บทที่ 2.3 - งานเลี้ยงต้อนรับคนสำคัญ (หลงใหลความสวย) (จบตอน)

1201 Words
ดวงตาคมกริบสะดุดเข้ากับแจกันดอกไม้ ที่วางประดับอยู่บนโต๊ะแขกหลากหลายโต๊ะด้วยกัน ช่างงดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ อยากรู้เสียจริงว่าใครเป็นผู้จัด หรือภัคคิณีจ้างร้านไหนให้รับหน้าที่ส่วนนี้ งานละเอียดแม้แต่บุรุษเยี่ยงเขายังอดชื่นชมไม่ได้ เห็นทีแขกเหรื่อที่จะเดินทางมาร่วมต้อนรับเขาในวันงานก็คงชื่นชอบไม่แพ้กัน ร่างหนาล้มลงกับพื้นหญ้าเขียวขจีระหว่างเดินชมนกชมไม้บ้านเกิดเมืองนอน ใบหน้าสวยหวานเด่นหราอยู่เบื้องบนเหนือกายใหญ่ ดวงตาทั้งสองสบมองกันแน่นิ่งราวกับต้องมนต์สะกด “ขอโทษนะคะ ขอโทษค่ะ” เสียงหวานดุจเสียงระฆังแก้วเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มปัดเศษใบไม้แห้งที่เกาะตามเสื้อออกจากตัว “คุณเจ็บตรงไหนหรือไม่คะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ” ใบหน้าเล็กได้รูปรู้สึกผิด ริมฝีปากของเจ้าหล่อนอมชมพูน่าสัมผัส จมูกโด่งรั้นช่างเย้ายวนชวนมองนัก ผิวกายผุดผ่องเนียนลออ เอวเล็กคอดเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆ ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมสบายใจ ชยกฤตมองเธอด้วยสายตาหลงละเมอ… “คุณคะ คุณ…” ฐิติวรดาโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม เห็นเขานิ่งเงียบเอาแต่ยืนมองเธอแน่นิ่งใจหล่อนชักไม่สู้ดี “คุณคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ ไปหาหมอไหม?” ชยกฤตสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังล่องลอยอยู่บนกลางอากาศยามทอดมองใบหน้าหวาน ร่างสูงกระแอมไอเสียงเข้มแก้เก้อ “ไม่เป็นอะไรครับ ชนกันล้มแค่นี้ถ้าถึงกับต้องไปหาหมอเห็นทีคนไข้คงล้นโรงพยาบาล” วาจายียวนอันติดเป็นนิสัย คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย “ค่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หรือคะ” ฐิติวรดาเอ่ยถาม ดูจากลักษณะการแต่งกายแล้วคงไม่ใช่คนงานในบ้านเป็นแน่ บุรุษร่างสูงผิวสีน้ำตาลเข้มมาพร้อมกับใบหน้าคมคร้ามได้รูปกำลังดี จมูกโด่งเป็นสันช่างรับกับริมฝีปากหยักสวย ดวงตาคมวงรีนั้นทรงเสน่ห์น่าเข้าค้นหา กลิ่นกายหอมเจือจางไม่ฉุนจัดเปรียบเป็นแสงสีหลอกล่อให้แมงเม่าบินเข้าไปหยอกเย้าท่ามกลางกองไฟ องค์ประกอบโดยรวมผู้ชายคนนี้เข้าขั้นคำว่าหล่อเหลาเอาการได้อย่างง่ายดาย “ผมต่างหากที่ต้องถามว่าคุณเป็นใคร” เสียงเข้มถามต่อ รู้สึกถูกชะตาขึ้นมาแปลกๆ จะว่าด้วยใบหน้าสวยหวานดุจดั่งนางอัปสรก็เห็นจะใช่ แต่ทว่านั่นกลับไม่ใช่เหตุผลหลักซะทีเดียว รู้เพียงแต่หัวใจของเขามันเต้นแรงยามได้พูดคุย ได้ทอดมองเธออยู่ ณ ขณะนี้ “ฉันเป็นหลานสาวของคุณท่านค่ะ แล้วคุณล่ะคะเป็นใคร หรือต้องการมาพบใครเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” ฐิติวรดาเอียงคอถาม “เอาเวลาไปทำหน้าที่ของตัวเองจะดีกว่าไหม!” ยังไม่ทันได้รับคำตอบจากร่างสูงเสียงแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาทันที ฐิติวรดาโค้งศีรษะให้คนตรงหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวเดินเข้ามาใกล้ มือเรียวคล้องแขนชายหนุ่มปริศนาพลางยิ้มกว้าง “ตายจริงพี่กฤต มาก่อนกำหนดหนึ่งวันจะเซอร์ไพรส์คุณแม่หรือคะ” น้ำเสียงวางอำนาจไม่มีให้เห็น เหลือเพียงเสียงเล็กเจื้อยแจ้วของสาวสวยที่ใช้เอื้อนเอ่ยกับชายหนุ่มเท่านั้น หรือว่าผู้ชายคนนี้จะคือ ชยกฤต “ใช่ พี่ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์คุณป้ากับเรานี่แหละ แต่มาเจอกันแบบนี้คงแผนล่มหมดแล้วล่ะ” เสียงเข้มไม่จริงจังอะไรมากนัก มาริษาโตเป็นสาวเต็มวัยแล้ว… จากเด็กหญิงตัวน้อยในวันวานกลายเป็นสาวเปรี้ยวสุดมั่นที่เพียงมองก็ชวนให้เกิดความหลงใหล หากเขาไม่ได้รู้จักมักคุ้นมาตั้งแต่เยาว์วัยก็ไม่กล้าฟันธงว่าจะไม่หลงเสน่ห์ของสาวเจ้า “แค่พี่กฤตเดินขึ้นตึกใหญ่ให้คุณแม่เห็นท่านก็เซอร์ไพรส์แล้วค่ะ” น้องสาวบุญธรรมหัวเราะมีความสุข ก่อนที่รอยยิ้มเหล่านั้นจะหุบฉับพลันเมื่อหญิงสาวอีกคนเปล่งวาจา “ฉันขอตัวนะคะ” ฐิติวรดารู้สึกเป็นส่วนเกินระหว่างสองพี่น้อง ร่างบางตั้งท่าจะหมุนตัวเดินกลับ มือหนารีบคว้าแขนเรียวเอาไว้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวตกใจสะบัดออกทันควัน ท่าทีหวงเนื้อหวงตัวทำให้เขาพอใจอยู่ลึกๆ ผิดกับมาริษาที่มองแล้วชวนเบ้ปากเสียนี่ “ขอโทษครับ” ชยกฤตเอ่ยกับสาวเจ้า “คุณยังไม่ตอบผมเลยว่าคุณเป็นใคร?” ชายหนุ่มยังคงสงสัยไม่จาง คนตัวเล็กขยับกายถอยห่างจากร่างสูงเล็กน้อย “ฉันชื่อฐิติวรดาค่ะ ส่วนเป็นใครนั้นฉันบอกคุณไปแล้ว” เสียงหวานเอ่ยตามมารยาท ก่อนจะรีบสาวเท้าจากไปทันที ไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยสิ่งใดอีก “มันบอกพี่กฤตว่าเป็นใครคะ” มาริษาถามขึ้นหลังจากคนที่ชังน้ำหน้าลับสายตา ชยกฤตหูกระดิกกับคำว่า มัน ที่หลุดออกมาจากปากอิ่มของน้องสาว “เขาบอกพี่ว่าเขาเป็นหลานสาวของคุณท่าน” “เชอะ ก็แค่หลานไพร่คนหนึ่งก็เท่านั้น” สาวสวยหยันเสียงสูงทันที “ทำไมพูดจาแบบนั้นล่ะหญิง ไม่น่ารักเลยนะ” ชยกฤตตำหนิ เห็นทีระหว่างสองคนนี้คงไม่ใช่มิตรกันแน่แท้ “หญิงพูดเรื่องจริงนี่คะ” สาวเจ้าเชิดหน้าขึ้นเตรียมเถียงสู้ “แม่ของมันเป็นผู้หญิงหากิน ขายเรือนร่างตัวเองแลกเศษเงิน ถึงมันจะเป็นลูกของคุณอาวศันต์ แต่หญิงก็ไม่นับมันเป็นญาติเป็นน้องเด็ดขาด ถ้าเพื่อนๆ รู้ว่าหญิงมีไพร่ชั้นต่ำอยู่ในตระกูลคงขายขี้หน้าไปหนึ่งชาติ!” คนฟังไม่พอใจขั้นสุด เกลียดนักกับคนเจ้ายศเจ้าอย่างไม่รู้จักให้เกียรติผู้อื่น “หญิงจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ในเมื่อคนเราเลือกเกิดไม่ได้แล้วจะให้เขาทำยังไง เขาเลือกไม่ได้ว่าจะมีแม่เป็นคนจน เป็นผู้ดีหรือว่าไพร่ เพราะฉะนั้นหญิงไม่ควรไปตัดสินเขาเพียงเพราะเปลือกนอกที่หญิงเห็น คนเราถ้าจะตัดสินใครสักคนว่าดีหรือเลวควรรู้จักนิสัยใจคอกันเสียก่อน ไม่ใช่วัดจากทรัพย์สินเงินทองหรือชาติกำเนิด เพราะลูกหลานผู้รากมากดีบางคนขนาดเกิดบนกองเงินกองทองแท้ๆ เพียบพร้อมด้วยบริวารมากล้น ยังทำกิริยาวาจาเสมือนเป็นไพร่เอาเสียเอง” พูดจบชายหนุ่มก็ส่ายศีรษะเดินจากไปอย่างเอือมระอา ทิ้งให้หญิงสาวยืนอ้าปากค้างด้วยไม่คิดว่าจะถูกเขาพ่นวาจาดูแคลนใส่หน้าขนาดนี้ มาริษากำหมัดแน่น กัดริมฝีปากจนห้อเลือด “นังกาฝาก แกมันมารชีวิตฉันชัดๆ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD