“คุณตอบไม่ได้ใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเข้ามาใกล้ฉันอีกเลยจะดีกว่า”
“ผมแค่ต้องการจะรู้จักคุณมากกว่านี้…”
เจย์เดนยอมตอบในที่สุด เขารั้งข้อมือเล็กที่กำลังจะเดินหนีให้หันกลับมาหาเขาเช่นเดิม ทั้งสองคนสบตากันนิ่ง ท่ามกลางสายลมอ่อน ๆ และแสงตะวันสีนวลที่กำลังจะลับพื้นน้ำไป เจย์เดนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเขาทำแบบนี้ทำไม เขารู้แค่ว่าเขาสนใจบางอย่างในตัวอลิชา บางอย่างที่หาไม่ได้จากผู้หญิงคนไหน บางอย่างที่เขาอยากจะลองพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าสิ่งที่เข้ามาวนเวียนอยู่ภายในหัวสมองของเขาตลอดเวลานี้คืออะไร
“เพื่ออะไรคะ? ฉันไม่ได้มีอะไรพิเศษให้คุณอยากจะรู้จักหรอกนะ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่มี”
“ฉัน…”
อลิชาถึงกับเถียงกลับไม่ถูก นั่นทำให้ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างพอใจ เขายังคงจับข้อมือเธอแน่น ในขณะที่เธอพยายามจะสะบัดออก เธอทำอย่างนั้นซ้ำ ๆ จนกระทั่งมันสำเร็จในที่สุด
“ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าคุณคิดจะทำอะไร แต่ที่แน่ ๆ ฉันไม่ต้องการในสิ่งที่คุณกำลังทำ ฉันไม่ชอบให้ใครมาตามติดชีวิตฉัน และไม่ชอบให้ใครมานินทากล่าวหาฉันในเรื่องที่มันไม่เป็นความจริง”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาทำให้มันเป็นจริงซะสิ ดีไหม?” เจย์เดนดึงร่างบางเข้าใกล้ มือหนาเคลื่อนลงกอดเอวคอดเอาไว้แน่น แม้ท่าทางเขาจะไม่เหมือนการคุกคาม แต่มันก็ไม่ต่างจากการบังคับกันเลยสักนิด
“นี่คุณ! เลิกล้อเล่นสักทีเถอะค่ะ! ฉันมาร่วมทริปนี้เพราะต้องการจะมาทำงานนะคะ ไม่ได้มาเพื่อเป็นของเล่นให้กับใคร!” อลิชาผลักแผงอกแกร่งออกจากตัว แต่มันไร้ผลเมื่อถูกฝ่ามือร้อน ๆ รวบเอวเข้าไปแนบชิดมากกว่าเดิม
“อย่าเพิ่งโกรธสิอลิซ ผมหมายถึงเรามาเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ต่างหากล่ะ” เจย์เดนพูดยิ้ม ๆ ในขณะที่อลิชาแทบจะข่วนหน้าเขาอยู่แล้ว จากที่เริ่มจะหายโกรธในตอนแรก กลับกลายเป็นโกรธมากกว่าเดิมอีก
“แต่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ และอีกอย่างเผื่อคุณจะลืม… คุณเป็นเจ้านายฉันนะคะคุณเจย์เดน ช่วยทำตัวให้สมกับเป็นเจ้านายด้วยค่ะ”
“ทีคุณยังทำตัวไม่เหมือนลูกน้องผมเลย”
“ฉันทำอะไรคะ!” เธอเถียงกลับควันออกหู ชักจะโมโหแล้วนะ! ทำไมเขาชอบพูดจากวนประสาทเธอจัง นี่เธอหนีจนไม่รู้จะหนียังไงแล้วนะ อยู่ ๆ มากล่าวหากันแบบนี้ได้ยังไง!
“ก็ชอบทำตัวน่ารักไง”
“อะ… อะไรนะคะ?” อลิชานิ่งไปหลายวินาที สมองพยายามประมวลคำพูดของเจย์เดนเมื่อครู่อีกครั้ง เมื่อกี้เขาบอกว่าเธอชอบทำตัวน่ารัก… อย่างนั้นเหรอ?
“ตัวคุณหอมจัง”
เฮือก!
ร่างบางสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ รู้สึกถึงลมหายใจร้อน ๆ ข้างแก้ม เสียงกระซิบชิดใบหูช่วยเรียกเลือดในกายให้สูบฉีดขึ้นมาทันที เจย์เดนก้มหน้าลงมาใกล้เธอมาก... ใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจกรุ่นร้อนของเขา
“ผมชอบกลิ่นหอม ๆ ของคุณจังอลิซ” เสียงกระซิบดังขึ้น คราวนี้มันใกล้มากจนรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มของริมฝีปากร้อน ๆ ซึ่งแตะแต้มลงบนผิวแก้มของเธอที่ร้อนฉ่าไปหมด ร่างกายเริ่มสั่นเทาแปลก ๆ เธอเผลอจิกเล็บลงบนแผงอกของเขาโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ริมฝีปากของทั้งคู่เกือบจะสัมผัสกัน…
พลั่ก!
“หยุดสักทีเถอะค่ะ!”
อลิชารวบรวมสติแล้วออกแรงผลักเจย์เดนออกจากตัวเอง และเพราะเขาไม่ทันตั้งตัวร่างสูงจึงเสียหลักถอยห่างจากเธอโดยง่าย เขามองหญิงสาวด้วยสายตาร้อนแรงและเรียกร้องตามอารมณ์ที่ถูกกลิ่นหอม ๆ จุดประกายขึ้น อลิชาเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อรับรู้ถึงความต้องการของเขา เธอรู้แล้วว่าเขาเข้ามาทำดีกับเธอทำไม…
เจย์เดนก็ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นหรอก!
“ฉันเกลียดผู้ชายอย่างคุณที่สุด… พวกสมภารกินไก่วัด…”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะอลิซ…”
“ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันอย่างไหนล่ะคะ? นี่ฉันเป็นพนักงานของคุณนะคะคุณเจย์เดน คุณไม่ควรทำรุ่มร่ามกับฉันแบบนี้อีก” คนตัวเล็กจ้องตาเขาอย่างไม่กลัวเกรง เธอรู้สึกเหนื่อยที่ต้องคอยสู้รบตบมือกับเจย์เดนอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ นี่ขนาดแค่วันแรกของทริปเธอยังเหนื่อยขนาดนี้ แล้วอย่างนี้เธอจะร่วมทริปตลอดสามเดือนโดยปลอดภัยจากผู้ชายอย่างเขาได้ยังไงกัน!
“โอเคครับ ผมขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้ละกัน ผมคงมองคุณมากไปหน่อย คุณอย่าถือสาผมเลยนะครับ”
ร่างบางขมวดคิ้วใส่เขาอย่างไม่เข้าใจในคำขอโทษ เจย์เดนหมายความว่ายังไงกัน ที่เขาทำรุ่มร่ามกับเธอเมื่อครู่เป็นเพราะเขามองเธอมากไปอย่างนั้นน่ะเหรอ?
“อลิซ… คุณหายโกรธผมแล้วใช่ไหมครับ”
นี่เขายังจะกล้าถามคำนั้นกับเธออีกเหรอ!
เหอะ! เขามันหน้ามึนจริง ๆ เลย!
“นี่ก็เริ่มจะค่ำแล้ว ฉันขอตัวกลับโรงแรมก่อนแล้วกันนะคะ” อลิชาไม่ตอบแต่เลือกจะพูดปัดแล้วเลี่ยงออกมาแทน เมื่อเห็นว่าเจย์เดนไม่พูดอะไร เธอก็อาศัยจังหวะนั้นเดินหนี รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเดินพ้นจากเขามาแล้ว
ผู้ชายคนนี้อยู่ใกล้นาน ๆ แล้วมันไม่ดีจริง ๆ มันไม่ดีต่อหัวใจเธอน่ะ…