะดูสุขุมนุ่มลึกไปบ้าง แต่ก็ไม่ร้อนเป็นเปลวไฟเหมือนคุณทั้งสองหรอกค่ะ” แป๋วเอ่ยด้วยแววตาสงสาร
“ใช่ค่ะคุณนิด คุณกฤตเป็นคนดี และที่สำคัญ…” กระถินสาวใช้เว้นวรรคพลางบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย
“หล่อมากๆ ด้วยนะคะ” พูดจบเจ้าตัวก็กรีดร้องเสียงแผ่วด้วยกลัวจะเป็นที่ครหาของสาวใช้คนอื่น
ไม่สิ… ต้องบอกว่าเกรงคนปากมากอย่างพวกชอบประจบสอพลอเสียมากกว่า
“นังกระถินนี่น้า ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวเสียจริง”
แป๋วว่าพลางส่ายหน้าไม่ได้คิดอะไรจริงจังมากนัก
บทสนทนาถูกปิดฉากลงแต่เพียงเท่านี้ ฐิติวรดาจัดการแกะสลักผลไม้ลงบนถาดสีทองอย่างเป็นระเบียบ วันนี้เธอลงมือเข้าครัวครั้งใหญ่ตั้งแต่รุ่งสาง คุณภัคคิณีย้ำชัดว่าผู้ปรุงรสชาติอาหารต้องเป็นหล่อนเท่านั้น หญิงสาวเองก็ไม่คิดเกี่ยงงอนแต่อย่างใด เนื่องด้วยส่วนตัวนั้นก็ชื่นชอบการทำอาหารเป็นพิเศษอยู่แล้ว ดีเสียอีกมีนั่นนี่ให้ทำมากมายจะได้เป็นการฝึกปรือฝีมือให้พัฒนาขึ้นทุกเชื่อวัน ร่างบางไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำตกอยู่ภายใต้สายตาคู่หนึ่ง
“จริงเหรอนังบุญมี!”
เสียงแหลมสูงอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นเมื่อได้ฟังความจากคนรับใช้คนสนิท สองมือกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูนขึ้น ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นติดกันจนเป็นเส้นตรง บุญมีพอเห็นนายสาวมีท่าทีโกรธก็รีบเติมเชื้อไฟลงไปทันที