Vekin & Prime 7 - งานเลี้ยง
หลังจากวันนั้นที่ฉันได้ไปทานข้าวกับพี่คินและพ่อของเขา เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย คงเพราะว่าพี่คินทำงานหนัก เวลาเองเท่าที่ฉันสอบถามก็ไม่ได้เจอพี่ชายของเธอเช่นเดียวกัน
จนวันนี้ฉันได้มางานเลี้ยงงานหนึ่ง ที่ถูกจัดขึ้น เพื่อรวมตัวนักธุรกิจให้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
และฉันก็ได้เจอกับพี่คินที่มางานนี้เช่นกัน
"คุณลุง คุณป้า สวัสดีครับ" พี่คินเดินเข้ามาทักพ่อแม่ฉัน และยกมือสวัสดีไหว้ทักทายด้วยความนอบน้อม
"อ้าวตาคิน มางานนี้ด้วยเหรอลูก" แม่ของฉันหันไปมอง แล้วยิ้มแย้มให้กับพี่คินพร้อมกับถามไถ่
"ครับ" พี่คินเองก็ตอบรับมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
"พี่คินสวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้เขาที่โตกว่า
"พี่ชายเราล่ะ" พี่คินก็รับไหว้และถามถึงพี่พร้อม
"พี่พร้อมไม่มาด้วยหรอกค่ะ" ซึ่งพอถูกถามถึงพี่ชายฉันก็มีสีหน้าที่เซ็งขึ้นมาทันที เพราะพี่พร้อมหาข้ออ้างมาปฏิเสธงานนี้จนได้ทิ้งให้ฉันมาเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียว
เอาจริง พี่ชายแบบนี้ไม่มีก็ได้
"มาคนเดียวเหรอคิน" พ่อของฉันถามขึ้นเพราะเห็นพี่คินเดินมาคนเดียว ฉันเองก็มองไปรอบๆ เพื่อหาครอบครัวของเขาเช่นกัน ส่วนเวลาวันนี้ไม่ได้มาด้วย เนื่องจากพี่ฮาร์ทไม่ว่างจึงไม่ได้มาส่วนครอบครัวของพี่ฮาร์ทก็มาตามปกติ
"ครับ แต่คุณเวนัยและครอบครัวก็ตามมาทีหลัง" พี่คินพยักหน้ารับและกล่าวบอกครอบครัวของคุณลุงวินัย ที่จะตามมาทีหลัง
"คุณพงษ์ สวัสดีครับ" ก่อนที่พวกเราจะได้ถามไถ่พูดคุยอะไรกันมากไปกว่านี้ก็มี คนมาทักพ่อฉันเสียก่อน
"อ้าวท่าน สวัสดีครับ" พ่อหันไปมองเเล้วก็ ทักทายอย่างเป็นกันเอง
"มายืนคุยอะไรกันตรงนี้ครับเนี่ย" อีกฝ่ายเข้ามาใกล้และท่านถามขึ้น
"พอดีเจอคนรู้จักน่ะ จริงสิ คิน นี่ท่านดิลก เป็นนักการเมืองท้องถิ่น คินน่าจะรู้จัก" พ่อของฉันจึงแนะนำพี่คินให้รู้จักกับชายคนนั้น
"สวัสดีครับ" พี่คิยกมือไหว้สวัสดี
"พ่อหนุ่มคนนี้คือ" ชายคนนั้นก็รับไหว้และหันไปถามพ่อฉันว่าพี่คินคือใคร
"รองประธานบริษัท Vnine ครับ" พ่อจึงแนะนำตำแหน่งของพี่คินในตอนนี้ให้กับอีกฝ่ายรู้จัก
"บริษัทนำเข้าอุปกรณ์ก่อสร้างของคุณเวนัยใช่ไหมครับ" อีกฝ่ายก็ทำหน้านึกสักพักจากนั้นก็กล่าวขึ้นถึงบริษัทของคุณลุงเวนัย
"ใช่ครับ เวคิณเป็นลูกชายจากภรรยาเก่าของคุณเวนัยครับ" พ่อของฉันจึงแนะนำสถานะของพี่คิมอีกอย่าง เพราะไม่อยากให้ใครมาดูถูก หากจะบอกว่าพี่คินขึ้นมาเป็นรองประธานด้วยอายุแค่นี้ คงจะมองถูกมองว่าไม่ดี และหากบอกว่าเป็นลูกชายของคุณลุงเวนัย ก็จะถูกมองว่าเป็นลูกเมียน้อย พ่อของฉันจึงต้องย้ำสถานะของเขาให้ชัดเจนจะได้ไม่มีคนมาดูถูก
"อย่างนี้นี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อหนุ่ม" นักการเมืองคนนั้นจึงพยักหน้าเข้าใจ และทักทายพี่คินกลับ
"ยินดีที่ได้รู้จักครับท่าน" พี่คินเองก็พูดกับอีกฝ่ายด้วยท่าทางนอบน้อม
"คนหนุ่มคนแต่นมาช่วยงานกิจการ คงเจริญขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ" ชายคนนั้นยกมือขึ้นมาตบไหล่พี่คิมเบาๆ และกล่าวขึ้น
"ขอบคุณมากครับ"
"ถ้ายังไงผมคงต้องขอตัวไปตรงนั้นก่อน" พอพูดคุยกับพ่อฉันซักพัก นักการเมืองคนนั้นก็ขอตัวไปพบปะกับผู้คนอื่นต่อ
"ตามสบายครับ" พ่อเองไม่ได้เหนี่ยวรั้งเอาไว้ บอกลากันและชายคนนั้นก็จากไป
"เป็นไงเรา เกร็งไหม" พอหันมาถามพี่คินที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากได้พูดคุยกับนักการเมืองแลกเปลี่ยนการทำงานต่างๆ
"ก็แปลกใหม่ดีครับ" พี่คินยิ้มรับและตอบกลับมาแบบกลาง ๆ ไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นหรือประหม่าแต่อย่างใด นั่นทำให้พ่อฉันมีสีหน้าพอใจขึ้นมามาก
"ยังไงก็อยู่กับลุงนี่แหละ เดี๋ยวลุงพาไปแนะนำให้รู้จักกับหลาย ๆ คน" ท่านจึงกระตือรือร้นที่จะพาพี่คินไปรู้จักกับคนหลายๆ คน
"ขอบคุณนะครับคุณลุง" พี่คินเองก็กล่าวขอบคุณด้วยความเกรงใจ
"อย่าเกรงใจไปเลย เรามันคนกันเองทั้งนั้น" แต่พ่อของฉันไม่ถือสา พอปกติเวลาที่บังคับพี่พร้อมมาด้วย สีหน้าของพี่ชายฉันไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะอยากรู้จักกับใครเลยด้วยซ้ำไป พอมาเจอพี่คิน ที่มีปฏิกิริยากับการพบปะผู้คน พ่อจึงอยากจะแนะนำเขาให้กับหลายๆ คนได้รู้จัก
จากนั้นคุณพ่อก็พาพี่คินไปรู้จักกับนักธุรกิจในวงการ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันใหญ่
ส่วนฉันและคุณแม่ก็มานั่งคุยกับกลุ่มคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย
"คนที่อยู่ข้าง ๆ คุณพงษ์คือใครกันคะนั่น" มีคุณนายคนหนึ่งชี้ไปที่พ่อของฉันและถามถึงคนข้าง ๆ ที่ถูกพ่อฉันลากไปตรงนั้นที ตรงนี้ที
"อ๋อ เป็นลูกชายของคุณเวนัยน่ะค่ะ"แม่ของฉันหันไปมองตาม แล้วร้องอ๋อขึ้นมาจากนั้นก็แนะนำพี่คินให้กับเหล่าคุณนายได้รู้จัก
"ตายจริง ตอนแรกนึกว่าลูกชายของคุณวดี นี่มีอะไรที่เราไม่รู้ไหมคะ" คนที่ถามจึงทำหน้าตกใจ และกล่าวขึ้น พร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยสายตามีเลศนัย
เล่นเอาฉันทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
"เห็นกันมาตั้งแต่เด็กค่ะ วันนี้เวคิณมีโอกาสมาร่วมงาน คุณพงษ์เลยอาสาพาไปรู้จักกับคนอื่น ๆ" แม่ของฉันไม่ได้ยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด และพูดถึงความสัมพันธ์ตั้งแต่พี่คินยังเด็กที่ตอนนั้นเขาเป็นเพื่อนบ้านของฉัน ทำให้พ่อแม่ฉันเอ็นดู พอวันนี้มีโอกาสได้ช่วยเหลือจึงอยากจะพาไปแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเขา
"แหม่ นึกว่าจะได้ยินข่าวดีของหนูพรีมซะแล้วนะคะ" หลายคนก็ทำหน้าเสียดายมองมาที่ฉัน เพราะตั้งแต่เด็กจนฉันอายุขนาดนี้แล้ว ฉันยังไม่มีแฟนเลย ทุกครั้งที่ถูกถามก็จะบอกว่าไม่เจอคนรู้ใจ ทุกคนจึงจับจ้องมาที่ฉัน เพราะอยากรู้ว่าในอนาคตฉันจะหาแฟนแบบไหน
"คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอกค่ะ ตอนนี้อยากให้เรียนไปก่อน" คุณแม่พูดปัดไปให้พ้นตัวฉันอย่างนุ่มนวล ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
ฉันนั่งปั้นหน้ายิ้มอยู่นาน แม้จะไม่อยากมาแค่ไหน แต่เพราะพ่อแม่ของฉันไม่ใช่นักธุรกิจเล็ก ๆ การพบปะกับผู้คนแบบนี้ช่วยสร้างคอลเนคชั่นให้กับพวกเราไม่น้อย
ไม่นานพี่คินกับคุณพ่อกก็มาหาพวกเรา แล้วชวนไปนั่งโต๊ะที่ถูกจัดไว้ให้กับครอบครัวของฉัน ส่วนพี่คินก็มานั่งแทนพี่พร้อมที่ไม่ได้มาด้วย
"เป็นยังไงบ้างคะ" ฉันถามถึงงานในครั้งนี้ว่าพี่คินรู้สึกยังไง ตื่นเต้นไหม
"ก็ดี" พี่คินก็ตอบกลับมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิม
"เสียดายที่เวลาไม่ได้มาด้วย" ฉันจึงชวนเขาพูดไปเรื่องอื่น เมื่อมองไปที่โต๊ะที่อยู่ไม่ไกลก็เห็นครอบครัวของพี่ฮาร์ท ฉันเลยเลือกที่จะพูดถึงน้องสาวของเขา
"ใช่" พี่คินเองก็พยักหน้าเห็นด้วย