Vekin & Prime 8 - ดูถูก
ฉันเข้าใจความรู้สึกของเขา เพราะเวลาเป็นลูกของคุณลุงเวนัยเหมือนกัน แต่ไม่แม้จะมีชื่อพ่อในใบเกิด จนตอนนี้ก็ไม่มีแม้แต่โอกาสได้เปิดเผยตัวตนว่าเป็นใคร ฉันเป็นพี่คินก็คงจะปวดใจไม่น้อย
"ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง" พี่คินหันมาถามฉัน
"อะไรเหรอคะ" ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจในคำถามของเขาเลย
"เรื่องเรียนน่ะ พี่ถามเวลาแล้วก็ไม่ยอมตอบอะไร บอกแค่ว่าไม่ได้เรียนหนัก" พี่คินจึงขยายความให้ฉันฟัง และกล่าวถึงเวลาด้วย ในช่วงนี้พวกเราไม่ได้เรียนหนักอะไรตามที่เวลาบอก
"ก็อย่างที่เวลาบอกเลยค่ะ พวกเราไม่ได้เรียนหนักอะไร" ฉันจึงกล่าวไปตามตรง เพื่อให้พี่คินสบายใจว่าเวลาไม่ได้โกหก ไม่ให้เขาคิดมาก เป็นห่วง
"ฝากเวลาด้วยนะ" พี่คินมักจะพูดคำนี้กับฉันเสมอ หากเป็นเรื่องของเวลา เราจะมักคุยกันได้มากขึ้น
"พี่คินไม่ต้องห่วงค่ะ" ฉันก็รับปากอย่างหนักแน่น เรื่องของเวลานี่ฉันเต็มที่อยู่แล้ว
พวกเรานั่งอยู่ที่โต๊ะสักพัก งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น ครอบครัว ไม่ใช่สิ ลุงเวนัยและครอบครัวก็มา ฉันไม่ชอบหน้ายัยวาวามาตั้งแต่เด็กแล้ว จึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีนัก
"สวัสดีครับคุณพงษ์ คุณวดี" คุณลุงเวนัยเข้ามาทักทายพ่อแม่ของฉัน พร้อมกับครอบครัว
"สวัสดีครับคุณเวนัย คุณมล" พ่อของฉันเองก็ทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง
"คุณลุงคุณป้าสวัสดีค่ะ" ยัยวาวาก็ยกมือไหว้พ่อแม่ของฉัน
"สวัสดีจ้ะหนูวาวา" แม่ของฉันจึงรับไหว้ พ่อของฉันกลับลุงเวนัยคุยกันสักพัก จากนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายไปนั่งโต๊ะ
"คินจะไปนั่งกับพ่อไหม" ก่อนจะไปลุงเวนัยก็ชวนพี่คินไปด้วย
"ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่นี่ดีกว่า" แต่พี่คินกลับปฏิเสธ เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองลุงเวนัยด้วยซ้ำ ฉันเข้าใจความรู้สึกของเขา คงไม่อยากไปร่วมโต๊ะกับ ครอบครัวที่ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ของตัวเอง
"แต่.." ลุงเวนัยจึงทำท่าจะแย้ง
"ไปกันเถอะค่ะคุณ เราจะได้ไปทักทายคุณหญิงด้วยนะคะ" แต่คุณป้ามลกลับมาคล้องแขนของคุณลุงไว้เสียก่อนและรีบเร่งให้ท่านไปทำความรู้จักกับคนมากมายที่มาร่วมในงานนี้
"อื้ม ถ้ามีอะไรก็ไปหาแล้วกัน" ลุงเวนัยจึงยอมคล้อยตามและกล่าวกับพี่คินทิ้งท้ายเอาไว้ จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะที่ถูกจัดไว้รับรอง
พอครอบครัวนั้นเดินไปแล้วฉันก็รู้สึกว่าคนข้างๆ มีอาการผ่อนคลายขึ้น เชื่อแล้วว่าเขาคงไม่ชอบพ่อตัวเองและคุณป้ามลแค่ไหน
"พรีมพาพี่เขาไปเดินเล่นสิลูก" พวกเรานั่งคุยกันสักพักจนคุณแม่หันมาบอกฉัน ให้พาพี่คินไปเดินเล่นเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการเบื่อหน่าย และแม่ก็รู้จักฉันดีว่าตอนนี้ฉันเองก็เริ่มเบื่อแล้ว
"ค่ะคุณแม่ พี่คินไปไหมคะ" ฉันจึงไม่ปฏิเสธและหันไปชวนพี่คินไปด้วยกัน
"ไปสิ" พี่คินก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายและลุกขึ้น เราสองคนเดินเคียงคู่กันออกมาจากโต๊ะนั้น
"หิวอะไรไหมคะ" ขณะที่กำลังจะเดินผ่านโซนอาหาร ฉันก็หันไปถามพี่คินเผื่อว่าเขาจะหิว
"ไม่" แต่พี่คินกลับส่ายหน้าปฏิเสธ ฉันจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไร
"ถ้าอย่างนั้นเราไปรับลมด้านนอกดีกว่าค่ะ พรีมมีที่ลับ" จากนั้นฉันจึงชวนเขาออกไปข้างนอก เพื่อไปนั่งเล่นสถานที่ลับที่ฉันและพี่พร้อมมักจะไปที่นั่นเสมอ เวลามาร่วมงานอะไรแบบนี้
"มาบ่อยเหรอ" พี่คินหันมามองฉันด้วยสายตาแปลกใจและถามฉัน
"ก็บ่อยนะคะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบจัดงานที่นี่กันนักก็ไม่รู้" ฉันจึงทำหน้าเซ็งและตอบกลับไป อยากจะบอกว่าฉันมาที่นี่ตั้งแต่เด็กด้วยความคุ้นเคย ไม่รู้ว่าทำไมคนถึงชอบจัดงานกันที่นี่นัก
"ไปกันเถอะ" พี่คินพยักหน้าเข้าใจและชวนฉันเดินออกไป
"ค่ะ"
"อ้าวพรีม" แต่ก่อนที่เราจะได้ก้าวขาออกไปจากงาน ก็มีคนทักทายฉันขึ้นเสียก่อน
"มีอะไร" พอหันไปมองก็พบว่าเป็นคนที่เคยเรียนด้วยกัน ก่อนที่ฉันจะย้ายไปโรงเรียนเดียวกันกับเวลา และความสัมพันธ์ก็ไม่ค่อยดีนัก ไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายมาทักทายแบบนี้จะมาหาเรื่องอะไรอีก
"นี่คือคำทักทายของเพื่อนเหรอจ๊ะ" เธอคนนั้นแสร้งทำเป็นน่าเศร้า และกล่าวขึ้นเหมือนโดนฉันรังแก
"เข้าใจผิดอะไรไปหรือเปล่า เท่าที่จำได้ ฉันไม่เคยมีเพื่อนแบบเธอนะ" แต่ฉันก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะเล่นไปตามน้ำกับเธอ และพูดขึ้นเสียงค่อนข้างดัง ฉันกับเธอไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว นอกจากจะพบปะในโรงเรียนและงานเลี้ยงแบบนี้เท่านั้น จะมาพูดเหมือนสนิทกันแบบนี้ก็ไม่ได้หรือเปล่า
"นี่" ยัยนั่นจึงหน้าเสียไปทันที
"แล้วนี่ใครอ่ะ ใช่ลูกเมียน้อยที่เขาว่ากันหรือเปล่า" เธอหันไปมองพี่คินจากนั้นก็แสยะยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวคำที่ทำให้ฉันขมวดคิ้วมุ่น
"พูดอะไรของเธอน่ะ" ฉันถามกลับเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"อ้าว นี่เธอไม่รู้เหรอ หรือรู้อยู่แล้ว แต่มองข้าม แล้วมารักกับลูกเมียน้อยอย่างนี้" ยัยนั่นจึงหันมายิ้มเยาะให้ฉันเหมือนคนที่อยู่เหนือกว่า
"อย่ามาพูดจาพล่อย ๆ นะ" ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก และทำท่าจะพุ่งตัวเข้าไปหาเธอ
"พรีม" แต่พี่คินกลับรั้งแขนฉันไว้และส่งสายตาเตือนเพื่อปรามไม่ให้ฉันก่อเรื่อง
"ฉันพูดผิดตรงไหน นี่ไม่ใช่พี่ชายของยัยวาเหรอ" ยัยนั่นก็ไม่เลิกที่จะพูดจายั่วยวนฉัน
"ผมไม่มีน้องสาวชื่อวา" คราวนี้เป็นพี่คินที่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเขาไม่มีน้องสาวที่ชื่อวา
"ก็ใช่สิ นายมันลูกเมียน้อยนี่นา" ยัยนั่นจึงพูดกับพี่คินเสียงแข็งขึ้นและดูถูกเขาเป็นอย่างมากฉันสังเกตเห็นมือพี่คินกำหมัดแน่น คงจะอดกลั้นอารมณ์ไม่น้อย
"นี่ ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่านะ ก่อนที่ฉันจะทำให้เธอไม่มีปากพูด" ฉันสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของพี่คินและตรงเข้าไปผลักไหล่เธอ
"อะไรกันจ๊ะพรีม ทำไมต้องโมโหแทนกันขนาดนี้ด้วย" แต่ยัยนั่นไม่มีทางตื่นกลัวเลยสักนิด และยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
"เธอไปเอาเรื่องบ้า ๆ แบบนี้มาจากที่ไหน" ฉันมองผู้หญิงตรงหน้าเหมือนคนโง่และถามหาที่มาของเรื่องนี้ ไปจัดการคนที่ปล่อยข่าวจะดีกว่ามาพูดกับคนโง่แบบนี้
"ก็เขาพูดกันให้แซด ว่าผู้ชายคนนี้เป็นลูกนอกสมรสของคุณลุงเวนัย" ยัยนั่นยักไหล่ จากนั้นก็พูดออกไปกว้างๆ ไม่ได้เจาะจง
"ยัยวาเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเธอสินะ" แต่ฉันพอจะเดาออก เพราะความสัมพันธ์ของยัยนี่กับยัยวาวาค่อนข้างจะดี เป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะออกจากปากยัยวาวามา
"ถ้าใช่แล้วจะทำไม" พอถูกจับได้ เธอก็ถามฉันกลับ
"ฉันก็จะทำให้เธอรู้ไงว่าอะไรคือความจริงกันแน่" ฉันมองไปรอบๆ เพื่อหา ต้นเหตุของข่าวลือเรื่องนี้จนไปเห็นยัยวาวาอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอ จึงพูดและรีบก้าวขาเดินตรงไปหายัยนั่นทันที
"พรีม" ฉันได้ยินเสียงพี่คินที่ร้องเรียกตามหลังมา
"พรีมหยุด" จนเขามาดึงแขนฉันไว้ และขอให้ฉันหยุด