ตอนที่8

1774 Words
ตอนที่ 8 หลังจากย้ายเรือนเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพอย่างเป็นทางการ หลินเหยียนหรงหรือก็คือตะวันเวอร์ชันทะลุมิติก็คิดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็มีโอกาสได้เจอพระเอกทุกวัน หรือไม่ก็...ได้ใช้ชีวิตแบบคุณหนูร่ำรวยกินหรูอยู่สบาย แต่...เปล่าเลย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในเรือนใหญ่ ซือหยางก็ก้าวออกไปจากจวนแทบจะทันทีเช่นกัน โดยทิ้งคำสั่งไว้อย่างเด็ดขาด “ห้ามแตะต้องของในเรือน ห้ามออกจากเขตเรือน ห้ามเข้าใกล้บ่าวชาย ห้ามรื้อค้นหนังสือ ห้ามอ่านรายงานทหาร ห้ามกินของว่างที่จัดไว้สำหรับแขกพิเศษ และห้ามรบกวนผู้อื่นโดยไม่มีเหตุจำเป็น” ห้าม ห้าม ห้าม แล้วก็ห้าม! ไม่รู้จะเรียกว่าฮูหยิน หรือผู้ต้องขังในบ้านหรู! หลังจากสามวันผ่านไป...สิ่งที่ตะวันทำได้คือเดินไปมารอบห้องหลัก สลับกับนั่งเท้าคางมองท้องฟ้าผ่านช่องหน้าต่างทรงกลมที่แง้มไว้เล็กน้อย “เสี่ยวผิง...ขืนยังเป็นแบบนี้ข้าต้องเฉาตายแน่!” นางสาวไทยสายซีรี่ส์กัดฟันบ่นเสียงดัง “ซีรี่ส์ก็ไม่มีให้ดู อะไรก็ไม่มีให้ทำ!! ทำไม ๆ ๆ ข้าต้องมารับกรรมอะไรเช่นนี้ด้วย!” เสี่ยวผิงรีบกุลีกุจอมาชงชาส่งให้ แต่ก็ไม่วายถอนหายใจหนัก ๆ แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “บ่าวขอโทษที่ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลยเจ้าค่ะ เพราะฮูหยินไม่เป็นที่โปรดปรานมาแต่ไหนแต่ไร...จึงโดนปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด” ตะวันชะงัก มองคนพูดด้วยสายตานิ่งงันก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ อย่างสมเพชตัวเอง “...นิสัยงี้ ใครมันจะโปรดข้าลง?” เธอพึมพำพร้อมยกมือเท้าคาง หยิบพัดไม้ไผ่มาโบกเบา ๆ แต่ก็ยังรู้สึกอุดอู้ ‘โอ้ย...นี่ชีวิตเรือนแม่ทัพหรือคุกทองคำกันแน่’ พอได้อยู่เงียบ ๆ สมองก็เริ่มทำงาน หน้าตาของซือหยางลอยวาบขึ้นมาในหัวอย่างไร้เหตุผล ‘นี่เขาเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับย้ายไปนอนค่ายทหาร ทิ้งเรือนหลังงามให้ฉันอยู่คนเดียวเนี่ยนะ!’ ซ้ำร้าย! บ่าวในเรือนก็ยังไม่กล้าคุยกับเธอ นอกจากเสี่ยวผิงสาวใช้คนสนิทที่กล้าหายใจใกล้ ๆอย่างไม่ได้นึกรังเกียจถึงอดีตที่เคยร้ายกาจ นางถอนใจยาวเหยียด แล้วตัดบทตัวเองขึ้นมาอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้การล่ะ! ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง” “เอ๊ะ? หือ? อะไรเจ้าคะ?” เสี่ยวผิงเงยหน้าจากการจัดชา ก่อนจะเงยหน้ามองนายหญิงพร้อมกับขมวดคิ้วงง ๆ ตะวันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สะบัดแขนเสื้อเบา ๆ ให้ดูแบบนางร้ายมีแผน! “ต้องกู้ชื่อเสียงกลับมา! เปลี่ยนจากนางร้ายนิสัยเสีย...ให้กลายเป็นฮูหยินผู้อ่อนโยน เป็นที่รักของทุกคนในจวน! แบบพรีเซนเตอร์โสมเกาหลีอะ...ยิ้มทีหนึ่ง สะเทือนใจทั้งเมือง!” เสี่ยวผิงมองเจ้านายอย่างประหลาดใจระคนตื่นตะลึง “...ท่านรู้จักพรี...อะไรนะเจ้าคะ?” “ช่างมันเถอะ เจ้ายังเด็ก ค่อยโตอีกหน่อยจะเข้าใจ!” เธอยักไหล่แล้วเริ่มวางแผนในหัวทันที ข้อแรก.ทำความดีแบบเห็นได้ชัด เช่น ช่วยเหลือบ่าว มีน้ำใจต่อผู้อื่น ข้อสอง.ไม่ขี้โวย ไม่เหวี่ยง สะกดใจตัวเองให้ได้อย่างน้อย 3 วัน ข้อสาม ต้องดูเป็นผู้ดี มีความรู้ อาจแอบยืมตำราแพทย์หรือตำราอาหารจากห้องสมุดจวนมาอ่าน... เธอกำลังจดลิสต์ในหัวอย่างตั้งใจ พลันเสียงเสี่ยวผิงดังขึ้นเบา ๆ “แต่ว่า...หากฮูหยินแตะต้องของในเรือน ท่านแม่ทัพจะทรงลงโทษ” ตะวันชะงัก “...เวรล่ะ” “เข้าครัวสิเจ้าคะ! ทำอาหารไปเอาใจท่านแม่ทัพ” หลังจากวางลิสต์แผนการในหัวจนครบเจ็ดข้อ ตะวันก็ตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ แล้วหันไปจ้องเสี่ยวผิงด้วยแววตามุ่งมั่น "เจ้าพูดถึงครัวเมื่อกี้ใช่ไหม?" เสี่ยวผิงพยักหน้า “เจ้าค่ะ ถ้าฮูหยินอยากทำอาหาร…ข้าว่าก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะเจ้าคะ” ตะวันพึมพำ “จริงด้วย…ไม่มีอะไรเอาชนะผู้ชายได้เท่ากับการคว้ากระเพาะของเขา!” เธอลุกพรวดขึ้นทันที ประหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเทพเจ้าแห่งหม้อไฟ ก่อนจะคว้าผ้าคลุมไหล่และหันมาทางสาวใช้คนสนิท “เสี่ยวผิง ไปตลาดกับข้า! วันนี้เราจะลองทำ ‘หม้อไฟปลานิล’!” “หา? ปลานิลคือปลาอะไรเจ้าคะ!?” “อ๋อ...คือปลาที่หน้าตาเหมือนจะอร่อยแต่มีแต่ก้าง! แต่ช่างมันเถอะ ที่นี่มีปลาอะไรก็ใช้ไปก่อน เดี๋ยวข้าดัดแปลงเอง!” บ่ายวันเดียวกัน ครัวเรือนใหญ่ของจวนแม่ทัพ กลิ่นขิงต้มกับพริกสดลอยฟุ้งไปทั่วครัว ชวนให้บ่าวไพร่ที่ผ่านไปมาพากันหันขวับ หลายคนถึงกับทำตาโตเมื่อเห็นฮูหยินแม่ทัพผู้เคยมีข่าวลือว่า "แตะมีดไม่เป็น จับกระทะแล้วโยนทิ้ง" กำลังยืนผัดเครื่องแกงหน้าดำหน้าแดง เสี่ยวผิงรีบช่วยพัดลมไล่ควัน พลางเช็ดเหงื่อให้คุณหนูในคราบแม่ครัวจำเป็น “ฮูหยินเจ้าคะ! ระวังมือเจ้าค่ะ! ข้าว่ามันจะไหม้แล้วนะเจ้าคะ!” “ไม่เป็นไร ข้าคุมได้! เอามะเขือเทศใส่! แล้วตามด้วยน้ำซุป ต้มแรง ๆ!” ตะวันพูดเร็วราวกับเป็นเชฟกระทะเหล็ก ขณะที่ในใจภาวนาไม่ให้กระทะระเบิด เธอเร่งมืออย่างตั้งใจ ใช้ความรู้จากรายการทำอาหารไทย และซีรีส์ย้อนยุคทุกเรื่องที่เคยดูผสมกันออกมาเป็นเมนูหม้อไฟลูกผสมที่มีทั้งกลิ่นจีนและไทยอย่างไม่รู้จบ สุดท้าย... หม้อไฟปลาร้อนฉ่าก็ถูกวางไว้ในตะกร้าไม้ไผ่ พร้อมถ้วยชามครบชุด ตะวันหรือ “หลินเหยียนหรง” ในร่างนางร้ายแห่งจวนแม่ทัพ ลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด มองหม้อไฟด้วยสายตาประหนึ่งว่านี่คืออาวุธสงคราม "เสี่ยวผิง เราจะไปส่งเสบียงที่ค่ายทหารกัน" เสี่ยวผิงที่กำลังพับผ้าขาวอยู่ชะงัก หันมาทำตาโตทันที “หา!? ไปค่ายทหารหรือเจ้าคะ!? ไม่ได้นะเจ้าคะ! ฮูหยินเป็นสตรี…ค่ายทหารไม่อนุญาตให้บุรุษพาภรรยาเข้าไปตามอำเภอใจนะเจ้าคะ!” “งั้นเราก็แต่งตัวแบบที่คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นสตรีสิ” “ฮูหยิน...แบบนี้เราจะ จะ โดนท่านแม่ทัพลงโทษไหมเจ้าคะ” “ลงโทษก็ลงโทษสิ! ข้ายินดีโดนลงโทษ ซือหยางจะได้เห็นถึงความตั้งใจของข้า!” เสียงของตะวันดังขึ้นอย่างมุ่งมั่น ขณะที่เธอสะบัดผ้าคลุมบ่าตัวเองแบบนางเอกในซีรีส์แอ็กชัน “ก็เขาไม่กลับมาจวนเลยนี่นาข้าจะเอาอกเอาใจเขาอย่างไรล่ะ!” เสี่ยวผิงยืนถือกะละมังผักอยู่มุมห้องอย่างอึ้ง ๆ “ท่านแน่ใจนะเจ้าคะว่า...ท่านไม่ได้อยากโดนลงโทษเพราะอย่างอื่น...?” “เจ้าจะคิดว่าเป็นพวกชอบโดนโบยหรือไงหา!” ตะวันหันขวับ คิ้วกระตุก “นี่มันความเสียสละล้วน ๆ! ข้าจะเป็นภรรยาดีเด่นไงล่ะ!” เธอพูดพลางยืนเท้าสะเอวอย่างองอาจ ก่อนจะหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างอย่างนางเอกละครที่กำลังรอพระเอกกลับมาจากสนามรบ ‘เชื่อเถอะเสี่ยวผิง ฉันดูซีรีส์มาหลายเรื่องแล้ว สุดท้ายพระเอกต้องใจอ่อน’ ตะวันพึมพำกับตัวเองในใจ แม้จะมีสติสัมปชัญญะพอจะรู้ว่าตรรกะมันก็แอบเพี้ยน ๆ อยู่หน่อย ๆ แต่เธอก็ยังยืนกรานเต็มที่ “โลกนี้มันเหมือนชีวิตจริงอีกภพนึง แน่นอนว่าตัวละครแต่ละคนย่อมไม่รู้ว่ากำลังเล่นซีรีส์อยู่” เธอหรี่ตามองเงาตัวเองในถาดน้ำข้างเตาถ่าน “แต่ไม่เป็นไร...เพราะฉันจะไม่ยอมตายให้บทนางเอกโผล่มาง่าย ๆ หรอก บอกแล้วไง ฉันจะเป็นคนเปลี่ยนบททั้งเรื่อง” “…ฮูหยินเจ้าคะ ท่าน...พูดภาษาอะไรเจ้าคะ?” ตะวันสะดุ้งนิด ๆ แต่รีบเปลี่ยนสีหน้า “เปล่า! ก็ภาษาข้านั่นแหล่ะ” “อ๋อ...” เสี่ยวผิงพยักหน้าทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ในใจแอบคิดว่า “ถึงจะเพี้ยน ๆ แต่ฮูหยินคนนี้ก็ไม่ปาของใส่หัวข้า แค่นี้ก็ดีเหลือเกินแล้ว” “เสี่ยวผิง!” เสียงตะวันดังขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่เกินกว่าจะเรียกว่าชวนคุยเล่น “เจ้าค่ะ ฮูหยิน!” เสี่ยวผิงเงยหน้าขึ้นจากตะกร้าเสื้อผ้าอย่างไว รู้สึกได้ถึงพลังความคิดไม่ปกติของเจ้านายอีกครั้ง “ในเมื่อเราตระเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว…” ตะวันในร่างของหลินเหยียนหรงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ด้านหลังมีพวกเสบียงอาหารทั้งสดทั้งแห้งห่อใส่แพ็กเรียบร้อย เหมือนกำลังจะออกเดินทางไปรบ “…ตอนนี้เหลือแค่ พร็อพแต่งตัว!” เสี่ยวผิงกะพริบตาปริบ ๆ “พร็อพ...อะไรหรือเจ้าคะ?” ตะวันหมุนตัวไปทางตู้เสื้อผ้าเก่าที่เธอพยายามขัดเงาไปแล้วสามรอบแต่ไม่สำเร็จ และเปิดมันออกอย่างมีชัย “เราจะปลอมตัวไปส่งเสบียงอาหารให้ท่านแม่ทัพซือหยางด้วยตัวเองยังไง...ถ้าไม่เนียนพอ ใครจะปล่อยให้เข้าไปถึงเขาได้กันล่ะ!” “หา!? จะไปเองจริง ๆ เหรอเจ้าคะ!?” “ใช่!” ตะวันชี้นิ้วไปที่ชุดบ่าวชายสีหม่น ๆ ตัวหลวมแต่อำพรางทรวดทรงได้ดี “นี่คือ ‘พร็อพระดับตำนาน’ ของเราสำหรับวันนี้! ชุดบุรุษ + ผ้าโพกหัวเก็บผม + สำรับอาหารสุดอร่อย!” “แล้ว...” เสี่ยวผิงลังเล “...แล้วเราจะทำยังไงถ้าท่านแม่ทัพจับได้ว่าเป็นหญิง?” ตะวันชะงักไปหนึ่งวินาที แล้วแสร้งทำหน้าครุ่นคิด “ถ้าเขาจับได้...ก็ต้องทำให้เขาจับใจให้ได้ก่อน!” เสี่ยวผิงแทบล้มพับกับพื้น “ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอประทานโทษล่วงหน้าไว้เลยได้ไหมเจ้าคะ…” ตะวันไม่ฟังแล้ว! เธอเดินไปหยิบผ้าโพกหัวขึ้นมาผูกอย่างทะมัดทะแมง หน้าเงาสะท้อนในกระจกคือหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิม...ในคราบบุรุษจำแลง “ข้าจะไปในนาม ‘ทหารใหม่แผนกครัวไฟ’ นำอาหารมาส่งตรงให้แม่ทัพด้วยตัวเอง!” “เจ้าคะ แล้วถ้าโดนถามชื่อ…?” “ข้าชื่อ…จิ่นเหอ!” “เจ้าคะ นั่นชื่อปลาหมัก!” “…งั้นเอาเป็น ‘อาเฟิง’ แล้วกัน ฟังดูมีแววรอดกว่า” เสี่ยวผิงมองเจ้านายที่กำลังสวมเสื้อแขนยาว ผูกผ้าเอว หิ้วสัมภาระอย่างทะมัดทะแมง เธอไม่รู้หรอกว่าฮูหยินตนนี้จะทำสำเร็จหรือไม่ แต่รู้เพียงอย่างเดียว... นี่ไม่ใช่หลินเหยียนหรงคนเดิมอีกต่อไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD